ตอนที่ 176 เส้นทางสู่วิถีเซียนยากจะก้าวเดิน ข้ากลับมาแล้ว!
ณ ราชวงศ์เทพขนนก วังจักรพรรดินี
“เซียนธุลีสีชาดเป็นนามที่สื่อถึงเซียนแห่งธุลีสีชาด โลกแห่งเซียน! หากต้องการที่จะเป็นเซียนธุลีสีชาด กุญแจสำคัญคือการเข้าใจเส้นทางของธุลีสีชาด เมื่อเข้าใจแล้วก็สามารถกลายเป็นเซียนได้ หากไม่เข้าใจก็คงเป็นได้เพียงมนุษย์ธรรมดา!”
หนิงฝานนั่งอยู่ในพระราชวัง จดจ่ออยู่กับความคิดของเขา พยายามทำความเข้าใจอย่างเต็มที่เพื่อเข้าถึงเส้นทางแห่งธุลีสีชาด!
ทว่าธุลีสีชาดเป็นเส้นทางที่มองไม่เห็น แสนสุดจะพรรณาออกมาได้ กระทั่งไม่สามารถที่จะสอนได้… และแม้แต่การลงชื่อเข้าใช้ระบบก็ช่วยได้ไม่มากนัก ทำได้เพียงค่อย ๆ ตระหนักรู้ด้วยตนเองไปเพียงทีละเล็กทีละน้อยเท่านั้น!
เช่นเดียวกับเวลาที่ค่อย ๆ ไหลผ่านไป!
สามปี!
ห้าปี!
สิบปี!
เพียงชั่วพริบตา หนิงฝานใช้เวลาอยู่ในวังจักรพรรดินีนานถึงสิบปีเต็ม แม้ว่าจะเริ่มเข้าใจเส้นทางแห่งธุลีสีชาดบ้างแล้ว แต่หากต้องการที่จะเป็นเซียนธุลีสีชาดก็ยังขาดไปอีกไกลโข!
“เส้นทางสู่วิถีเซียนยากจะก้าวเดิน ยากเสียยิ่งกว่าการปีนป่ายขึ้นสู่สวรรค์”
ในที่สุด หนิงฝานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าหลังจากที่เขาข้ามมายังโลกนี้ เขาไม่เคยรู้สึกเลยว่าการฝึกฝนของตนนั้นจะมีความยากลำบากอะไร ทว่าในครั้งนี้มันช่างยากลำบากจริง ๆ
มิใช่ว่าเขาไม่สามารถเป็นเซียนได้ แต่เป็นเพราะว่าวาสนาของเขานั้นน้อยเกินไป!
เมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์การบ่มเพาะของผู้ฝึกยุทธ์ทั้งเก้าแคว้นแล้ว หาเคยมีมนุษย์คนใดเป็นเซียนธุลีสีชาดได้โดยมิผ่านเคราะห์อุปสรรคและความยากลำบากนับพันครั้ง แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดกลายเป็นเซียนในช่วงหนึ่งแสนปีที่ผ่านมา!
นับประสาอันใดกับหนิงฝานจะกลายเป็นเซียนได้เพียงปิดด่านฝึกตนสิบปี!
“หือ? เหตุใดข้าต้องดื้อดึงเพื่อที่จะเป็นเซียนธุลีสีชาดด้วย หากเป็นเซียนไม่ได้ก็จะไม่สามารถรับมือกับเซียนธุลีสีชาดได้เลยงั้นหรือ!”
ทันใดนั้น หนิงฝานก็คิดสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ในหัว และด้วยความคิดนี้ ในใจของเขาก็ราวกับมีม่านหมอกเกิดขึ้น เขาค้นพบหนทางใหม่แล้ว!
จำต้องรู้ว่า เขาสามารถสังหารศัตรูข้ามขอบเขตได้ เช่น ครั้งแรกที่เขาลงมือเอาชนะโกเลมยักษ์หรือเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของปรมาจารย์ไท่เสวียน ทั้ง ๆ ที่เขาอยู่เพียงขอบเขตครึ่งก้าวราชันยุทธ์ เช่นเดียวกับตอนอยู่ที่แคว้นเซียน ครานั้นเขาซึ่งอยู่ในระดับเทพสูงสุดสังหารเจ้าสำนักเซียนวิถีสวรรค์ที่เป็นถึงขอบเขตกึ่งเซียนลงได้
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า เมื่อตัวเขามีพลังที่แข็งแกร่งมากพอก็สามารถจัดการกับขอบเขตอื่น ๆ ได้เช่นกัน!
“หึ! ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นตัวประหลาดไปแล้ว เมื่อข้าแข็งแกร่งจนไร้เทียมทาน ต่อให้เป็นเซียนธุลีสีชาดข้าก็ไม่เกรงกลัว!”
