หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 827 ดับตะเกียง ระเบิดดาวเคราะห์!

บทที่ 827 ดับตะเกียง ระเบิดดาวเคราะห์!

บนตะเกียงทองแดงทั้งสามมีรูปอสูรประหลาดสลักอยู่ อสูรเหล่านั้นได้แก่ผีเก้าหัว หมาป่าเก้าหาง และนกเก้าเล็บ รูปร่างของอสูรที่แตกต่างกันทำให้ยอดของตะเกียงทองแดงต่างกันไปด้วย

ความจริงเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นมาก็ต่างกันแล้ว เปลวเพลิงบนตะเกียงทองแดงรูปผีเป็นสีดำ ของตะเกียงทองแดงหมาป่าเป็นสีแดง ส่วนของนกเก้าเล็บเป็นสีขาว!

เปลวเพลิงทั้งสามลุกโชติช่วงปล่อยควันออกมาตามสีของมัน ควันนั้นลอยห้อมล้อมผู้อาวุโสและผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้น และแปรเปลี่ยนเป็นผี หมาป่า และนกเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่ควันแปลงโฉมเป็นอสูร ร่างของผู้อาวุโสที่หลับตาอยู่จะสั่นเทิ้มรุนแรงขึ้นไปอีก

นอกจากนั้น หากดูให้ดีจะเห็นว่าแท่นสังเวยทรงหอคอยที่ตั้งอยู่บนหินหลอมละลายแบ่งเป็นสิบขั้น แต่ละขั้นมีตัวอักขระมากมายสลักอยู่ มันปล่อยคลื่นพลังโบราณออกมา ส่งให้หวังเป่าเล่อรู้สึกถึงอันตรายและแรงกดดันรุนแรง

สัญญาณอันตรายทำให้ชายหนุ่มหยุดชะงัก แรงกดดันทำให้หัวใจจมดิ่ง และมันก็ยิ่งทวีคูณหนักขึ้นเมื่อได้เห็นแสงสีรุ้งค่อยๆ ลอยออกจากจุดตันเถียนของผู้อาวุโสที่หลับตาอยู่ แสงสีรุ้งห้อมล้อมวัตถุคล้ายดาวเคราะห์ขนาดเท่ากำปั้นที่กำลังถูกนำออกจากร่าง

ภาพเบื้องหน้าทำให้หวังเป่าเล่อใจสั่น เริ่มหายใจถี่หนัก เมื่อเขามาถึงและปรากฏตัวขึ้น เสียงโบราณก็ดังขึ้นในหัวอีกครั้ง ครั้งนี้มันเจือไปด้วยความรีบร้อนและความเป็นกังวล

“สหายน้อย ช่วยข้าดับตะเกียงเร็วเข้า!”

หวังเป่าเล่อหรี่ตา สูดหายใจ ก้าวขาไปด้านหน้า ขณะที่กำลังจะเข้าไปใกล้ เสียงผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นก็ดังขึ้น

“เขาโกหกเจ้า ทันทีที่เจ้าเข้าใกล้แท่นสังเวยและเหยียบย่างขึ้นมา พลังของเจ้าจะถูกสูบออกไปในทันใด เขาออกอุบายขอให้เจ้าช่วยดับตะเกียง แต่แท้จริงแล้วต้องการพลังของเจ้ามาช่วยหลบหนีจากการหลอมของข้าต่างหาก!”

ได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มก็หยุดชะงักไปทันที

“สหายน้อย เจ้าต้องเชื่อข้า เป้าหมายของข้าไม่ใช่การหลบหนี แต่เป็นการหาโอกาสทำลายตัวเองและลากเจ้านี่ไปลงนรกด้วยกันเท่านั้น!” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด ผู้อาวุโสก็เป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย จึงรีบพูดขึ้นอย่างร้อนรน ความกังวลใจทำให้พลังปราณเสียสมดุล ผีในหมอกใช้โอกาสนี้คว้าดาวเคราะห์สีรุ้งและกระชากกลับหลังอย่างรุนแรง

ชายชราร่างสั่นเทิ้มจากการถูกกระชาก เขาแก่มากแล้ว แต่กลับดูชราลงไปอีก พูดให้ชัดเจนคือเขาไม่ได้แก่ตัวลง แต่กำลังเหี่ยวแห้งลงไปต่างหาก

“ผู้มาจุติจากต่างถิ่น เจ้าเห็นหรือไม่ ตาแก่นี่เหี่ยวแห้งไปแล้ว ถ้าขึ้นมาบนแท่นสังเวย เจ้าจะถูกดูดพลังแน่ ข้าตั้งใจจะสังหารเจ้าก็จริง แต่…เมื่อเทียบกับการฆ่าเจ้าทิ้งแล้ว ข้าไม่อยากให้ความพยายามของข้าสูญเปล่ามากกว่า ถ้าเจ้ากลับออกไปตอนนี้ ข้าจะปล่อยเจ้าไปแน่นอน!” เห็นดังนั้น ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นก็พูดขึ้นอีก

หวังเป่าเล่อสีหน้าเปลี่ยนไปมาขณะก้าวเดินไปด้วยความลังเลใจ ชัดเจนว่าชายหนุ่มกำลังสองจิตสองใจ เห็นเช่นนั้น ชายชราที่อยู่ตรงหน้าผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นซึ่งกำลังโดนหลอมอยู่ก็พูดขึ้นอย่างยากลำบาก

“สหายน้อย เจ้าต้องเชื่อข้า…”

“จะเป็นหรือตายตัดสินใจด้วยตัวเจ้าเอง ข้าให้คำมั่นไว้แล้วว่าจะไม่ตามล่าเจ้า เหตุใดยังคิดเสี่ยงอยู่อีก”

หวังเป่าเล่อหายใจติดขัด เมื่อได้ยินคำพูดของชายทั้งสองก็มีสีหน้ากล้ำกลืน สุดท้ายก็เงยหน้าร้องคำรามลั่น

“เงียบ!”

“ตาแก่ที่บอกว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิของดาวเคราะห์นี้ ข้าไม่อาจเชื่อคำพูดของเจ้าทั้งหมด ส่วนตระกูลไม่รู้สิ้น…เจ้ายังใช้สัมผัสสวรรค์กดดันข้าอยู่ ข้าก็เชื่อคำพูดเจ้าไม่ได้เต็มที่เช่นกัน!”

เมื่อหวังเป่าเล่อร้องขึ้นเช่นนั้น ดวงตาของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นก็ฉายแสงวาบขึ้นเล็กน้อยขณะหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาเก็บสัมผัสสวรรค์ที่ปล่อยออกไปกดดันชายหนุ่มทันที

“ข้าเก็บสัมผัสสวรรค์แล้ว เจ้าจงไปได้ ไม่ต้องห่วง ถ้าตาแก่นี่กล้าทำอะไรเจ้า ข้าจะจัดการให้!”

เมื่ออีกฝ่ายคลายแรงกดดันลง หวังเป่าเล่อก็รู้สึกโล่งขึ้นในทันใด แม้จะมีชายชราช่วยคุ้นกัน แต่พอเข้าไปใกล้ ร่างกายของเขาก็แทบแหลกสลาย เมื่อคลายจากแรงกดดันได้ ชายหนุ่มก็แอบท่องบทสวดแห่งเต๋าในใจ ผ่านไปสักพัก เขาก็สูดหายใจลึกและกุมหมัดโค้งคำนับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้น

“ขอบคุณท่านพี่ ข้าขอตัว” ขณะพูดเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ขยับตัวและทำท่าเหมือนจะถอยหนีไป ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บนแท่นสังเวยเริ่มหัวเราะออกมาด้วยความขมขื่น ขณะกำลังจะเอ่ยปากพูดเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อเหมือนจะกลับออกไป พลังจากบทสวดแห่งเต๋าก็ตื่นขึ้นหลังจากช้าไปครู่หนึ่ง

พลังเหนือขอบเขตจุติลงมาจากส่วนลึกของห้วงอวกาศด้านนอกจักรพิภพตระกูลไม่รู้สิ้น เข้าโอบล้อมดาวเคราะห์ทั้งดวง และพุ่งลงไปลึกใต้พิภพ โถมเข้าใส่แท่นสังเวยภายในถ้ำหินหลอมละลาย

พลังที่ว่านี้มหาศาลและน่าตื่นตะลึงราวกับถูกห้วงจักรวาลกำราบ สีหน้าของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นเปลี่ยนไปในทันใด ชายวัยกลางคนตื่นตกใจสุดขีด เขากรีดร้องลั่น “นี่มัน…”

ขณะที่เขากำลังกรีดร้อง หวังเป่าเล่อที่เหมือนจะหลบหนีไปก็เอี้ยวตัวกลับมา ใช้จังหวะที่อีกฝ่ายดึงสัมผัสสวรรค์กลับไปและพลังของบทสวดแห่งเต๋าปลดปล่อยลงมาเต็มพิกัดพอดี พุ่งตรงไปยังแท่นสังเวย!

เขาไม่ใช่คนโลเล ถ้าได้ตัดสินใจไปแล้วก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆ เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะช่วย ชายหนุ่มก็ไม่มีทางหวั่นไหวให้กับคำของผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้น

นอกจากนี้ หวังเป่าเล่อยังเชื่อมั่นในสิ่งหนึ่งมาโดยตลอด เทียบกับการมัวลังเลใจ การกัดฟันทำอะไรไปเลยก็ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่แรงกดดันจากผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ของตระกูลไม่รู้สิ้นที่ปล่อยออกมาเมื่อครู่นั้นกล้าแกร่งเกินไป แม้จะใช้บทสวดแห่งเต๋า เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถใช้โอกาสนี้เข้าใกล้แท่นสังเวยได้ภายในพริบตา

ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงเล่นตามน้ำไปกับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้น จากโอกาสที่ได้มา ชายหนุ่มจึงเป็นเหมือนเส้นสายฟ้าที่พุ่งทะยานตรงไปยังแท่นสังเวย พริบตาต่อมา เขาก็พุ่งผ่านหินหลอมละลายไปปรากฏที่หน้าแท่น ทันใดที่กระโจนขึ้นไป พลังป้องกันก็พวยพุ่งออกมาจากแท่นสังเวย

พลังดังกล่าวทำให้หวังเป่าเล่อเสียสมดุลและหยุดชะงักไป จังหวะนั้นเอง พลังคุ้มกันที่จักรพรรดิระดับดาวพระเคราะห์ปล่อยออกไปปกป้องชายหนุ่มก็ระเบิด ช่วยให้เขาทลายพลังป้องกันของแท่นสังเวยได้ ท้ายที่สุด แม้จะยากลำบาก หวังเป่าเล่อก็สามารถขึ้นมาบนขั้นที่สี่ของแท่นสังเวยได้!

เขาอยากจะกระโจนขึ้นไปด้านบนภายในครั้งเดียวแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็ไม่ยอมแพ้ รีบไต่ขึ้นไปขั้นที่ห้า หก และเจ็ดพร้อมส่งเสียงร้องคำรามไปด้วย

แม้ชายชราจะช่วยต้านพลังป้องกันจากแท่นสังเวย แต่ร่างกายของชายหนุ่มก็สั่นเทิ้ม และเนื่องจากเขากระโจนขึ้นมาสามขั้นในรวดเดียว พลังสารัตถะจึงกลายเป็นเลือดพวยพุ่งออกจากปาก แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่หยุด รีบไต่ขึ้นไปถึงชั้นเก้า

เวลาเหมือนจะผ่านมานาน แต่จริงๆ แล้วทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นไม่ได้อ่อนกำลังลง จังหวะนั้นเองเขาก็เริ่มตอบโต้ ดวงตาแดงก่ำขึ้นทันใด สัมผัสสวรรค์ระเบิดไปทั่วทุกทิศทาง ตรงเข้าไปบดขยี้หวังเป่าเล่อ!

“บังอาจมาหลอกข้า!”

ขณะที่เขาพยายามจะจัดการกับหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มก็ขึ้นมาบนขั้นที่สิบ พร้อมกับยกมือขวาขึ้น ปล่อยนิ้วชี้ลอยออกจากตัว พุ่งไปยังตะเกียงทองแดงผีหิวกระหายที่ใกล้ที่สุด!

ขณะที่นิ้วทะยานออกไป พลังกดดันก็ระเบิดออกมา แม้จะมีการคุ้มกันจากชายชรา แต่หวังเป่าเล่อก็ยังกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ในหัวระบมไปหมด ร่างสารัตถะเริ่มแหลกสลายภายใต้แรงกดดัน

ทว่านิ้วมือที่หลุดออกจากร่างก็ทะยานไปถึงตะเกียงทองแดงผีหิวกระหายในพริบตาต่อมา ทันทีที่สัมผัส ตะเกียงก็สั่นไหวรุนแรง เปลวไฟสีดำดับหายไป!

เมื่อไฟบนตะเกียงทองแดงดับ…ผู้อาวุโสที่หลับตามาโดยตลอดและโดนผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นหลอมดาวเคราะห์ก็ลืมตาตื่น เผยให้เห็นดวงตาสีรุ้ง เขายกมือขวาขึ้นโบกไปทางหวังเป่าเล่อ

“ขอบคุณ สหายน้อย ถ้าข้ามีชีวิตในภพหน้า จะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน!”

เมื่อชายชราโบกมือขวา คลื่นพลังอ่อนโยนก็พวยพุ่งใส่หวังเป่าเล่อ ร่างสารัตถะที่กำลังจะแหลกสลายกลับคืนมาใหม่ในทันที ก่อนจะถูกดึงกลับไปอยู่ใต้การคุ้มกันของพลังแสนอ่อนโยนดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ชายชราก็เอื้อมมือขวาไปคว้าแขนของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นเอาไว้ สีหน้าของผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นแปรเปลี่ยนไปในทันใด พลังของผู้อาวุโสแข็งแกร่งเกินต้านทาน ความเกลียดชังระดับสั่นสะเทือนฟ้าดินฉายวาบขึ้นในดวงตาขณะเอ่ยขึ้นทีละคำ

“เจ้าสังหารตระกูลข้า ทำลายดาวเคราะห์ของข้า อีกทั้งยังคิดจะขโมยดาวเคราะห์สีรุ้งของข้าไป…ข้าจะให้เจ้าก็ได้ ดาวเคราะห์ จงระเบิด!” 

………………………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท