แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 239 มีคนเปลี่ยนใจ

ตอนที่ 239 มีคนเปลี่ยนใจ

ตอนที่ 239 มีคนเปลี่ยนใจ

ผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับลูก ๆ รีบวิ่งมานอนลงที่พื้นขวางทางรถแทรกเตอร์ “คุณพระโพธิสัตว์เดินดิน ในเมื่อคุณช่วยยายเถียนกับหลานชายของท่านแล้วก็ยังสร้างบ้านให้อีกต่างหาก สงสารเราสามแม่ลูกหน่อยเถอะ ขอเงินให้เราซักสองร้อยหยวนก่อนที่เราจะอดตาย”

ใบหน้าของคุณยายเถียนแดงก่ำด้วยความโกรธ “เธอกับสามีขี้เกียจทำมาหากินเอง จะอดตายก็สมควรแล้ว”

ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นชี้ไปที่ยายเถียนแล้วพูดว่า “ยายเถียน อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วยังจะมาพูดจาแบบนี้อีก ถ้าหล่อนช่วยเหลือยายได้ทำไมจะให้ช่วยเราบ้างไม่ได้”

หลินม่ายตอบอย่างเย็นชา “เงินก็เงินฉัน ฉันจะเอาไปให้ใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?”

ผู้หญิงคนนั้นนอนลงอีกครั้ง “ถ้าไม่ให้เงินฉัน ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ”

“งั้นเหรอ” หลินม่ายพูดเสียงดัง จนชาวบ้านที่ออกมาดูด้วยความตื่นเต้นอยู่ไกล ๆ ก็ได้ยินทั้งหมด “ทุกคนคงเคยได้ยินว่าฉันมาที่นี่เพื่อซื้อผลผลิตใกล้ ๆ นี้”

ชาวบ้านที่ดูอยู่ตอบขึ้นมาทันที “เคยได้ยินแล้ว”

หลินม่ายยิ้มและถามว่า “พวกคุณอยากให้ฉันมาซื้อผลผลิตที่นี่ในครั้งหน้าหรือเปล่า?”

ชาวบ้านต่างกระตือรือร้นที่ได้ยินแบบนั้น “แน่นอนสิ”

หลินม่ายพยักหน้า “ถ้างั้นก็ช่วยพาผู้หญิงคนนี้กับลูก ๆ ของหล่อนออกไปที คราวหน้าฉันจะกลับมาซื้อข้าวโพดที่หมู่บ้านนี้แน่นอน”

พอชาวบ้านได้ยินแบบนั้น ก็รีบกรูกันเข้ามาจัดการผู้หญิงคนนั้น ยกตัวหล่อนขึ้นมาแล้วโยนลงไปในคูน้ำข้างทาง

หล่อนโกรธมากจนกรีดร้อง แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ชาวบ้านในหมู่บ้านเองก็รำคาญสามแม่ลูกนี้มานานแล้วเหมือนกัน

หลินม่ายออกรถได้ในที่สุด เธอมุ่งตรงไปที่บ้านของคุณปู่คุณย่าฟาง

หลังกินมื้อกลางวันด้วยกันพร้อมหน้ากับผู้ใหญ่ทั้งสอง หลินม่ายก็ขับรถกลับไปที่เมืองเจียงเฉิง

เธอจอดรถที่ประตูร้าน เพื่อนบ้านหลายคนเข้ามารุมล้อม และถามด้วยรอยยิ้ม “ม่ายจื่อ เธอได้ข้าวโพดกลับมาแล้วงั้นเหรอ?”

