ภายใน
หอเหยาเย่ว์ปรากฏเสียงหัวเราะดังขึ้นสนั่น
หอเหยาเย่ว์ที่มีสามชั้นเป็นหนึ่งในหอสุราที่แพงที่สุดในเมือง เวลาที่เปิดปกติก็ไม่ได้คึกคักเหมือนเวลานี้
ภายในโถงใหญ่มีบัณฑิตสวมชุดผ้าไหมสีต่างๆ นั่งกระจัดกระจายอยู่ สิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าไม่ได้มีเพียงสุราหอมและอาหารเลิศรส หากแต่ยังมีเครื่องดนตรี กระดานหมาก ตำราและภาพวาด
ตรงกลางของห้องโถงเป็นเวทีสูง จัดตั้งชั้นวางตำราโดยรอบ บทกวี บทกลอน ตำราและภาพมากมายแต่งแขวนไว้อย่างแน่นหนา บางคนล้อมรอบวิจารณ์ บางคนกำลังแขวนผลงานของตนเองขึ้นไป
ชั้นสองและชั้นสามต่างก็มีคนเดินไปมา ภายในห้องส่งเสียงสูงต่ำ เสียงนั้นมาจากเหล่าบัณฑิตที่กำลังขับกล่อมบทกลอนหรือบทกวี น้ำเสียงแตกต่างกัน สำเนียงแตกต่างกัน ไพเราะดุจดั่งเสียงร้องเพลง นอกจากนี้ยังมีเสียงดังราวกับกำลังถกเถียงอย่างดุเดือดดังขึ้น การถกเถียงนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลักการ
แน่นอน ระหว่างบทสนทนานั้นยังมีเรื่องน่าขันที่ทำให้พวกเขามารวมตัวกันอย่างคึกคัก
“จางเหยานั้นไม่ได้ต้องการนั่งโง่เขลาอยู่คนเดียว” บัณฑิตผู้หนึ่งที่สวมเสื้อคลุมหัวเราะร่า นำข่าวที่ตนเองได้ยินมาบอกแก่ทุกคน “เขาพยายามไปดึงเหล่านักเรียนสามัญชน”
อย่างไรก็ตามเวลานี้ สถานที่แห่งนี้คือเมืองหลวง นักเรียนจากทั่วทั้งแผ่นดินต่างหลั่งไหลเข้ามา เมื่อเทียบกับชนชั้นสูง เหล่าบัณฑิตสามัญชนย่อมต้องการตามหาโอกาสมากกว่า ซึ่งจางเหยาเป็นหนึ่งในนั้น บัณฑิตเหมือนเขามีจำนวนมากมาย เขาได้รู้จักกับบัณฑิตจำนวนมากระหว่างทาง
“เขาเกาะเกี่ยวเฉินตันจู จึงไร้ความกังวลเรื่องปากท้อง แต่เหล่าสหายของเขายังคงขออาศัยอยู่ทั่วทุกหนแห่ง พลางใช้ชีวิตพลางศึกษา จางเหยาตามหาพวกเขา คิดจะใช้เงินทองมาหลอกล่อ สุดท้ายแม้แต่ประตูก็ไม่อาจย่างเข้าไปได้ เพราะถูกสหายของเขาขับไล่ออกไป”
บัณฑิตผู้นั้นดึงแขนเสื้อของตนเองขึ้น ฉีกขาดไปมุมหนึ่ง
“อีกทั้งยังมีคนตัดขาดกับเขา”
เหล่าบัณฑิตที่นั่งอยู่บนพื้นหัวเราะเยาะออกมา “ผู้ที่ใช้กลอุบายอย่างไม่เลือกเพื่อผลประโยชน์เช่นนี้ ผู้ใดที่เป็นบัณฑิตย่อมอยากตัดขาดกับเขา”
บัณฑิตผู้ฉีกเสื้อของตนเองก่อนหน้านี้สะบัดชุดนั่งลง “เฉินตันจูให้คนแจกจ่ายจดหมายเชิญ สุดท้ายทุกคนต่างหลบหลีก มีบัณฑิตจำนวนไม่น้อยเก็บสัมภาระเดินทางออกนอกเมืองเพื่อหลบภัย”
บัณฑิตผู้หนึ่งที่ดื่มจนมึนเมานอนอยู่บนพื้น เมื่อได้ยินดังนี้จึงส่ายหัวด้วยความเมา “เฉินตันจูนี้คิดว่าใช้ข้ออ้างสามัญชนจะได้รับชื่อเสียงอันน่าเคารพหรือ นางไม่ลองคิดดู หากมีความเกี่ยวข้องกับนาง ชื่อเสียงก็เสียหายแล้ว จะมีอนาคตได้อย่างไร!”
ประตูถูกผลักออก มีคนถือกระดาษแผ่นหนึ่งตะโกน “มา มา บัณฑิตหลิวแห่งแคว้นเติงโจวออกคำถามใหม่มาถกเถียงกับทุกคน”
คนที่นั่งหรือนอน มีสติหรือมึนเมาอยู่ภายในห้องต่างตะโกนขึ้น “อ่านมา อ่านมา” จากนั้นจึงส่งเสียงถกเถียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความคึกคักลอยออกจากหอเหยาเย่ว์ ข้ามผ่านถนนที่คึกคัก ล้อมรอบหอไจซิงอันสวยงามประณีตที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้หอไจซิงฝั่งตรงข้ามดุจดั่งไร้ซึ่งผู้คน
ภายในหอไจซิง จางเหยาสวมชุดแขนกว้างนั่งอยู่ หากแต่เขาไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว แต่ยังมีหลิวเวยและหลี่เหลียนนั่งอยู่ด้านข้าง
เวลานี้เขาถือกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาพินิจ
เขาพินิจอยู่สักพัก หลิวเวยอดไม่ได้จึงถามขึ้น “เป็นอย่างไร ท่านอธิบายได้หรือไม่ กระดาษนี้พี่ชายของคุณหนูหลี่หยิบออกมาจากหอเหยาเย่ว์ เป็นคำถามของวันนี้ ทางนั้นมีคนนับสิบเขียนออกมาแล้ว ท่านคิดได้อย่างไร”
จางเหยาเงยหน้าขึ้น “ข้าคิดได้ว่า ตอนเด็กข้าเคยอ่านบทนี้ แต่ลืมว่าอาจารย์พูดไว้ว่าอย่างไร”
หลี่เหลียนหัวเราะออกมา หลิวเวยผงะ ถึงแม้จะรู้ว่าความรู้ของจางเหยาธรรมดา แต่ไม่คิดว่าธรรมดาถึงเพียงนี้ ทันใดนั้นจึงถลึงตาใส่เขาด้วยความโกรธและร้อนใจ
“ท่านเป็นอย่างไรกัน” นางพูด เวลานี้นางคุ้นเคยกับจางเหยาแล้ว จึงไม่เกร็งเหมือนแต่ก่อน “ท่านพ่อข้าบอกว่าตอนนั้นท่านพ่อของท่านมีความรู้มาก แม้แต่ผู้ควบคุมในจวิ้นฝู่ยังชื่นชมเขาต่อหน้าผู้อื่นว่ามีความรู้อันยอดเยี่ยม”
จางเหยายิ้ม ไม่โกรธ
หลี่เหลียนถาม “คุณชายจาง ทางนั้นมีบัณฑิตที่จะเข้าร่วมการแข่งขันนับร้อยคนแล้ว เมื่อถึงเวลา คุณชายคนเดียวสามารถอดทนได้นานเพียงใด”
จางเหยายื่นนิ้วออกมาอย่างไม่ลังเล ก่อนจะหักลงครึ่งหนึ่งหลังจากครุ่นคิด
“ครึ่งวัน” เขาพูดอย่างเปิดเผย
หลิวเวยยื่นมือปิดหน้า “ท่านพี่ ท่านทำตามที่ท่านพ่อข้าบอกเถิด ออกจากเมืองหลวงเสีย”
หลี่เหลียนปลอบนาง “สำหรับคุณชายจางแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้เตรียมการมาก่อน เวลานี้เขาจากไปไม่ได้ สามารถขึ้นไปประลองครึ่งวันก็เก่งมากแล้ว หากจะโทษ ก็คงโทษได้เพียงตันจู”
หลิวเวยนั่งตัวตรง “จะโทษนางได้อย่างไร หากจะโทษก็ต้องโทษสวีลั่วจือ เป็นถึงอาจารย์หยูแต่ใจแคบเช่นนี้ รังแกหญิงสาวอ่อนแออย่างตันจู”
หลี่เหลียนหัวเราะ “ในเมื่อพวกเขารังแกคน พวกเราก็อย่าโทษตัวเอง”
หลิวเวยยิ้มให้นาง “ขอบคุณ คุณหนูหลี่”
เวลานี้มีเพียงหลี่เหลียนที่มาพบพวกเขาอย่างไม่หวาดกลัว พูดตามตรง แม้แต่ทางท่านยายยังหลีกเลี่ยงไม่เดินทางมา
ครานี้ สิ่งที่เฉินตันจูพูดถือเป็นการตำหนิชนชั้นสูงทั้งหมด ทุกคนต่างไม่พอใจ แน่นอน เรื่องที่เฉินตันจูกระทำก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาพอใจมากนัก แต่อย่างน้อยก็ไม่เกี่ยวข้องกับชนชั้น อย่างไรก็ตาม เฉินตันจูก็เป็นชนชั้นสูง ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนชนชั้นเดียวกัน แต่เวลานี้ เฉินตันจูกลับดึงสามัญชนเข้ามาเกี่ยวข้อง
อีกทั้งยังต้องการให้สามัญชนเหยียบย่ำชนชั้นสูง พวกเขาไม่อาจทนได้
หลี่เหลียนพูด “อย่าได้พูดสิ่งเหล่านี้เลย อีกทั้งอย่าได้ท้อใจ ห่างจากวันประลองยังมีอีกสิบวัน คุณหนูตันจูยังกำลังรวบรวมคน ย่อมต้องมีผู้ที่มีใจกล้าหาญเดินทางมา”
ผู้ที่มีใจกล้าหาญยิ่งไม่มีทางเดินทางมา หลิวเวยคิดในใจ แต่ไม่อาจพูดออกมา
หอไจซิงมีสามชั้นเช่นเดียวกัน หากแต่ด้านบนนั้นไม่มีผู้คนเดินขวักไขว่ มีเพียงเฉินตันจูและอาเถียนยืนพิงราว หลี่เหลียนกำลังส่งคำถามล่าสุดของทางชนชั้นสูงให้จางเหยา นางจึงไม่ได้ลงไปรบกวน
ภายในหอเงียบสงบ สิ่งที่หลี่เหลียนพูด นางได้ยินจากชั้นสามแล้ว
“คุณหนู” อาเถียนอดพูดขึ้นไม่ได้ “คนเหล่านั้นช่างไม่รู้ดีชั่ว คุณหนูทำเพื่อพวกเขา เรื่องดีแค่ไหน มีเกียรติยิ่งกว่าชนะพวกเขาเสียอีก”
เฉินตันจูถอนหายใจ “ไม่อาจโทษพวกเขาได้ ฐานะของพวกเขายากลำบากมานาน เกียรติยศไม่สำคัญเท่าความต้องการ ขัดแย้งกับชนชั้นสูงเพื่อเกียรติยศของตนเอง เสื่อมเสียชื่อเสียง ความหวังอันยิ่งใหญ่ไม่อาจบรรลุได้ ช่างน่าเสียดายและน่าระอา”
อาเถียนทำหน้าโศกเศร้า “จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ ไม่มีผู้ใดมา ไม่อาจประลองได้”
เฉินตันจูมองอาเถียนด้วยรอยยิ้ม “อย่ารีบร้อน ข้าบอกว่าข้าเข้าใจพวกเขา พวกเขาหลบเลี่ยงข้า ข้าไม่โกรธ แต่ข้าไม่ได้บอกว่าข้าไม่เป็นคนชั่ว”
อาเถียนดีใจขึ้นมาทันใด ดีเสียจริง หากคุณหนูยอมทำตัวร้ายก็เป็นเรื่องง่าย แค่ก...
“คุณหนู ต้องทำอย่างไร” นางถาม
เฉินตันจูพูด “รออีกสองสามวัน หากคนยังคงไม่มาก ให้จู๋หลินไปจับพวกเขากลับมา” พูดพลางขยิบตาให้อาเถียน “จู๋หลินเป็นถึงองครักษ์หลวง ฐานะไม่ธรรมดา”
จู๋หลินที่ยืนอยู่หลังเสามองขึ้นฟ้า คุณหนูตันจู ท่านยังรู้ว่าเขาเป็นองครักษ์หลวงหรือ! ท่านเคยเห็นองครักษ์หลวงไล่จับบัณฑิตบนท้องถนนหรือ! ท่านแม่ทัพ ท่านยังไม่ได้รับจดหมายอีกหรือ ครานี้เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ แล้ว…
พระราชวังในเมืองฉีเต็มไปด้วยหิมะปกคลุมหลายชั้น
หวังเจียนเดินย่างเท้าอยู่บนหิมะอย่างรีบร้อน หลังจากเข้าไปภายในห้องที่อบอุ่น เห็นเพียงแม่ทัพหน้ากากเหล็กที่ยังคงสวมชุดธรรมดานั่งดูแผนที่…
“เหตุใดยังไม่เก็บสัมภาระ” หวังเจียนพูดอย่างรีบร้อน “หากไม่เดินทางอีก คงไปไม่ทันแล้ว”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่แม้แต่เงยหน้า “ไม่ต้องกังวลเรื่องคุณหนูตันจู เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด”
“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องคุณหนูตันจู ข้าแค่กังวลว่าไปช้าข้าจะไม่เห็นความสนุกที่คุณหนูตันจูถูกโจมตีจากรอบด้าน” หวังเจียนตอบรับ เลิกคิ้ว “คงน่าเสียดายเสียจริง”