ยามนี้มีคนไม่น้อยพากันตกใจ “คิดสังหารรองประธานสมาคมการค้าลู่เหนียงจื่อหรือ ลู่เหนียงจื่อเป็นคนดี อยู่ดีๆ ทำไมนางคิดฆ่าลู่เหนียงจื่อ”
ลู่เจียวได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็มีสีหน้านิ่ง ไม่กล่าวอันใด
ตอนนั้นเอง หน้าประตูหอยาเป่าเหอก็มีเสียงร้องไห้ดังเข้ามาพร้อมเสียงโวยวายดังไม่หยุด
“หมอเทวดาอะไร จอมปลอม ล้วนจอมปลอม เขาเป็นนักต้มตุ๋น ไม่ได้มีวิชาการแพทย์สูงส่งอะไร เขาทำร้ายภรรยาข้าตาย”
“เหนียงจื่อ เจ้าอย่าได้จากไป ข้าจะทำอย่างไร ลูกเราจะทำอย่างไร”
“เจ้านักตุ้มตุ๋นลู่ เจ้ารีบออกมา เจ้าทำร้ายภรรยาข้า เจ้าชดใช้ชีวิตภรรยาข้ามา หากภรรยาข้าตาย ข้าจะสู้ตายกับเจ้า”
คนงานหอยาเป่าเหอออกมาดูแล้วก็วิ่งกลับเข้าไปด้วยอาการตกใจลนลาน รายงานลู่เจียวว่า
“ท่านหมอลู่ไม่ได้การแล้ว มีคนบอกว่าท่านรักษาภรรยาเขาตาย มาเอาเรื่องอยู่หน้าประตูหอยาเป่าเหอ”
ผู้ป่วยที่ลู่เจียวกำลังรักษาอยู่ได้ยินเข้าก็พากันตกใจ หลายคนถึงกับถอยหลังไปด้วยสัญชาตญาณทันที ไม่กล้าให้นางรักษา
ลู่เจียวก็ไม่ได้สนใจพวกเขา ลุกขึ้นเดินออกจากประตูไป ฉีเหล่ยรีบตามนางออกไป
เฝิงจือกับหร่วนจู๋กลัวเหนียงจื่อตนจะเสียเปรียบ ก็รีบตามลู่เจียวออกไปเช่นกัน
จ้าวหลิงเฟิงได้รับรายงานจากผู้จัดการก็รีบนำคนออกมา
หน้าประตูหอยาเป่าเหอ ยามนี้มีคนมามุงดูกันไม่น้อย แต่ละคนชี้มือชี้ไม้ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์
“ไหนว่าหมอลู่หอยาเป่าเหอ วิชาการแพทย์ร้ายกาจมากอย่างไร”
“ลวงโลกมากกว่า หนุ่มน้อยเช่นนี้จะมีวิชาการแพทย์เก่งกาจได้อย่างไร”
“ใช่ ข้าเองก็รู้สึกว่าคุยโวมากกว่า บางทีวิชาการแพทย์อาจไม่เลวจริงๆ แต่หากจะบอกว่าร้ายกาจ ข้าคิดว่าน่าจะใช่”
“ในหอยามีคนไข้ได้ยินชื่อเสียงพากันมารักษามากมาย ได้ยินว่าหายกันไปไม่น้อย ได้ยินว่าก่อนหน้านี้โรคเท้าของคหบดีหลิว เขาก็เป็นคนรักษาหาย”
“จับพลัดจับผลูบังเอิญมากกว่า”
คนก่อเรื่องพอเห็นลู่เจียวออกมาก็เบิกตาแดงก่ำจ้องมองลู่เจียวอย่างน่ากลัว กัดฟันกรอด “หมอลู่นักต้มตุ๋น เจ้าทำร้ายภรรยาข้าแล้ว ภรรยาข้าป่วย แต่เจ้ากลับบอกว่าแค่น้ำตาลต่ำ ไม่จำเป็นต้องกินยา พออาการกำเริบให้กินอาหารก็พอ ให้พกอาหารที่ทำจากน้ำตาลไว้ในกระเป๋าก็พอ”
ผู้ชายกล่าวจบ ก็หันไปมองผู้คนโดยรอบ ถามว่า “พวกเจ้าว่า นี่คือการรักษาอะไรกัน ก่อนหน้านี้ภรรยาข้ามีอาการใจหวิวตัวสั่น เหงื่อออก เวียนหัว ตาลาย มือเท้าอ่อนแรง หมอคนอื่นต่างบอกว่านางป่วย ให้ยามาหลายอย่าง แต่พอมาหาหมอลู่ที่นี่ เขากลับบอกว่าภรรยาข้าไม่ได้เป็นอไร เพียงแค่น้ำตาลต่ำ หากหิวก็แค่กิน ปรากฏทำร้ายภรรยาข้า ตอนนี้หมดสติไปแล้ว ดูท่ารักษาไม่ได้แล้ว”
ผู้ชายกล่าวจบ บิดามารดาเฒ่าข้างกายก็ส่งเสียงร้องไห้ดังขึ้น ลูกสองคนข้างกายพวกเขาก็หวาดกลัวจนส่งเสียงร้องไห้ดัง ทั้งครอบครัวดูแล้วน่าอนาถยิ่ง
คนโดยรอบพากันวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนหาว่าลู่เจียวทำร้ายนาง
ลู่เจียวไม่ได้สนใจชายผู้นี้ แต่ขมวดคิ้วมองหญิงที่ไม่ได้สติอยู่บนพื้น
หญิงผู้นี้นางจำได้ว่า ก่อนหน้านี้เป็นลมหมดสติไปเพราะน้ำตาลต่ำ อยู่ในภาวะวิกฤตมาก นางรีบจับชีพจรให้นางก่อนจะฉีดกลูโคสให้นาง จึงรักษาชีวิตนางไว้ได้ ปรากฏตอนนี้ถึงกับเป็นลมไปอีก นางก็บอกแล้วว่า ตอนอาการกำเริบให้รีบกินอะไรลงไป อย่าให้หมดสติอีกเป็นครั้งที่สอง
ลู่เจียวคิดแล้วก็ก้าวไปตรงหน้าเตรียมจะตรวจอาการหญิงที่สลบไป
ปรากฏสามีนางเข้ามาขวางไว้ คำรามใส่นางว่า “เจ้าคิดทำอะไร เจ้าทำให้ภรรยาเป็นลมไป ยังคิดจะทำอะไรนางอีก”
ลู่เจียวกำลังจะพูดอะไร ผู้คนก็พลันส่งเสียงตกใจดังขึ้นว่า “คุณชายผู้นี้เหมือนลู่เหนียงจื่อภรรยาเซี่ยซิ่วไฉไหม”
คนผู้นี้กล่าวจบ ก็มีอีกคนตะโกนถามว่า “เจ้าคือคุณชายลู่หรือว่าลู่เหนียงจื่อภรรยาเซี่ยซิ่วไฉ?”
“ใช่ ไม่ผิด แม้ว่านางแปลงโฉม แต่ข้ามั่นใจว่าเป็นนาง ย่อมไม่ใช่คุณชายอะไรแต่เป็นสตรี”
คนผู้นี้กล่าวจบ คนที่มุงอยู่หน้าประตูหอยาเป่าเหอก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
“จริงหรือนี่”
“ข้าเองเคยได้ยินว่าภรรยาเซี่ยซิ่วไฉเป็นวิชาแพทย์ นางเปิดสามโรงผลิต มีโรงเวชสำอางกับโรงผลิตยา ล้วนเกี่ยวข้องกับยา”
“วิชาการแพทย์สตรีผู้หนึ่งจะดีอย่างไร จะเก่งกาจได้เพียงใดกัน”
“เหลวไหลๆ”
ก่อนหน้านี้ลู่เจียวแต่งกายเป็นชาย ประการแรก กลัวสถานะหญิงทำให้คนไม่เชื่อถือวิชาการแพทย์นาง ประการที่สอง กลัวเกิดเรื่องเดือดร้อนที่ไม่จำเป็น ดังนั้นจึงได้แต่งกายเป็นชาย คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ถึงกับมีคนเปิดโปงสถานะของนาง
ลู่เจียวหรี่ตาครุ่นคิด นางเงยหน้ามองไปยังทั้งสองคนที่เปิดโปงนางก่อนหน้านี้
หากไม่เหนือความคาดหมายทั้งสองคนก็คือคนของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาตรวจสอบสถานะนาง
ลู่เจียวคิดถึงว่าเรื่องนี้ขึ้นมาก็พลันคิดถึงเรื่องเสิ่นซิ่วมุ่งปองร้ายนาง กอปรกับเรื่องนี้อีก
ดังนั้นตระกูลจางกับตระกูลเฉามุ่งมั่นจะสังหารนางทิ้งเพื่อเปิดทางให้เฉาชิงเหลียนเข้าแทนที่นางหรือ
ลู่เจียวหรี่ตาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งหนาวเหน็บ
ตระกูลจางกับตระกูลเฉา คิดทำให้นางตายหรือ
ไม่ใช่สิ สี่ตระกูลใหญ่ต่างต้องการให้นางตาย พวกเขาจะได้ดึงเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปเป็นพวกได้
สีหน้าลู่เจียวยิ่งดำทะมึนน่ากลัว ดูท่านางไม่อาจนั่งงอมืองอเท้ารออย่างเดียวแล้ว ไม่เช่นนั้นก็มีแต่ถูกตีตายเท่านั้น
สี่ตระกูลใหญ่กล้าวางอุบายนางเช่นนี้ ใช่ว่านางจะโต้กลับไม่เป็น
ลู่เจียวคิดแล้วก็เงยหน้ามองคนที่อยู่หน้าประตูหอยาเป่าเหอ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ผิด ข้าก็คือลู่เจียว ภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่นและก็คือรองประธานสมาคมการค้าชิงเหอ ข้ามั่นใจในวิชาการแพทย์ตนเอง หญิงผู้นี้ก่อนหน้านี้มาหาข้าให้ตรวจอาการ นางน้ำตาลต่ำจริง ตอนนั้นนางก็อยู่ในภาวะหมดสติแล้ว ข้าเป็นคนรักษาให้นางฟื้นเอง”
“วันนี้นางหมดสติเป็นครั้งที่สอง ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้น่าแปลก จำเป็นต้องรีบตรวจสอบอย่างละเอียด”
ตอนนี้ลู่เจียวมั่นใจว่าหากไม่เหนือความคาดหมาย ชายผู้นี้เป็นคนที่สี่ตระกูลใหญ่ซื้อตัวไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะมาเรื่องได้พอดิบพอดีเช่นนี้ได้อย่างไร มีคนคิดใช้โอกาสนี้เปิดโปงสถานะของนาง นี่คือแผนการลูกโซ่
เริ่มจากมีเรื่องว่านางรักษาคนตาย จากนั้นก็เปิดโปงสถานะนาง จากนั้นก็ย่อมมีเรื่องต่างๆ ตามมาอีก เช่นให้นางถูกจับ แล้วก็แอบลงมือปลิดชีวิตนางในคุกเงียบๆ
ลู่เจียวยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห สุดท้ายเดินไปหาชายผู้นั้นด้วยท่าทางน่ากลัว
ชายผู้นั้นก้าวออกมาขวางหน้าทันที ลู่เจียวหันไปมองหร่วนจู๋ สั่งการว่า “ขวางทุกคนไว้”
“เจ้าค่ะ เหนียงจื่อ”
หร่วนจู๋ก้าวเข้ามาลากตัวชายสูงใหญ่ออกไป
หร่วนจู๋เป็นหญิงสาวตัวเล็ก หน้าตาน่ารัก แต่พอนางลงมือ ทุกคนหน้าประตูหอยาเป่าเหอก็ตกใจกันไปหมด พากันมองนางตาค้าง
ลู่เจียวก้าวเข้าไปเริ่มตรวจอาการผู้ป่วยหมดสติตรงหน้า พอตรวจก็พบว่าผู้ป่วยไม่ได้มีอาการน้ำตาลต่ำ แต่สมองถูกระทบกระเทือนทำให้เกิดอาการเลือดคั่งในสมองจนหมดสติไป