“ใช่ค่ะ” หลินม่ายพยักหน้า “คนที่จ่ายค่าข้าวโพดมาแล้ว มารับของไปได้เลย”

ข้าวโพดถูกลำเลียงลงมาจากรถในเวลาไม่นาน หลี่หมิงเฉิงออกมาจากร้านเพื่อช่วยจัดแจงข้าวโพดเหล่านั้น

หลินม่ายหยิบรายการสั่งซื้อขึ้นมาและจัดข้าวโพดอย่างเป็นระเบียบ ไม่นานก็ส่งของให้บรรดาเจ้าของร้านไปได้ครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด

ในตอนนั้นเองมีเจ้าของร้านคนหนึ่งที่ชื่อชุนซิ่ง เข้ามาพูดกับหลินม่ายด้วยสีหน้าเย็นชา

“เมื่อวานฉันสั่งข้าวโพดจากเธอ 300 ฝัก จ่ายเงินไป 27 หยวน ฉันไม่อยากได้ข้าวโพดจากเธอแล้ว ช่วยคืนเงินให้ได้ไหม”

เจ้าของร้านคนอื่น ๆ จึงพากันประณามหล่อน “ทำแบบนี้ยังไง เสี่ยวหลินเอาข้าวโพดมาแล้ว จะมาบอกแค่ว่าไม่เอาแล้วขอเงินคืนได้ง่าย ๆ คิดว่าเล่นขายของอยู่เหรอ?”

ชุนซิ่งกรอกตาแล้วพูดต่อ “ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก จะมาว่าฉันไร้ยางอายก็ได้ ราคาส่งข้าวโพดพวกนี้แค่ 5 เฟิน แต่เธอมาคิดราคา 9 เฟินจากเรา ฉันอยากได้เงินคืน”

หลายคนเริ่มสงสัยขึ้นมา “จะไปมีข้าวโพดราคาถูกขนาดนั้นอยู่จริงเหรอ? ถึงมีก็คงไม่ใช่ของดีเท่าที่เสี่ยวหลินเอามาหรอก”

ข้าวโพดของหลินม่ายฝักใหญ่อวบอ้วน ราคา 9 เฟินถือว่าไม่แพงเลย

แต่ก็มีบางคนที่เชื่อคำพูดของชุนซิ่ง “เธอหาข้าวโพดราคาห้าเฟินมาได้จริงเหรอ ฉันเองก็อยากได้ด้วย”

ชุนซิ่งตกลงอย่างรวดเร็ว “ได้ เพราะงั้นคุณต้องช่วยบอกให้เธอคืนเงินฉันมาก่อน”

หลินม่ายโกรธมากจนอยากจะเข้าไปจัดการชุนซิ่งด้วยกำลัง แต่ข่มอารมณ์ไว้

เถ้าแก่สองคนที่ต้องการซื้อข้าวโพดราคาถูกก็ล่าถอยไป

ชุนซิ่งไม่ได้จะช่วยพวกเขาฟรี ๆ แต่ต้องมีเงื่อนไขอะไรแน่ ๆ

ใครจะไปรู้ได้ หล่อนอาจจะหาข้าวโพดราคาถูกมาได้จริง ๆ แล้วเงื่อนไขต่อจากนั้นคืออะไร แล้วจะได้ตรงตามเงื่อนไขหรือเปล่า

ชุนซิ่งที่ผิดสัญญาเรื่องการซื้อขายข้าวโพดกับหลินม่ายได้ ก็ผิดสัญญากับพวกเขาได้เหมือนกัน

หลินม่ายไม่สนใจจะเสวนากับชุนซิ่งอีก “ไม่ต้องไปขอให้คนอื่นมาช่วยหรอก เงินแค่ 27 หยวน ฉันคืนให้เธอได้”

ขณะที่กำลังพูดอยู่ มือเรียวก็เปิดกระเป๋าหยิบเงิน 27 หยวนส่งให้ชุนซิ่งแล้วบอกหล่อนว่า “อย่ามาสั่งของกับฉันอีก”

ชุนซิ่งตอบรับอย่างเย็นชา เชิดหน้าขึ้นแล้วเดินจากไปอย่างพอใจ

เจ้าของร้านขนมขบเคี้ยวที่ต้องการซื้อข้าวโพดราคาถูกเช่นกันก็เอ่ยกับหลินม่ายอย่างตะกุกตะกัก “ฉัน…ฉันก็อยากได้เงินคืนด้วย”

“ได้เลย” หลินม่ายก็คืนเงินให้เขาอย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน แล้วถามเสียงดังว่า “ใครที่อยากได้เงินคืน ฉันจะคืนให้”

มีเจ้าของร้านอีกสองสามคนที่เข้ามาเอาเงินคืนไป รวมทั้งเถ้าแก่สองคนที่ล่าถอยไปเมื่อซักครู่ด้วย

ส่วนคนอื่น ๆ ยังคงรับสินค้าอยู่เหมือนเดิม

หลังจากทุกคนรับสินค้าแล้วก็แยกย้ายกันไป หลี่หมิงเฉิงถามขึ้นด้วยความกังวล “ยังมีข้าวโพดเหลือเยอะเลยแบบนี้ต้องทำยังไงดี”

“เก็บไว้ที่บ้านนี่แหละ เดี๋ยวเอาไปขาย”

“ฉันกลัวมันจะเสียก่อนขายหมด”

หลินม่ายมองไปที่ข้าวโพดเหล่านั้น มันเหลืออยู่เยอะมากจริง ๆ

“งั้นฉันจะหาเวลาเอาไปขายที่ตลาดมืด”

เช้าวันต่อมา หลินม่ายมาที่ตลาดมืดพร้อมข้าวโพดหลายร้อยฝักบนรถสามล้อ

ตลาดมืดตอนเช้าค่อนข้างคึกคัก มีของขายมากมาย

เมื่อลูกน้องของเฉินเฟิงเห็นว่าหลินม่ายมาตั้งแผง ก็รีบตรงเข้ามาทักทายหญิงสาว

ชาวเจียงเฉิงชอบกินข้าวโพดกันอยู่แล้ว พอเห็นว่าหลินม่ายตั้งร้านเอาข้าวโพดมาขาย ก็เข้ามาถามซื้อ “แม่ค้าข้าวโพดขายยังไง”

“สี่ฝักห้าเหมาค่ะ”

ข้าวโพดของหลินม่ายสดใหม่ฝักอวบอ้วน และราคาไม่แพงเลย

ลูกค้าจำนวนมากมารุมล้อมเพื่อรอซื้อข้าวโพด

แม้ว่าของจะขายดี แต่ก็อยู่ได้ไม่นานนัก หลังแปดโมงเช้าอากาศร้อนมาก ในตลาดจึงเหลือคนไม่กี่คน

เหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของที่ประจำรู้เรื่องนี้ดี พวกเขาจะเตรียมของมาไม่มาก ขายไม่นานก็หมดแล้วปิดร้านไปหลังจากขายไปเพียงหนึ่งถึงสองชั่วโมง

หลินม่ายมองดูข้าวโพดกว่าร้อยฝักที่ยังเหลืออยู่ เธอเองก็ต้องไปแล้วเช่นกัน

อยู่ต่อก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่า ๆ และอากาศก็ยังร้อนอีกด้วย

ระหว่างทางกลับก็ได้ยินเสียงประกาศดังมาจากด้านในอาคารแห่งหนึ่ง

มีเสียงผู้ประกาศหญิงคนหนึ่งกำลังออกอากาศอยู่ “เราต้องการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของรัฐบาลกลาง ในการสร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง…”

หลินม่ายเริ่มคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าขายข้าวโพดไม่หมด อาจจะต้องพึ่งพารัฐบ้าง

เธอถีบสามล้อมาที่สำนักงานเขตเจียงอั้น แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้เธอเข้าไป

หลินม่ายซื้อบุหรี่มาติดสินบนเจ้าหน้าที่ แต่พวกเขาไม่เพียงแค่ปฏิเสธบุหรี่นั่นเท่านั้นยังรีบสั่งให้เธอออกจากพื้นที่โดยเร็ว ไม่อย่างนั้นจะโดนแจ้งข้อหาก่อความวุ่นวาย

หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับบ้านอย่างไม่สบายใจ

ระหว่างที่เดินทางผ่านร้านของชุนซิ่ง เธอเห็นว่ามีเพื่อนบ้านหลายคนรวมตัวกันรอบ ๆ ร้าน อย่างตื่นเต้น หลินม่ายชะลอความเร็วแล้วชะโงกหน้าดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น

ในร้านไม่มีลูกค้าสักคน มีเพียงตะกร้าข้าวโพดจำนวนหนึ่งตั้งอยู่ พร้อมกับชุนซิ่งและสามีของหล่อน กับบรรดาเจ้าของร้านที่รับเงินคืนจากเธอเมื่อวานนี้อยู่ด้านใน

พวกเขากำลังโต้เถียงอะไรสักอย่างกันอยู่

ถ้าเป็นคนอื่น ๆ หลินม่ายคงไม่สนใจเท่าไร

แต่เธอค่อนข้างจะสนใจเหตุการณ์สุนัขกัดกันแบบนี้ เลยหยุดดูสักหน่อย

เจ้าของร้านที่คืนข้าวโพดให้หลินม่ายเมื่อวานนี้ชี้ไปที่ตะกร้าข้าวโพดหลายใบแล้วขึ้นเสียง “นี่เรียกว่าข้าวโพดได้ด้วยเหรอ ในฝักมีอยู่กี่เมล็ดเนี่ย เหี่ยวขนาดนี้ ไม่มีข้าวโพดที่ไหนจะได้คุณภาพเท่าของเสี่ยวหลินหรอก ทำไมกล้าเอาข้าวโพดคุณภาพต่ำแบบนี้มาขายตั้ง 5 เฟิน ไร้จรรยาบรรณสิ้นดีเลย”

เจ้าของร้านคนอื่น ๆ ที่ชุนซิ่งหลอกให้บอกยกเลิกข้าวโพดของหลินม่ายพูดกับหล่อนด้วยสีหน้ากดดัน “ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว แค่คืนเงินเรามาแค่นั้น”

ชุนซิ่งตอบอย่างขมขื่น “ฉันไม่มีเงินจะคืนพวกคุณหรอก ฉันก็โดนโกงเหมือนกัน ถ้าอยากได้เงินคืน ก็ไปตามจับคนโกงจะมีประโยชน์กว่ามาถามฉัน”

เถ้าแก่คนหนึ่งโกรธมาก “ก็แล้วเธอไม่ได้เป็นคนแนะนำคนโกงให้พวกเราหรอกเหรอ ถ้าไม่ถามจากเธอจะให้ไปถามใคร?”

เถ้าแก่อีกคนพูดต่อว่า “จะรู้ได้ไงว่าเธอกับคนโกงไม่ใช่พวกเดียวกัน?”

ชุนซิ่งรีบสาบาน “เอาชีวิตฉันกับคนในบ้านเป็นประกันเลย ฉันไม่เกี่ยวข้องกับคนโกงพวกนั้น”

แต่พวกเขาก็ไม่ยอมอยู่ดี “คืนเงินมาเดี๋ยวนี้ เราไม่ฟังคำสาบานของเธอหรอก!”

สามีของชุนซิ่งก็เริ่มโมโหขึ้นมาเช่นกัน “ก็บอกแล้วไงว่าเราก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน ทำไมยังมาหาเรื่องกันอีกหา!”

“นี่ตกลงจะไม่คืนเงินใช่ไหม?”

บรรดาเถ้าแก่กับสามีของชุนซิ่งเริ่มผลักกันไปมา ความขัดแย้งเริ่มรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นการลงไม้ลงมือ

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ซื้อกับม่ายจื่อตั้งแต่แรกก็ดีอยู่แล้ว

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท