รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 223 ขอบเขตเทวา จุดเริ่มต้นของระดับสูง ที่สุดแห่งยุคนี้!

บทที่ 223 ขอบเขตเทวา จุดเริ่มต้นของระดับสูง ที่สุดแห่งยุคนี้!

บทที่ 223 ขอบเขตเทวา จุดเริ่มต้นของระดับสูง ที่สุดแห่งยุคนี้!

“ก็จริง!”

บรรพจารย์ตรึกตรองดูแล้ว รู้สึกว่าที่หยวนอีว่ามานั้นมีเหตุผล

หากมิใช่ว่าเขาได้สติทันท่วงที ยอมถอนกำลัง ไม่แน่ว่าเขาอาจต้องจบชีวิตลงที่นี่ไปนานแล้ว

โพรงมังกรอยู่ในส่วนลึกสุดของเกาะมังกร ลมปราณที่แผ่ออกจากที่นั่นสยดสยองเกินไป ซ้ำยังน่าหวาดหวั่นเหลือแสน

ได้รับมอบหมายหน้าที่จากท่านเซียนแล้ว พวกหยวนอีมิกล้าชักช้า มุ่งหน้าด้วยความเร็วสูง ทะลุผ่านพงไพรมากมาย จนมาอยู่ในส่วนลึกสุดของเกาะมังกร

ทว่าพวกเขามิได้เข้าไปในโพรงมังกร

ใช่ว่าพวกเขากลัว แต่พวกเขาถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้!

สิ่งมีชีวิตในอาภรณ์โบราณสกัดกั้นพวกเขา ไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไปในโพรงมังกร ทั้งยังมีจิตสังหารพลุ่งพล่าน!

“ถอยไป!”

ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตโบราณแกมเหลืองยืนตระหง่านอยู่ด้านหน้าสุด เสียงของเขาเยียบเย็น วาจาที่เปล่งออกมามิใช่ภาษาในยุคนี้ หากแต่เป็นภาษาโบราณบางภาษา

“ภาษาจากยุคโบราณ…”

บรรพจารย์หรี่ตา ตระกูลหยวนมีประวัติการสืบสานมาอย่างยาวนาน เขาพอเข้าใจภาษาโบราณอยู่บ้าง

ทว่าเข้าใจหรือไม่มิได้สลักสำคัญ

เมื่อพลังเก่งกล้าถึงระดับหนึ่ง ย่อมสามารถเข้าใจความหมายของวาจาได้เอง

ถึงอย่างไรผู้ฝึกตนก็ต่างจากปุถุชน ความแตกต่างของภาษาไม่ใช่ปัญหา เพราะผู้ฝึกตนสามารถล่วงรู้ถึงความหมายของวาจาได้โดยตรง

อย่างเช่นหยวนอี

นางไม่เคยเรียนรู้ภาษาโบราณมาก่อน กระนั้นนางอยู่ในขอบเขตราชันผู้เกริกไกร เมื่อระดับขึ้นสูงพอ แม้นางฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็เข้าใจว่าคนผู้นี้พูดอะไร

“เพราะเหตุใด?”

นางถามชายวัยกลางคนในชุดนักพรตโบราณ

“ไม่มีเหตุผล พวกเจ้าห้ามเข้ามาที่นี่!”

ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตโบราณแข็งข้ออย่างยิ่ง เขายกมือเรียกกระบี่สัมฤทธิ์ออกมาเล่มหนึ่ง ชี้ไปทางพวกหยวนอี

“ให้โอกาสพวกเจ้าครั้งสุดท้าย! ผู้ที่ไม่ยอมถอย ฆ่า!”

จิตสังหารพวยพุ่งออกจากตัวเขา เห็นได้ชัดว่ามิได้ล้อเล่น

หากพวกหยวนอีไม่ยอมถอย เขาย่อมเข่นฆ่าล้างบางเป็นแน่!

หยวนอีหันมองรอบ ๆ ก่อนจะตระหนักถึงบางอย่างได้ราง ๆ

ท่ามกลางพุ่มหญ้ารอบ ๆ มีโครงกระดูกกองอยู่เต็มไปหมด บ้างตายไปแล้วเป็นเวลานานจนซากศพผุพัง บ้างเพิ่งตายไปได้ไม่นานอย่างเห็นได้ชัด ยังเห็นเลือดเนื้อเน่าเปื่อยติดอยู่ตามกระดูกบ้าง ทั้งยังแต่งกายด้วยอาภรณ์ในยุคนี้

เข้าใจแล้ว…

สิ่งมีชีวิตเบื้องหน้าที่ขวางทางพวกเขาอยู่ หากมิใช่ผู้ฝึกตนมนุษย์ที่แต่งกายด้วยอาภรณ์โบราณ ก็คงเป็นอสูรโบราณที่ไม่รู้ว่าอยู่ในเผ่าพันธุ์ใด

ทั้งหมดนี้คือผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจโบราณที่เลือกตั้งรกรากบนเกาะมังกรที่ท่านบรรพจารย์พูดถึง!