คิดได้เช่นนั้น หนิงฝานก็ไม่ได้หมกมุ่นกับการเป็นเซียนอีกต่อไป แต่หันมาสนใจการขัดเกลาพลังบ่มเพาะของตนเองอย่างบ้าคลั่ง!
สิบห้าปี!
ยี่สิบปี!
สามสิบปี!
เมื่อเวลาผันผ่าน พลังบ่มเพาะของหนิงฝานก็ยิ่งพัฒนามากขึ้น!
กึ่งเซียนก้าวที่หก!
กึ่งเซียนก้าวที่แปด!
กึ่งเซียนก้าวที่สิบ!
กึ่งเซียนก้าวที่สิบสอง!
…
แม้แต่ตัวหนิงฝานเองก็ไม่รู้ว่า เขาเดินทางมาไกลจากขอบเขตกึ่งเซียนมากน้อยแค่ไหน เพราะในความคิดของเขาตอนนี้มีเพียงความเชื่อเดียวเท่านั้นคือ ค่อย ๆ ก้าวจากการเป็นขอบเขตกึ่งเซียนไปทีละก้าว ๆ ไปเรื่อย ๆ เช่นนั้นจนกว่าจะถึงขั้นเซียน!
และแน่นอนว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ หนิงฝานเอาแต่เก็บตัว จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนเองก็มิได้นิ่งเฉย!
อาศัยสมบัติเซียนต่าง ๆ ของหนิงฝาน ขัดเกลาพลังบ่มเพาะให้พัฒนามากขึ้น ฝึกฝนกองกำลังทหาร สร้างค่ายกลและอื่น ๆ เพื่อเพิ่มขุมพลังให้กับราชวงศ์เทพขนนกให้ได้มากที่สุด และเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการรุกรานจากแคว้นเซียน!
…
ในไม่ช้า เวลาก็ผ่านไปถึงห้าสิบปี!
ณ แคว้นเซียน ตำหนักเซียน!
ภายในตำหนักเซียนมีการประชุมของหนึ่งตำหนัก สามขุนเขา ห้าพรรค เจ็ดสำนักอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้แตกต่างไปจากเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว ครานี้ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังที่เกินกว่าจะควบคุมได้!
ในที่สุด หลังจากผ่านมานานกว่าห้าสิบปี ร่างกายของเซียนก็ถูกหล่อหลอมขึ้นจนสำเร็จ!
ปัง!
หม้อหลอมสวรรค์ที่หมุนมานานกว่าห้าสิบปีก็หยุดลง คล้อยหลังจากสิ้นเสียงดังกึกก้อง ยามนี้ในตำหนักใหญ่ซึ่งปูด้วยหินศักดิ์สิทธิ์พลันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
“เปิด!”
ท่ามกลางสายตากังวลของเหล่าฝูงชน เยี่ยฉิงชางโบกมือและตะโกนขึ้น ฝาครอบของหม้อหลอมสวรรค์ลอยออกไปในทันที จากนั้นแสงเซียนพร่างพราวก็สาดส่องออกมาจากภายในหม้อ แสงนั้นส่องสว่างไปทั่วทั้งตำหนักใหญ่!
ครืน!
และทันทีที่หม้อหลอมสวรรค์เกิดการสั่นขึ้น ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นภายในตำหนักใหญ่!
ร่างนั้นมีขนาดสูงใหญ่ นั่งขัดสมาธิ ผมหนาสีดำขลับ ดวงตาปิดอยู่ โหนกแก้มคมเป็นสันสูง ทั่วทั้งร่างเจิดจ้าไปด้วยแสงเซียน ถึงแม้จะมีเพียงร่างกาย ทว่าพลังที่แผ่ออกมาอย่างอิสระนั้นทำให้เหล่ากึ่งเซียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวและราวกับถูกกดสะกดข่ม!
“หืม! ร่างกายนี้ช่างสมบูรณ์แบบเสียจริง!”
“หึ! เพราะว่าใช้สมบัติเซียนหลายชิ้นสร้างร่างเซียนนี้ขึ้นมา มันทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดจริง ๆ!”
“ในที่สุดก็สร้างร่างเซียนที่สมบูรณ์แบบสำเร็จแล้ว ไม่เสียแรงที่พวกเราลงทุนไปด้วยสมบัติเซียนมากมาย!”
“ฮ่า ๆ! มีร่างเซียนนี้อยู่ ท่านบรรพบุรุษตำหนักเซียนจะต้องสามารถจุติใหม่ได้เป็นแน่!”
“…”
เมื่อมองไปยังร่างกายที่ปกคลุมด้วยแสงเซียนนั้น เหล่ากึ่งเซียนต่างก็ส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้น!
เยี่ยฉิงชางรู้สึกตื่นเต้นยิ่ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความร้อนผ่าว “ดี! ร่างเซียนสมบูรณ์แบบเช่นนี้ จะต้องสามารถรองรับวิญญาณท่านบรรพบุรุษได้แน่นอน ทันทีที่วิญญาณและร่างกายหลอมรวมเข้ากันแล้ว ท่านบรรพบุรุษจะต้องถือกำเนิดอีกครั้งแน่!”
หลังจากนั้นเขาก็เตรียมการและคุกเข่าลงด้วยความเคารพ
ขณะเดียวกัน เขายกมือทั้งสองข้างขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพและจริงจัง “ข้า เยี่ยฉิงชาง เจ้าตำหนักลำดับที่แปดแห่งตำหนักเซียน น้อมต้อนรับวิญญาณเซียนของท่านบรรพบุรุษ!”
ครืน!
สิ้นประโยคนั้น ก็พลันบังเกิดกลุ่มแสงลุกโชติช่วงโผล่ออกมา แสงนั้นส่องประกายไปทั่ว หลังจากนั้นพลังเซียนก็กวาดไปทั่วทั้งตำหนักเซียน!
“น้อมต้อนรับวิญญาณเซียนของท่านบรรพบุรุษ!”
เซียนธุลีสีชาดที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าจะเป็นเพียงวิญญาณเซียนที่กำลังอยู่ในการจุติใหม่ ทว่าเหล่ากองกำลังก็ไม่กล้าที่จะทำผิดพลาด แม้พวกเขาจะไม่ได้คุกเข่าลงอย่างเยี่ยฉิงชาง แต่ใบหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
ครืด!
ภายใต้การควบคุมอย่างระมัดระวังของเยี่ยฉิงชาง แสงจิตวิญญาณเซียนก็รวมเข้ากับร่างเซียนในตำหนักใหญ่ทันที!
พรึ่บ!
ทันทีที่จิตวิญญาณเข้าไปสู่ร่าง ร่างนั้นก็สั่นสะท้านในทันทีก่อนจะสงบลงอีกครั้ง แม้จะรออยู่อีกสักพักหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”
“หรือว่า… ไม่ประสบผลสำเร็จ!”
“มิน่าใช่ ร่างกายเซียนก็ไม่ได้เป็นอันใดนี่!”
“ไม่สำเร็จไม่ได้ หากไม่สำเร็จ พวกเราคงทำได้เพียงรอวันที่หนิงฝานมาล้างแค้นแล้วล่ะ!”
“…”
สีหน้าของเหล่ากองกำลังต่างเป็นกังวลและหวาดกลัว!
แม้แต่เยี่ยฉิงชางก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน!
ตอนแรกที่อยู่ในกระท่อม ท่านบรรพบุรุษแห่งตำหนักเซียนกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการกำเนิดใหม่จากความตาย แม้ว่าจะถูกหนิงฝานทำลายร่างกายไปแล้ว แต่จิตวิญญาณของท่านบรรพบุรุษมิได้หายไปด้วย หากพูดตามเหตุผล ขอเพียงแค่สามารถสร้างร่างกายเซียนขึ้นมาใหม่ได้ ก็จะสามารถคืนชีพกลับมาได้ ไม่มีทางที่จะไม่ประสบความสำเร็จ!
ท้ายที่สุด เยี่ยฉิงชางก็ผุดลุกขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและต้องการที่จะขึ้นไปตรวจสอบ!
ฮ่า! ฮ่า!
ทันใดนั้นเอง ยังไม่ทันที่เยี่ยฉิงชางจะเข้าไปใกล้ ร่างเซียนที่ดวงตาปิดสนิทอยู่นั้นก็ลืมตาขึ้น แสงเซียนสองดวงพลันสว่างวาบขึ้นมา ราวกับกระบี่เซียนสองเล่ม!
บึ้ม!
ในเวลาเดียวกันนี้เอง พลังอันยิ่งใหญ่ เกรียงไกร น่าเกรงขาม และน่าสะพรึงกลัวของเซียนธุลีสีชาดก็พวยพุ่งออกมาจากร่างเซียนนั้น ทำให้เยี่ยฉิงชางและคนอื่น ๆ ต้องถอยร่นออกไปหลายก้าว เพียงชั่วลมหายใจถัดมานั้น ร่างเซียนก็ผุดลุกขึ้น พลังงานที่สะสมขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจทำลายทั้งตำหนักเซียนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ในบัดดล!
เห็นเช่นนั้นแล้ว เหล่ากองกำลังทั้งหวาดกลัวและดีใจ!
ภายใต้พลังเซียนอันทรงพลังและไร้ที่สิ้นสุด สุรเสียงอันทุ้มลึกและยิ่งใหญ่ไร้ความแยแสก็ดังกึกก้องออกมา ราวกับว่าอีกฝ่ายมีอายุมาอย่างยาวนาน!
“ข้ากลับมาแล้ว!”