หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 826 ขั้นดาวพระเคราะห์กำราบ!

บทที่ 826 ขั้นดาวพระเคราะห์กำราบ!

เมื่อได้ยินที่ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นพูด ชายชราซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าก็ยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาปิดสนิทมาโดยตลอด แต่ร่างกายที่สั่นเทาและแสงสีรุ้งจากจุดตันเถียนกลับแสดงให้เห็นว่าลึกๆ แล้วชายชรานั้นกลัวมาก

“ข้าจะชิงดาวเคราะห์สีรุ้งมาจากเจ้า ขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์!” ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นหรี่ตามองดาวเคราะห์สีรุ้งด้วยความละโมบ ส่งผลให้พลังปราณแปรปรวนขณะแผ่พลังระดับดาวพระเคราะห์ออกไป

ร่างเงาทั้งสองบนแท่นสังเวยใต้ดินต่างอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ทั้งคู่!

หนึ่งในนั้นคือผู้บัญชาการกองทหารของตระกูลไม่รู้สิ้นตัวตริง ส่วนคนที่หวังเป่าเล่อสังหารไปนั้นเป็นเพียงรองผู้บัญชาการเท่านั้น ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ในค่ายทหารต่างคิดว่าเขาออกไปจัดการธุระอื่น แต่แท้จริงแล้ว…ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ได้ไปไหน!

เขาอยู่ที่แท่นสังเวยใต้ดิน และกระทำบางสิ่งซึ่งถือเป็นโอกาสหายากสำหรับเขา นั่นก็คือ…ดูดซับดาวเคราะห์สีรุ้งจากชายชราตรงหน้า!

อธิบายไม่ได้เลยว่าดาวเคราะห์สีรุ้งนั้นดึงดูดใจเขาเพียงใด สำหรับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์แล้ว ดาวเคราะห์ที่หลอมเข้าไปตอนบรรลุระดับดาวพระเคราะห์สามารถแบ่งได้ตามระดับ ดาวเคราะห์สีรุ้งอยู่ในระดับที่สูงมาก หากได้มาครอบครองจะเป็นประโยชน์แก่ชายวัยกลางคนไม่น้อย

ตามปกติแล้ว เขาคงไม่อาจหาโอกาสเช่นนี้ได้ แต่การรุกรานครั้งนี้นำพาโอกาสมาให้ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจเสียมันไปได้

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น เขาต้องการเวลาเป็นอย่างมากเพื่อเตรียมการให้พร้อม ทำให้แม้ผู้มาจุติจะเข้ามาสร้างปัญหา ชายวัยกลางคนก็ยังนั่งสมาธิและทำการหลอมอย่างเต็มที่อยู่เช่นเดิม

มีเพียงรองผู้บัญชาการเท่านั้นที่พอจะรู้ว่าเขากำลังทำอะไร ทำให้แม้ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายจากตระกูลไม่รู้สิ้นจะรู้ว่าเหล่าผู้มาจุติจะไม่อยู่นาน แต่ก็เลือกที่จะโจมตีทันทีเพราะเป็นกังวลว่าเหล่าผู้มาจุติจะสร้างปัญหาให้ผู้บัญชาการกองทัพได้

แม้จะรู้ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยง ทำให้เรื่องราวทั้งหมดดำเนินมาจนถึงจุดนี้

แต่ขณะนี้…การรบกวนจากศึกระหว่างหวังเป่าเล่อและผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายนั้นรุนแรงเกินไป ทำให้ผู้บัญชาการกองทหารตัวจริงที่กำลังหลอมดาวเคราะห์สีรุ้งอยู่ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือ…เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากชายชราตรงหน้าทำให้ผู้บัญชาการจากตระกูลไม่รู้สิ้นสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย

“ตาแก่ ข้าจะทำให้เจ้ายอมจำนน!” ขณะที่พูดเช่นนั้น แววเย็นเยียบก็ฉายวาบขึ้นในดวงตาของผู้บัญชาการระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้น เขาขยายสัมผัสสวรรค์ออกไป สัมผัสสวรรค์ปะทุออกจากแท่นสังเวยใต้ดินราวกับเป็นพายุและทะลุผ่านผืนดินไปปรากฏที่โลกด้านนอก ครู่ต่อมามันก็พัดกระจายไปทั่วทั้งดาวเคราะห์

สำหรับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ สัมผัสสวรรค์ของพวกเขาเพียงพอที่จะครอบคลุมทั่วทั้งดาวเคราะห์ ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่าน ผืนดินจะสั่นไหวขณะที่พืชพรรณนับไม่ถ้วนโค้งงอและยอดเขามากมายร่วงกราว เหล่าผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นและผู้มาจุติร่างสั่นเทิ้มรุนแรงราวกับไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ในหัวเหมือนมีเสียงกัมปนาทสั่นไหวขณะที่ดวงวิญญาณเริ่มสั่นคลอน