พวกเขาเฝ้าอยู่ในส่วนลึก ไม่ยอมให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นเข้าไป และทำให้เห็นว่าพวกเขาถือโพรงมังกรเป็นอาณาเขตของพวกตน!

ซากศพท่ามกลางพุ่มไม้โพรงหญ้าเหล่านั้น คงถูกฆ่าโดยสิ่งมีชีวิตโบราณพวกนี้

“พวกเราไม่มีเจตนาล่วงเกินทุกท่าน เพียงแต่อยากเข้าไปสำรวจด้านในโพรงมังกรเท่านั้น”

หยวนอีกล่าว ใช้ภาษาในยุคปัจจุบัน

ทว่าสิ่งมีชีวิตโบราณตรงหน้าผู้นี้เข้าใจวาจาของนางอย่างเห็นได้ชัด

“บังอาจคิดแตะต้องโพรงมังกร คิดอันใดอยู่! พวกเจ้ามีสิทธิ์ที่ไหนกัน!”

ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตโบราณตวาดเสียงเย็น เขามิได้เอื้อนเอ่ยให้มากความ กระบี่สำริดในมือสั่นระริก ปราณดาบพวยพุ่ง บุกเข้ามาทันที!

หยวนอีเดาไม่ผิด

พวกเขาคือสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ที่ตั้งรกรากอยู่บนเกาะมังกรมาเนิ่นนาน มีทั้งสิ่งมีชีวิตจากยุคโบราณ สิ่งมีชีวิตจากยุคบรรพกาล หรือกระทั่งสิ่งมีชีวิตจากยุคอนันตกาล!

เกาะมังกรดำรงอยู่มาช้านาน ช่วงเวลาตอนต้นนั้นนานจนไม่อาจรู้ได้แน่ชัด อย่างไรที่แห่งนี้ก็มีข่าวลือมาตั้งแต่ยุคอนันตกาลว่ามีศพมังกรตัวหนึ่ง รวมถึงสมบัติล้ำค่ามากมาย!

ในช่วงแรก พวกเขาไม่กล้ายึดครองโพรงมังกร และไม่มีความจำเป็นต้องยึดครองโพรงมังกร

ไม่กล้าเพราะครานั้น สิ่งมีชีวิตที่ต้องการเข้าไปในโพรงมังกรล้วนแล้วแต่มีพลังแกร่งกล้า หากพวกเขาคิดจะยึดครองไว้ฝ่ายเดียว รังแต่จะรนหาที่ตาย

ไม่จำเป็นเพราะครานั้น ต่อให้ยึดครองโพรงมังกรได้ก็เปล่าประโยชน์ หากเข้าไปไม่ถึงด้านในของโพรงมังกร พวกเขาก็ไม่มีทางได้พบวาสนาโอกาสการเปลี่ยนแปลง

ทว่าต่อมา ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม

โพรงมังกรสยดสยอง มหาจักรพรรดิที่เข้าไปข้างในตายไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ไป ๆ มา ๆ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เริ่มไม่กล้าหมายตาโพรงมังกร สิ่งมีชีวิตที่เดินทางมาโพรงมังกรก็น้อยลงเรื่อย ๆ

แต่เวลานั้น พวกเขายังมิได้ยึดครองโพรงมังกร

ผู้ใดอยากเข้าโพรงมังกรก็ยังเข้าได้อยู่

สาเหตุหลักที่พวกเขาเข้ายึดครองโพรงมังกรคือ ในยุคนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับโพรงมังกร มีขุมปราณเรืองรองพวยพุ่งออกมาเป็นครั้งคราว ขุมปราณชนิดนี้สร้างประโยชน์ให้พวกเขามหาศาล ขอบเขตพลังก้าวพัฒนาอย่างกับกระโดด!

หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้พบว่าสิ่งมีชีวิตที่มาเยือนเกาะมังกรมีพลังด้อยลงเรื่อย ๆ ไม่อาจต่อกรกับพวกเขาได้เลย!

พวกเขาได้รู้ว่ายุคสมัยนี้มีสิ่งแวดล้อมย่ำแย่ จนยากจะให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตทรงพลังออกมา

ส่งผลให้พวกเขาเกิดความคิดยึดครองโพรงมังกรขึ้นมาทันที ไม่ยอมให้สิ่งมีชีวิตภายนอกเข้าใกล้โพรงมังกรอีก

สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ โพรงมังกรก็พลิกผันไปอย่างมากเพราะขุมปราณชนิดนั้น ที่แห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกฝน พวกเขาไฉนเลยจะเต็มใจยอมให้ผู้อื่นแตะต้อง?

อย่าว่าแต่คนนอกเลย แม้กระทั่งบรรดาผู้ฝึกตนและเผ่าปีศาจโบราณที่ตั้งรกรากอยู่บนเกาะมังกรมานานแล้ว ยังแก่งแย่งชิงพลังกันไม่หยุด รบราฆ่าฟันกันอยู่เนือง ๆ!

ท่ามกลางกาลเวลาแสนเนิ่นนานที่ผ่านมา บรรดาผู้ฝึกตนและเผ่าพันธุ์โบราณที่เลือกตั้งรกรากอยู่บนเกาะมังกรมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังมีการผลิตทายาทอย่างต่อเนื่อง จนมีจำนวนเป็นทวีคูณ!

หากไปฝึกฝนบำเพ็ญรอบ ๆ โพรงมังกรกันหมด แน่นอนว่ามีสถานที่ไม่เพียงพอ!

ในช่วงเวลาที่ทำศึกแย่งชิงกัน โลหิตไม่เคยเหือดแห้งไปจากเกาะมังกร เพราะมีการหลั่งเลือดทุกวัน!

ท้ายที่สุดไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตล้มตายกันเท่าใด กว่าศึกแย่งชิงจะยุติ

ผู้ฝึกตนและสิ่งมีชีวิตที่แย่งชิงที่มาได้ ล้วนถือว่าโพรงมังกรเป็นอาณาเขตของพวกเขา ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าใกล้ และพร้อมสังหารทุกอย่าง!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดอันน่ากลัวดังขึ้น ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตโบราณทรงพลังอย่างยิ่งยวด กระบี่สำริดในมือเขากวาดล้างออกไป ก่อเกิดเป็นแสงสูงหลายสิบจั้ง จนพสุธาบังเกิดรอยแยกมหึมา!

บรรพจารย์ถึงคราวออกโรง ปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ท่วมท้น หยุดยั้งกระบี่นี้ไว้ได้

พลังของเขาไม่ธรรมดาเช่นกัน ระดับของเขาอยู่เหนือขอบเขตราชันผู้เกริกไกรขึ้นไปอีกสองขั้น จุดเพลิงเทวาในกายได้สำเร็จ ก้าวสู่ขอบเขตเทวา!

ขอบเขตราชันมีบันไดทั้งหมดสี่ขั้น

ก้าวสู่ขอบเขตราชันคือขั้นที่หนึ่ง ขั้นต่อไปคือผู้เกริกไกร ขั้นสูงสุด ขั้นสมบูรณ์!

หลังจากข้ามบันไดสี่ก้าวนี้ขึ้นไปได้ จักถึงขอบเขตที่ได้กลายเป็นคนใหม่ สู่จุดที่มีอภินิหารไร้ขอบเขต เทียบเท่าเทวาในปฐพีนี้!

สิ่งมีชีวิตเรียกขานขอบเขตนี้ว่าขอบเขตเทวา!

เทพเจ้าล้วนอุบัติขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ละท่านต่างมีพลังแกร่งกล้าไร้ขีดจำกัด ผู้ฝึกตนต้องบำเพ็ญจนถึงขั้นเทวาจึงจะถือว่า ยืนอยู่บนยอดสูงสุดแห่งการฝึกตน ได้ชมทัศนียภาพที่เหนือขึ้นไป!

ในยุคนี้ ลำพังขอบเขตพรตเต๋ายังยากต่อการบรรลุ บรรพจารย์ตระกูลอีกลับสามารถก้าวสู่ขอบเขตเทวา เทียบเทียมเทพเจ้าในฟ้าดิน ต้องยอมรับว่า ตระกูลจักรพรรดินั้นสมเป็นตระกูลจักรพรรดิ น่าทึ่งเป็นที่สุด!

ขอบเขตเทวาเป็นจุดเริ่มต้นสู่ระดับสูง

ทว่าในยุคนี้ ขอบเขตเทวาถือว่าเป็นระดับสูงแล้ว

อย่างน้อยในสิบแปดแคว้นแห่งดินแดนหยิน ขอบเขตเทวาก็ยากจะมีผู้ใดข้ามพ้น น้อยนักจะมีผู้บรรลุได้

“ถึงขั้นจุดเพลิงเทวาได้เลยหรือนี่!”

ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋ามีสีหน้าตะลึง ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าในยุคสมัยที่สิ่งแวดล้อมแสนย่ำแย่ปานนี้ กลับยังมีคนที่ก้าวสู่ขอบเขตเทวาได้!

“อย่าเอาแต่มอง ทุกคนลุยพร้อมกัน!”

เขาตวาดเสียงเย็น ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย และปลุกระดมให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในที่นี้ลงมือพร้อมกัน เพื่อกำจัดกลุ่มบรรพจารย์ตระกูลหยวนสามคน

เขาเองก็อยู่ในขอบเขตเทวา!

นอกจากนี้ พวกเขายังมีกำลังรบขอบเขตเทวาอยู่อีกคน

บรรพจารย์ตระกูลหยวนมีกำลังแกร่งกล้าก็จริง ทว่าสุดท้ายก็ต้องตายอยู่ที่นี่!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท