ซุนเหยียนเอ๋อร์เองก็ตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว ตอนนี้ยังดูไม่ออกนัก แม้ด้านในจะไม่มีความเคลื่อนไหวอันใด ทว่าใบหน้าของนางก็ตกใจจนซีดขาว ถูกเซียวเชียนจย่งกุมมือหนึ่งข้างเอาไว้จึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ชายชราในชุดเสื้อผ้าเรียบง่ายย่อตัวนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งด้านในเรือนกำลังเด็ดดอกไม้ตรงหน้า อาจารย์อายกเท้าขึ้นมาถีบเขาอย่างหงุดหงิด “นั่นคืออวี้หวงเผา ท่านอย่าไปเด็ดมันได้หรือไม่” ดอกไม้ยังไม่ทันได้บานสะพรั่ง ต้องมาถูกเด็ดจนจะไม่เหลือแล้ว
“เหอะ” ชายชราโยนดอกไม้ในมือทิ้งอย่างรังเกียจ สำหรับเขาดอกไม้ที่ไม่อาจนำมาปรุงยาได้นับว่าไร้ประโยชน์ ต่อให้เป็นอวี้หวงเผาที่มีมูลค่าดอกละสองร้อยตำลึงก็ตาม
“เสด็จแม่ ไยด้านในจึงไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยเพคะ” พระชายาซื่อจื่อเอ่ยถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แม้ไม่เคยให้กำเนิดบุตรมาก่อน แต่นางก็เคยเห็นคนคลอดมาก่อน สตรีที่กำลังจะคลอดนั้นร้องดังจนสั่นสะเทือนไปทั่วฟ้า ทำให้คนคิดสงสัยว่าการมีลูกนั้นเป็นความคิดที่ดีหรือไม่ ทว่าหนานกงมั่วเข้าไปนานหลายชั่วยามแล้วกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด
พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ย “เพิ่งเริ่มต้นไม่มีความเคลื่อนไหวสิถึงจะถูก หากเริ่มร้องห่มร้องไห้ตั้งแต่ตอนนี้ ถึงยามต้องคลอดจริงๆ ยังจะมีเรี่ยวแรงอยู่อีกหรือ”
คนที่อยู่ในสถานการณ์ นอกจากพระชายาเยี่ยนอ๋องแล้วก็ไม่เคยมีใครให้กำเนิดบุตรมาก่อน เมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้นจึงวางใจขึ้นมาบ้าง พระชายาเยี่ยนอ๋องขมวดคิ้วเอ่ยด้วยความสงสัย “เพียงแต่เด็กคนนี้ช่างมีความอดทนเหลือเกิน ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยจริงๆ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูสักหน่อย พวกเจ้า…ให้คนไปเตรียมอาหารส่งเข้าไปด้านใน ต้องกินอันใดสักหน่อยจึงจะมีกำลัง” ท้องแฝดหนา นึกถึงตนเองจนถึงยามนี้ยังมีหลานสาวเพียงคนเดียว พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงรู้สึกอิจฉาองค์หญิงฉังผิงขึ้นมา เพียงแต่…เหลือบไปมองซุนเหยียนเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง อีกไม่นานนางก็จะมีหลานสาวหลานชายเพิ่มอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงล้วนดีทั้งนั้น
“เพคะ เสด็จแม่ พวกเราจะไปจัดเตรียมเดี๋ยวนี้เพคะ” จูชูอวี้เอ่ยรับเสียงเบา
ชวีเหลียนซิงก้าวขึ้นมาด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่รบกวนฮูหยินน้อยรองหรอกเจ้าค่ะ บ่าวไปจัดเตรียมก็พอแล้วเจ้าค่ะ” ใช่ว่าพวกนางมีใจไปตัดสินใคร เพียงแต่เวลาสำคัญเช่นนี้ระวังเอาไว้จะดีกว่า
แน่นอนจูชูอวี้รู้ดีว่าคนเรือนชิงมั่วไม่มีทางปล่อยให้ตนไปแตะต้องอาหารของหนานกงมั่ว แม้ว่าตัวนางจะไม่โง่ถึงขั้นทำอันใดต่ออาหารของหนานกงมั่วก็ตาม เพียงแสดงท่าทีต่อหน้าพระชายาเยี่ยนอ๋องเท่านั้น เมื่อได้ยินชวีเหลียนซิงเอ่ยเช่นนี้จึงพยักหน้าตอบรับทันใด “รบกวนอันใดกัน แม่นางชวีไปจัดการเถิด”
“เว่ยจวินมั่วจะกลับมาเมื่อใด” คุณชายเสียนเกอลืมตาขึ้นพลางเอ่ยถาม
เซียวเชียนชื่อรีบเอ่ยตอบ “ส่งม้าเร็วไปแจ้งพี่ชายแล้ว คืนนี้คงจะมาถึง”
คุณชายเสียนเกอขมวดคิ้ว เซียวเชียนชื่อนึกว่าเขาไม่พอใจว่าเว่ยจวินมั่วกลับมาช้า รีบเอ่ยอธิบาย “ค่ายบัญชาการเมืองโยวโจวห่างจากเมืองโยวโจวต้องใช้เวลาสามชั่วยาม ไปกลับ…”
คุณชายเสียนเกอเลิกคิ้วมองผู้สืบทอดเยี่ยนอ๋องตรงหน้า เอ่ยเสียงเรียบ “ซื่อจื่อคิดมากไปแล้ว” เขาเพียงคิดว่าหากเว่ยจวินมั่วกลับมาช้า ไม่แน่เขาอาจจะแบ่งทารกจากศิษย์น้องมาได้สักคน อย่างไรเสีย…ศิษย์น้องยังคลอดได้อีก คงไม่รังเกียจที่จะแบ่งเขาสักคนหรอกกระมัง
คุณชายเสียนเกออายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด ไร้ภรรยาไร้อนุ ในปกครองยังว่างเปล่าพลันรู้สึกเปล่าเปลี่ยวขึ้นมาแล้ว
ผู้สืบทอดเยี่ยนอ๋องลูบจมูกไม่เอ่ยสิ่งใดอีก ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนเขาคิดมากเกินไป
ภายในห้อง หนานกงมั่วนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางสงบนิ่ง องค์หญิงฉังผิงและเหล่าหมอตำแยที่ยืนอยู่ด้านข้างไร้ซึ่งวาจา เหล่าหมอตำแยเคยรับทำคลอดมาไม่น้อย ไม่เคยเห็นสตรีตั้งครรภ์คนไหนนิ่งได้ถึงเพียงนี้
“เป็นอันใดกัน ไยจึงเงียบเพียงนี้” พระชายาเยี่ยนอ๋องเดินเข้ามา เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ หนานกงมั่วหันไปส่งยิ้มให้ เอ่ย “เสด็จป้า ไยจึงมาแล้วเพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องชี้ไปด้านนอก เอ่ย “ด้านนอกมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังรออยู่”
หนานกงมั่วพูดไม่ออก “ยังเร็วไปเพคะ เพิ่งเริ่มปวดท้องไปไม่นานเท่านั้น ครรภ์แรกไหนเลยจะคลอดเร็วเพียงนั้น”
เหล่าหมอตำแยที่อยู่ด้านข้างเองก็พยักหน้า เอ่ย “พระชายา องค์หญิง จวิ้นจู่เอ่ยถูกแล้วเพคะ เกรงว่าคงต้องรอเวลาอีกสักพักเพคะ”
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสด็จป้า เสด็จแม่ พวกท่านออกไปพักผ่อนเถิดเพคะ รอหม่อมฉันใกล้คลอดก่อนค่อยเข้ามาก็ได้ ถึงตอนหม่อมฉันคลอดจริงๆ แล้วพระองค์กลับไม่ไหวเสียแล้วไม่ได้นะเพคะ”
องค์หญิงฉังผิงกลอกตามองนาง เอ่ย “ตอนนี้เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่เจ็บเลยจริงๆ หรือ” นางเองก็เคยคลอดบุตร ไม่เจ็บนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ แม้การร้องโอดครวญจะเกินไปสักหน่อย ทว่าสีหน้าของหนานกงมั่วกลับนิ่งสงบจนน่าแปลก
หนานกงมั่วก้มลงไปลูบหน้าท้อง เอ่ย “ยังไหวอยู่เพคะ ยังพอทนได้”
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ “เอาเถิด เจ้าอยากกินอันใดข้าจะให้คนทำมาให้”
หนานกงมั่วโบกมือด้วยรอยยิ้มจนตาหยี เอ่ย “อันใดก็ได้เพคะ” เพียงคิดว่าวันนี้จะได้สะบัดเจ้าก้อนโตนี้ออกไปได้ อารมณ์พลันดีขึ้นมาเป็นพิเศษ กินสิ่งใดก็อร่อยหมด
องค์หญิงฉังผิงและพระชายาเยี่ยนอ๋องมองสบตากัน เดินออกไปอย่างจนใจ
ค่ายทหารที่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ ได้ยินคำรายงานขององครักษ์ที่รีบเข้ามา คุณชายเว่ยรีบลุกขึ้นจนเกือบถีบโต๊ะตรงหน้าคว่ำไปแล้ว พัดในมือของคุณชายฉังเฟิงที่ถูกโบกไปมาพลันร่วงลงไปบนพื้น ลูบจมูก คุณชายฉังเฟิงเก็บพัดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มตาหยี “คุณชายเว่ย ยินดีด้วย” คลอดครั้งเดียวก็มีถึงสอง ช่างน่าอิจฉาริษยาเสียจริง
เว่ยจวินมั่วปรายตามองลิ่นฉังเฟิงเล็กน้อย “ข้ากลับไป เจ้าอยู่ที่นี่”
คุณชายฉังเฟิงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ บุรุษที่อยากเป็นบิดานั้นใหญ่ที่สุด หากเขาไม่ยอม เว่ยจวินมั่วคงฆ่าเขาให้ตายได้ในทันทีใช่หรือไม่
การจะออกจากค่าย แน่นอนว่าไม่รายงานต่อเซี่ยลี่ไม่ได้ ผ่านการรบในฤดูหนาวเมื่อปีที่แล้วไปแล้ว เซี่ยลี่ราวกับแก่ลงไปอีกสิบปี เมื่อได้ยินคำของเว่ยจวินมั่ว เซี่ยลี่จึงเงียบไปชั่วครู่ เอ่ย “ซิงเฉิงจวิ้นจู่จะคลอดนับเป็นเรื่องมงคล น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจไปร่วมยินดีได้ด้วยตนเอง คงต้องยินดีกับแม่ทัพเว่ยก่อน”
เว่ยจวินมั่วยกมือขึ้นประสาน เอ่ย “ขอบคุณท่านแม่ทัพ”
เซี่ยลี่ถอนหายใจ โบกปัดมือ เอ่ย “ช่างเถิด แม่ทัพเว่ยไปก็พอแล้ว อย่างไรยามนี้ในกองทัพก็ไม่มีเรื่องใหญ่อันใด”
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ข้าขอตัวแล้ว”
เซี่ยลี่พยักหน้า ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก มองแผ่นหลังของเว่ยจวินมั่วเดินออกไปแล้วเนิ่นนานจึงถอนหายใจออกมา
“ท่านแม่ทัพ ไยต้องปล่อยเว่ยจวินมั่วไปเล่า” ชายในชุดสีเทาเดินออกมาจากด้านหลัง เอ่ยถามเสียงเข้ม
เซี่ยลี่เงยหน้าขึ้น ปรายตามองเขา เอ่ยถาม “ไม่ปล่อยไป แล้วจะทำอันใดได้ ซิงเฉิงจวิ้นจู่จะคลอดแล้ว หากข้าไม่ยอมให้เขาไปแล้วจะอธิบายต่อเยี่ยนอ๋องเช่นไร”
“อธิบายอันใดหรือ” ชายในชุดสีเทาโกรธจนลนลาน เอ่ย “ก็จัดการเว่ยจวินมั่ว…” สบเข้ากับสายตาเหยียดหยันของเขา ชายในชุดสีเทาพลันชะงักหุบปากลง เซี่ยลี่เอ่ย “เจ้าจะบอกว่า สังหารเว่ยจวินมั่วให้สิ้นอย่างนั้นหรือ เจ้าจะสังหารหรือให้ข้าสังหารเล่า ข้ารู้ตัวว่าตนเองไม่มีความสามารถนั้น หรือว่า เจ้าจะไปดีเล่า”
“แม่ทัพเซี่ย ท่าน…” ชายในชุดสีเทาโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ แม้ก่อนหน้านี้ไม่อาจประมาณถึงฝีมือของคุณชายเว่ยได้ รู้เพียงว่าเขาเป็นเจ้านายผู้อยู่เบื้องหลังวังจื่อเซียว ทว่าตลอดระยะเวลาไปมาเขตชายแดนตลอดครึ่งปีมานี้ก็พอเข้าใจได้แล้ว ต้องการสังหารเว่ยจวินมั่ว ไม่มีวิธีการที่สมบูรณ์แบบก็ราวกับส่งไปตาย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ในมือของเว่ยจวินมั่วยังมีลิ่นฉังเฟิงรวมไปถึงเหล่าลูกน้องวรยุทธ์สูงส่งผู้ซื่อสัตย์