สัมผัสสวรรค์ของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์เป็นเหมือนพายุที่พัดกระจายไปทั่วดาวเคราะห์ มันเล็งเป้าไปที่หวังเป่าเล่อ แรงสั่นสะเทือนกระจายไปทั่ว สัมผัสสวรรค์จากผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่ชายหนุ่ม

ขณะเดียวกัน เป็นเพราะผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ขยายสัมผัสสวรรค์ออกไปอย่างรวดเร็ว หวังเป่าเล่อที่หยุดยืนอยู่บนสนามรบจึงสัมผัสได้ถึงพลังแทรกแซงจากผืนดิน เป็นพลังที่ชายหนุ่มไม่สามารถต้านทานได้ และอาจสังหารเขาได้ด้วยซ้ำ พลังดังกล่าวกำลังพุ่งตรงมาจากทั่วทุกทิศทางเหมือนดั่งคลื่นที่มองไม่เห็น

ราวกับฟ้าดินโดนกำราบและสัญญาณการมีตัวตนอยู่ของเขากำลังจะถูกพัดหายไป สัมผัสอันตรายดังก้องขึ้นในใจทันที

ภาพเบื้องหน้าทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตกใจหนัก ไม่มีเวลาให้มัวคิดมาก เขารีบปลดปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมาตามสัญชาตญาณและเตรียมหลบหนีไป แต่เมื่ออยู่ภายใต้สัมผัสสวรรค์ของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ ชายหนุ่มก็ไม่สามารถหลบหนีไปได้แม้จะมีพลังอยู่ในขั้นแสร้งอมตะก็ตาม

ทันใดนั้น…สัมผัสสวรรค์ระดับดาวพระเคราะห์ที่มาจากทั่วทุกทิศทางก็ถาโถมเข้าใส่หวังเป่าเล่อ ร่างของเขาสั่นเทิ้มรุนแรง กลวิธีต้านทานทั้งหมดที่มีอ่อนพลังลง ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมากองใหญ่ ร่างถูกตรึงไว้กับพื้น พื้นดินปริแตก กระดูกทั่วร่างส่งเสียงแตกหักเพราะไม่สามารถทานทนแรงกดดันได้ ร่างกายของเขาขึ้นสีแดงก่ำ

ใบหน้า ดวงตา สีผิวต่างแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง หากดูให้ละเอียด จะเห็นหยดเลือดที่ถูกบีบออกมาภายใต้แรงกดดัน ทำให้เขาดูเหมือนเป็นมนุษย์โลหิตอย่างไรอย่างนั้น

ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นผ่านทั่วร่างเหมือนเป็นพายุ ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกเหมือนถูกบีบจนกลายเป็นก้อนเนื้อ แม้ร่างกายของเขาจะเป็นร่างสารัตถะ แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่เกิดขึ้นทั่วร่าง

แม้จะเป็นเพียงร่างสารัตถะ แต่หากตายไป ก็ยังส่งผลรุนแรงต่อร่างจริงเช่นกัน หากร่างจริงอยู่ที่นี่ เขาคงสามารถปลดปล่อยพลังเมล็ดดูดกลืนที่แท้จริงและฝักกระบี่ออกมาได้ แต่ร่างสารัตถะเป็นเพียงร่างมายาของชายหนุ่มเท่านั้น

หรือร่างสารัตถะของข้าจะตายที่นี่ หวังเป่าเล่อที่กำลังเป็นกังวลใจแปลงกายเป็นหมอกเตรียมจะหนีไป แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ภายใต้พลังกดดัน เขาถูกบีบให้กลับสู่ร่างเดิมอีกครา

ร่างกายครึ่งหนึ่งกำลังจะสลายไป มันส่งสัญญาณเตือนเหมือนกำลังจะถูกทำลาย

เมื่อเห็นว่าหวังเป่าเล่อไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป จู่ๆ พื้นดินก็สั่นไหว ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บนแท่นสังเวยเบื้องหน้าผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นก็เคลื่อนไหว ดวงตาของเขาปิดสนิท เหมือนไม่สามารถลืมตาตื่นได้เพราะถูกผนึกไว้ ถึงกระนั้น ร่างกายของเขาก็สั่นเทิ้ม ชายชราใช้เคล็ดวิชาปริศนาปล่อยพลังให้ทะลักไปทางหวังเป่าเล่อ

ทันใดนั้น พลังที่ล้นทะลักออกมาก็กลายเป็นแหล่งพลังในการสนับสนุนและป้องกัน มันกลายเป็นม่านแสงช่วยหวังเป่าเล่อต้านทานแรงกดดันจากสัมผัสสวรรค์ของผู้บัญชาการระดับดาวพระเคราะห์

เสียงสั่นสะเทือนพัดกระจายไปทั่ว พลังป้องกันกลายเป็นโล่แสงจางๆ ช่วยให้หวังเป่าเล่อที่กำลังต้านทานพลังกดดันมีเวลาได้พักหายใจ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังหอบหายใจ เสียงโบราณก็ดังขึ้นในหู

“ผู้แปลกถิ่น ข้าคือจักรพรรดิของดาวเคราะห์เต๋าแห่งนี้ ตระกูลของข้าถูกตระกูลไม่รู้สิ้นกำจัด ดาวเคราะห์ในร่างของข้ากำลังถูกผู้ฝึกตนนอกรีตจากตระกูลไม่รู้สิ้นหลอม ข้าช่วยเจ้าได้เพียงครู่เดียว ไม่สามารถทนได้นานนัก ช่วยข้า…ก็เท่ากับช่วยตัวเจ้าเอง!”

“ข้าจะช่วยได้อย่างไร” ณ เวลานี้ หวังเป่าเล่อไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีก เขามีเพียงทางเลือกเดียวตรงหน้า ถ้าอยากป้องกันไม่ให้ร่างสารัตถะตาย เขาก็ต้องช่วยชายที่บอกว่าตนคือจักรพรรดิของดาวเคราะห์ดวงนี้

“มาหาข้า ขึ้นไปบนแท่นสังเวย และดับตะเกียงผนึกเสีย!”

แววดุดันฉายวาบขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มไม่เชื่อชายชราผู้นี้ เขาต้องตรวจดูแท่นสังเวยเสียก่อน หากต้องตายลงตรงนี้จริงๆ ก็ต้องรู้ก่อนว่าใครกันที่หมายจะฆ่าตนเอง!

แม้หวังเป่าเล่อจะไม่เคยไปยังแท่นสังเวยมาก่อน สัมผัสก่อนหน้าและการนำทางที่ได้รับในตอนนี้ก็ช่วยให้เขารู้เส้นทางอย่างชัดเจน ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ยกเท้าขวาเหยียบผืนดิน เสียงสั่นสะเทือนดังลั่นไปทั่ว จากนั้นชายหนุ่มก็กลายเป็นหมอกพุ่งสู่ใต้พิภพผ่านรอยแตกบนพื้น

ชายหนุ่มท่องไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว แรงกดดันจากสัมผัสสวรรค์ของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์แฝงไปด้วยความกังวลใจและเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ขณะเดียวกัน พลังคุ้มกันจากชายอีกคนที่ส่งมายังหวังเป่าเล่อก็ช่วยต้านแรงกดดันนั้นไว้

แม้พลังต้านทานนี้ไม่สามารถสร้างการป้องกันโดยสมบูรณ์ได้ แต่ตัวหวังเป่าเล่อเองก็ไม่ได้อ่อนกำลังและสามารถต้านแรงกดดันได้ระดับหนึ่ง หากชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บ อย่างมากที่สุดก็แค่กระอักไอสารัตถะออกมา หมอกพุ่งผ่านใต้พิภพไปอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็มาถึง…ถ้ำใต้ดินลึกลงไปในดาวเคราะห์!

เสียงสนั่นดังก้องขณะร่างหวังเป่าเล่อก่อตัวขึ้น เขาเห็นหินหลอมละลายอยู่รอบตัว รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่สูงจัด อีกทั้งยังเห็น…แท่นสังเวยรูปทรงเหมือนหอคอยอยู่ตรงใจกลางของหินหลอมละลาย!

และ…มีร่างของสองคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นนั้น!

ชายชราผู้หนึ่งถูกเบิกจุดตันเถียน รอบกายเต็มไปด้วยสายรุ้ง

ชายวัยกลางคนอีกผู้หนึ่งมีสีหน้าดุดัน ด้านหลังมีสารัตถะของตระกูลไม่รู้สิ้นกระจายออกไปและกลับมารวมกันใหม่วนอยู่อย่างนั้น!

ทันทีที่หวังเป่าเล่อพบชายทั้งสอง เขาก็รู้ชัดว่าใครเป็นใคร อีกทั้งชายหนุ่มยังเห็นตะเกียงทองแดงโบราณที่มีเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโชนอยู่ตรงมุมทั้งสามของแท่นสังเวยด้วย!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท