หนานกงมั่วยิ้มตาหยี เอ่ย “ไม่เป็นไร ต่อไปข้ายังจะได้เห็นลูกของคนอื่นสรงสามอยู่” นางตั้งใจเน้นน้ำเสียงคำว่าของคนอื่น ใบหน้าของเซวียเสียวเสี่ยวพลันแดงระเรื่อขึ้นมาทันที กระทืบเท้าไม่พอใจพลันวิ่งหนีหายไป หนานกงมั่วยักไหล่ ก็ได้ ล้อเล่นกับสตรียังไม่แต่งงานเช่นนี้ค่อนข้างจะรังแกนางไปสักหน่อย
“พี่สะใภ้ พวกเราออกไปก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวอีกชั่วครู่จะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนท่าน” ซุนเหยียนเอ๋อร์จูงมือฉินซีพลางเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
หนานกงมั่วพยักหน้า พลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “จริงสิ ช่วยข้าบอกกับเว่ยจวินมั่วที ใครกล้าแตะต้องหูของบุตรีข้า ข้าไม่จบแน่” นางเพิ่งรู้ตอนนี้ว่าเด็กผู้หญิงในยุคสมัยนี้คลอดออกมาได้เพียงสามวันก็ต้องเจาะติ่งหู นึกถึงซาลาเปาตัวน้อยที่ยังบอบบาง ตนเองจะลงน้ำหนักมือมากสักหน่อยยังทำใจไม่ได้ ยังมีใครคิดจะมาเจาะติ่งหูนางอีก เพียงคิดหนานกงมั่วก็แทบอยากบีบอีกฝ่ายให้ตาย ส่วนเรื่องไม่เจาะหูแล้วต่อไปจะทำอย่างไร คุณหนูใหญ่หนานกงแสดงออกมาว่าไม่ต้องรีบร้อน โตแล้วค่อยว่ากันก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยวิชาการแพทย์ของนางจะทำให้ลูกไม่มีความเจ็บปวดเมื่อต้องเจาะหูยามโตเป็นแน่
ซุนเหยียนเอ๋อร์ชะงัก กะพริบตาปริบ หนานกงมั่วเอ่ยหนักแน่น “ต้องบอกให้ได้”
ซุนเหยียนเอ๋อร์รีบพยักหน้า พี่สะใภ้ดูน่ากลัวมาก
ยามที่ซุนเหยียนเอ๋อร์และฉินซีออกมาห้องโถงใหญ่ก็ครึกครื้นกว่าปกติอยู่ก่อนแล้ว โซวเซิงเหล่าเหลา[1]ท่าทางคล่องแคล่วคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กน้อยยืนอยู่ด้านข้าง ที่นั่งหลักในห้องโถงนั้นมีรูปปั้นเทพเจ้านับสิบที่รู้จักและไม่รู้จักเรียงรายอยู่ คาดว่าคงจะเกี่ยวข้องกับการเกิดและทารก ตรงกลางห้องโถงมีอ่างสรงสามงดงามวางเอาไว้หนึ่งอ่าง เพียงแต่ใหญ่กว่าของคนอื่นทั่วไปไม่น้อย เห็นชัดว่าคงเตรียมเพื่อให้เด็กทั้งสองได้อาบด้วยกัน อย่างไรก็เป็นฝาแฝด องค์หญิงฉังผิงเองก็ปฏิบัติต่อหลานชายและหลานสาวเหมือนกัน กระทั่งเอ็นดูหลานสาวเสียมากกว่าด้วย
เยี่ยนอ๋องและพระชายาเยี่ยนอ๋องเติมของลงในอ่างก่อน ต่างก็เป็นสองชิ้น เยี่ยนอ๋องให้หยกสองชิ้น พระชายาเยี่ยนอ๋องให้กำไลหนึ่งคู่ ต่อจากพวกเขาเป็นคุณชายทั้งสามของจวนเยี่ยนอ๋อง ฮูหยินทั้งสามเองก็เติมของตนเองลงไป อาจารย์ อาจารย์อาและศิษย์พี่ของหนานกงมั่วเองก็ไม่อาจไปอยู่รั้งท้าย ชายชรานั้นใจกว้าง วางไข่มุกสีม่วงที่ถูกร้อยเป็นสร้อยและหยกมงคลฝังไข่มุกราตรีชิ้นเล็กทว่าประณีตงดงามหนึ่งชิ้น อาจารย์อาให้สัตว์ของเล่นสองชุด ชุดละสิบสองชิ้น เพียงแต่ชุดหนึ่งคือทองชุดหนึ่งคือหยก คนที่อยู่ในงานมุมปากกระตุก สองท่านนี้ดูไม่สะดุดตาและไม่สนใจผู้คน ทว่าความหรูหรานี้ทำให้พวกเขาไม่กล้าหยิบของขวัญของตนเองออกมา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่านั่นต้องเป็นหยกชั้นดีอย่างแน่นอน ถูกแกะสลักอย่างสวยงาม ว่ากันว่าชุดที่เป็นทอง แต่ละชิ้นล้วนแล้วแต่สูงสองชุ่นเป็นอย่างน้อย อีกทั้งดูแล้วก็ไม่เหมือนจะกลวงด้านใน สิบสองชิ้นรวมกัน อย่างน้อยๆ คงหลายร้อยตำลึง ของเช่นนี้เอามาเป็นของเล่นให้เด็กแรกเกิดจะไม่มีปัญหาจริงหรือ
อีกทั้งคนผู้นี้กลับโยนมันออกไป หากมิใช่เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นด้านหน้าของอ่างสรงสามที่สั่นไหวได้อย่างชัดเจน เกรงว่าคงคิดว่าสิ่งที่เขาโยนออกไปนั้นเป็นเพียงของเล่นที่เคลือบทองและหยกเพียงเปลือกนอกเท่านั้น
ต่อจากนั้นเป็นคุณชายเสียนเกอและหนานกงชวี่ที่เข้ามาเติมของด้วยตนเอง หนานกงชวี่ถูกเซียวเชียนเยี่ยเนรเทศ ไปๆ มาๆ ก็มาถึงโยวโจวแน่นอนว่าไม่ได้อาจหาญเหมือนคุณชายเสียนเกอทว่าก็ไม่ได้เสียมารยาท คุณชายเสียนเกอเหลือบตามองเว่ยจวินมั่วที่นั่งอยู่ วางป้ายคำสั่งสีดำหนึ่งชิ้นและไข่มุกราตรีหนึ่งเม็ดลงไป
เว่ยจวินมั่วสัมผัสได้ถึงสายตา เลิกคิ้วขึ้นราวกับกำลังคิดสิ่งใด กวาดตามองคุณชายเสียนเกอชั่วครู่ก่อนจะไม่สนใจเขาอีก
ที่เหลือก็เป็นบรรดาฮูหยินตระกูลผู้มีอำนาจต่างๆ เริ่มเข้ามาเติมอ่างไปเรื่อยๆ มีให้สร้อยให้กำไลทอง หรือบางคนอาจจะให้แท่งทองแผ่นหยก แม้ว่าคนที่มาจะมีเพียงคนสนิทของเยี่ยนอ๋อง ทว่าอ่างก็มีของถูกเติมไปเกินครึ่ง โซวเซิงเหล่าเหลาที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้จ้องมองตาไม่กะพริบ
หลังจากเถียนเผินเรียบร้อยแล้วพิธีสรงสามก็เริ่มขึ้น โซวเซิงเหล่าเหลาเริ่มกล่าวคำมงคล พร้อมทั้งอาบน้ำให้เด็กไปด้วย ข้อแตกต่างระหว่างเด็กชายและเด็กหญิงก็คือ เด็กหญิงต้องเจาะติ่งหู ทว่าเพราะได้รับ ‘คำขู่’ ที่หนานกงมั่วฝากซุนเหยียนเอ๋อร์มาก่อนหน้านี้ คิ้วคมของคุณชายเว่ยจึงขมวดขึ้น มองเข็มที่สะท้อนอยู่ในมือของโซวเซิงเหล่าเหลา คุณชายเว่ยรีบดีดตัวลุกขึ้นไปห้ามโซวเซิงเหล่าเหลาเอาไว้
“จะทำอันใด” ทุกคนอดตื่นตะลึงไม่ได้ มองคุณชายเว่ยที่มีสีหน้าไม่พอใจ
คุณชายเสียนเกอเลิกคิ้ว เพียงยิ้มไม่เอ่ยสิ่งใด
เยี่ยนอ๋องชะงักอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เอ่ย “จวินมั่ว นี่เป็นกฎ เกรงว่าคงไม่อยากให้บุตรีได้รับความเจ็บปวดสินะ” สตรีล้วนต้องเจาะหูกันทั้งนั้น ในสายตาของผู้ใหญ่มองว่ายามนี้เด็กยังไม่รู้จักความเจ็บปวด ดีกว่าไปเจาะตอนโตเป็นไฉน
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเข้ม “สิ่งนี้ไม่ต้อง”
โซวเซิงเหล่าเหลาชะงัก หลายปีมาแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เจอกับสถานการณ์เช่นนี้ จำต้องเอ่ย “คุณชาย นี่คือ…นี่คือกฎนะเจ้าคะ คุณหนูน้อยฐานะสูงส่ง จะไม่เจาะติ่งหูได้เยี่ยงไร” แม้แต่ครอบครัวยากจนซื้อต่างหูเครื่องประดับหูพวกนี้ไม่ได้ก็ยังอยากเจาะหูเลย ต่อให้ต้องซื้อของที่ไม่คุ้มกับเงินก็ยังอยากใส่
“ไม่ต้อง” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องนี้ท่านไม่ต้องยุ่ง ทำพิธีต่อไป”
ทำอันใดต่อเล่า สิ่งนี้ข้ายังทำไม่เสร็จเลยทว่ามองดวงตาสีม่วงเย็นเยียบของคุณชายเว่ยราวกับกำลังบอกว่า ‘หากเจ้ากล้าเจาะหูบุตรีของข้า ข้าจะแทงเจ้าหนึ่งร้อยเข็ม’ โซวเซิงเหล่าเหลาจึงต้องยอมเงียบๆ
คนที่อยู่ในพิธีเองก็ได้สติกลับมา ที่แท้ก็หวงบุตรี ต่างพากันก้มหน้าลอบยิ้มขึ้นมา เพียงแต่ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ เห็นคุณชายเว่ยเย็นชาดูไม่ออกทว่ากลับเป็นบิดาที่มีความรักใคร่ต่อบุตรี
ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำพิธีสำเร็จ โซวเซิงเหล่าเหลาลอบเช็ดเหงื่อ บอกว่าเพื่อความเป็นมงคลรับเงินรางวัลแล้วพลันออกไปดื่มชา ส่วนของที่อยู่ในอ่างนางไม่กล้าอาจเอื้อมถึงมัน ของบางอย่างต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่อาจมีได้ คาดหวังต่อสิ่งที่มิใช่ของตนเองจะมีผลตามมาเช่นไร
เด็กทั้งสองถูกแม่นมอุ้มเข้าไปอีกครั้ง องค์หญิงฉังผิงและเยี่ยนอ๋องลุกขึ้นเชิญทุกคนดื่มชาที่เรือนด้านหน้า เว่ยจวินมั่ว เซียวเชียนชื่อแน่นอนว่าเตรียมต้อนรับแขกเหรื่อที่เป็นบุรุษ ผู้คนยังไม่ทันออกจากเรือนพลันได้ยินเสียงดังจากด้านนอก “ราชโองการ เยี่ยนอ๋องรับราชโองการ”
ราชโองการหรือ ทุกคนชะงัก ราชโองการมายามนี้ยากนักที่คนจะเชื่อว่าจะมีเรื่องที่ดี
ชายวัยสามสิบปลายอยู่ในชุดพิธีการ ในมือมีม้วนราชองค์การอยู่ ด้านนอกยังมีองครักษ์กลุ่มคนผู้ติดตามจากราชสำนักมาด้วย เว่ยจวินมั่วหรี่ตาลง ยกมือส่งสัญญาณให้องครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว ดังนั้นกลุ่มคนเหล่านั้นจึงเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ได้
เยี่ยนอ๋องสีหน้าทะมึน มองทุกคนด้วยใบหน้าราบเรียบ
“เยี่ยนอ๋อง เชิญรับราชโองการ”
“ผู้ใดกัน” เยี่ยนอ๋องปรายตามองต่ำ มองผู้มาใหม่เงียบๆ ไม่มีท่าทีจะลุกขึ้นยืน สีหน้าของชายวัยกลางคนยับยุ่งขึ้นมา ยกราชโองการไปด้านหน้า เอ่ยเสียงเข้ม “เยี่ยนอ๋อง เชิญรับราชโองการ” เยี่ยนอ๋องส่งเสียงเย็น “รับราชโองการหรือ ทำไม ฮ่องเต้พระองค์ใหม่สังหารน้องสิบไม่พอ ตอนนี้อยากได้ชีวิตของข้าหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ประทานยาพิษมาเถิด ไยต้องเสแสร้งอืดอาดยืดยาดเช่นนี้ด้วยเล่า”
[1] โซวเซิงเหล่าเหลา หรือ จี๋เสียงเหล่าเหลา คือผู้อาวุโสที่ถูกคัดเลือกมาจากครอบครัวมั่งมี มีความสุขและลูกหลานเต็มบ้านเพื่อมาเป็นผู้นำพิธีสรงสาม