ก่อนหน้านี้ลู่เจียวเคยตรวจให้หญิงผู้นี้ นางไม่ได้มีอาการกระทบกระเทือนสมอง ตอนนี้เหตุใดจึงเกิดเหตุกระทบกระเทือนจนทำให้เกิดเลือดคั่งในสมองได้
หรือว่ามีคนกระแทกสมองนางจนทำให้เกิดเลือดคั่งในสมอง
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็ก้าวเข้าไปตรวจดูท้ายทอย
พอนางแตะบาดแผล ชายร่างสูงใหญ่ก็พลันสีหน้าแปรเปลี่ยน เริ่มตกใจขึ้นมา แต่เขาถูกคนกดตัวไว้ ได้แต่รีบหันไปมองบิดามารดาตนเองทันที ส่งเสียงตะโกนดังว่า “ขวางนางไว้ อย่าให้นางทำอะไรหวังเหนียงจื่อ”
บิดามารดาฝ่ายชายร้องไห้เข้าไปขวางลู่เจียว
“เจ้าปีศาจ อย่ามาแตะต้องลูกสะใภ้เรา”
“นังชั้นต่ำ ถอยไป”
บิดาชายผู้นั้นพุ่งเข้ามาด่าทอลู่เจียว ลงมือจะผลักลู่เจียว
เฝิงจือรีบเข้ามาปกป้องนางไว้
จ้าวหลิงเฟิงยกมือให้ผู้คุ้มกันของเขาเข้าไปรั้งบิดามารดาชายผู้นั้นไว้
ชายผู้นั้นทั้งร้องทั้งโวยวายทำเอาสถานการณ์อลหม่านไปหมด
ลู่เจียวตวาดดุดันเสียงดัง “หุบปาก”
พอนางตวาดดังขึ้น ทั่วบริเวณก็เงียบกริบ แววตาลู่เจียวเย็นเยียบมองชายผู้นั้น “พวกเจ้ากลัวใช่หรือไม่ ภรรยาเจ้ามิใช่ข้าทำร้าย แต่เป็นพวกเจ้ารับเงินผู้อื่นทำร้ายนาง คิดจะใส่ร้ายข้า พวกเจ้าคิดว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆ อย่างนี้หรือ”
ลู่เจียวกล่าวจบ ก็หันไปสั่งจ้าวหลิงเฟิง “รีบให้คนไปแจ้งมือปราบจ้าว พาเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพมา หากไม่เหนือความคาดหมาย หญิงผู้นี้ถูกคนทุบจนสมองเลือดคั่งเป็นเหตุให้หมดสติไป”
สมองเลือดคั่งเดิมต้องรีบผ่าตัดรักษา แต่ตอนนี้ลู่เจียวแม้แต่โอกาสจะตรวจรักษาก็ยังไม่มี และดูจากเวลาที่นางสลบไป ตอนนี้แม้รีบผ่าตัดก็ช่วยไว้ไม่ได้แล้ว สามีนางร่วมมือกับคนนอกทำร้ายนางเพื่อเงินทอง
พอลู่เจียวสั่งการ จ้าวหลิงเฟิงรีบสั่งการให้คนไปแจ้งความที่ที่ว่าการอำเภอ
ชายผู้นั้นตกใจส่งเสียงร้องลั่น “พวกเราไม่โทษเจ้าแล้ว พวกเราพานางกลับ”
พอเขากล่าวขึ้น ผู้คนโดยรอบก็พากันแปลกใจ แต่ละคนมองเขา พบว่าเขาหวาดกลัวอย่างมาก
ชายผู้นั้นเป็นเพียงคนธรรมดา พอเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็ย่อมสงบนิ่งไม่เป็น เริ่มลนลานจนไม่รู้คิดหาทางออกเช่นไปนานแล้ว ได้แต่ร้องตะโกนงดัง “พวกเราไม่รักษาแล้ว ไม่รักษาแล้ว ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่โทษเจ้า”
วาจาเขาที่กล่าวออกมาสับสนไปหมด ไม่รู้ความหมาย ทำให้ผู้คนต่างเชื่อวาจาลู่เจียว
ดังนั้นไม่ใช่ว่าลู่เหนียงจื่อรักษาไม่ดี แต่ผู้ป่วยถูกสามีนางทำร้ายเพื่อเงิน จากนั้นก็แล่นมาใส่ความลู่เหนียงจื่อ
สวรรค์ ช่างเป็นเรื่องผิดต่อฟ้าดินเสียจริง
สวรรค์ ทำไมไม่จัดการคนเช่นนี้
“สวรรค์ เจ้าช่างโหดเหี้ยมมาก ถึงกับทำร้ายภรรยาตนเองเช่นนี้”
“หญิงผู้นี้ข้าเคยพบนาง นางยังดูกระปรี้กระเปร่า คิดไม่ถึงว่าพริบตาจะสิ้นลมไปเช่นนี้ และยังเป็นฝีมือคนร่วมเคียงหมอนทำร้ายเอาด้วย”
ยามนี้บิดามารดาชายผู้นั้นแตกตื่นตกใจ “พวกเจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล พวกเราไม่ได้ทำร้ายนาง พวกเราเปล่า นางมันนังชั้นต่ำ”
บิดามารดาชายผู้นั้นเพิ่งกล่าวจบ ก็มีคนหนึ่งแหวกวงล้อมเข้ามาอย่างเสียสติ ปรี่เข้าไปหาบิดามารดาชายผู้นั้น “ตระกูลสวีพวกเจ้าไร้คุณธรรม ผิดต่อฟ้าดิน ถึงกับทำร้ายบุตรสาวข้าเช่นนี้ ข้าจะสู้ตายกับพวกเจ้า”
หญิงชราผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาราวกับเสียสติ เข้าดึงทึ้งคนตระกูลสวี
แต่นางคิดขึ้นมาได้ทันที หันหน้าปรี่ไปหาลู่เจียว ขอร้องว่า “ท่านหมอลู่ ขอร้องท่าน ขอร้องท่าน ช่วยบุตรสาวข้าด้วย”
ลู่เจียวเข้าตรวจดูให้เหนียงจื่อที่สลบอยู่บนพื้นทันที
ยามนี้รอบด้านเงียบกริบ แม้แต่ชายผู้นั้นกับบิดามารดาเขาเองก็ไม่ส่งเสียง
ลู่เจียวตรวจแล้วก็มั่นใจว่าสมองหญิงผู้นี้กระทบกระเทือนจนเกิดเลือดคั่ง และเพราะเลือดออกมากเกินไป ไร้หนทางรักษาแล้ว ตอนนี้รูม่านตานางขยายกว้าง หยุดหายใจ หญิงผู้นี้ไร้หนทางช่วยเหลือแล้ว
“นางตายแล้ว”
ลู่เจียวกล่าวจบ รอบด้านที่เงียบกริบก็พลันดังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเสียงร้องไห้คร่ำครวญของหญิงชราราวกับจะขาดใจ
คนรอบด้านไม่น้อยพากันเห็นใจ เริ่มเล่าเรื่องหญิงชรา “น่าสงสารนางหลิว อายุปูนนี้ แม้แต่บุตรสาวคนเดียวก็ต้องมาตายจากไปก่อน วันหน้านางจะทำเช่นไร”
“ใช่ น่าสงสาร เดิมบุตรสาวหายแล้ว นางดีใจมาก คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายถึงกับถูกลูกเขยร่วมมือกับคนนอกทำร้ายจนตาย”
ชายผู้นั้นได้ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์รอบด้านก็เริ่มตกใจ ส่งเสียงตะโกนดังขึ้น “ข้าไม่ได้ทำร้ายนางๆ สมองนางไม่ได้รับบาดเจ็บ พวกเจ้าหากหลักฐานไม่ได้ ก็อย่ามาหาว่าข้าทำร้ายนาง”
ลู่เจียวแค่นยิ้มมองไปยังชายผู้นั้น “เจ้าคิดว่าไม่มีบาดแผลภายนอกแล้วก็หาหลักฐานเอาผิดเจ้าไม่ได้หรือ เห็นได้ชัดว่านางถูกคนใช้กำลังภายในทำร้าย ขอเพียงเปิดสมองออกตรวจสาเหตุการตายของนางก็ย่อมพบ เจ้าคิดว่าเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพทำงานอะไรอย่างนั้นหรือ”
พอลู่เจียวกล่าว ชายผู้นั้นยิ่งลนลานส่งเสียงตะโกนดังว่า “พวกเราไม่เห็นด้วยกับการพิสูจน์ศพ พวกเราไม่เห็นด้วย”
นางหลิวตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ข้าเห็นด้วย ข้าเห็นชอบให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพพิสูจน์ศพบุตรสาวข้า ข้าจะต้องให้ตระกูลสวีเจ้าตายตกตามกันไปทั้งตระกูล”
ทางนี้มีเรื่องกันใหญ่โตเช่นนี้ มือปราบจ้าวนำมือปราบมาถึงก็จับตัวคนตระกูลสวีและนำศพหวังเหนี่ยงจื่อกลับไปอย่างรวดเร็ว
ผู้คนหน้าประตูหอยาเป่าเหอพากันถอนหายใจอย่างรู้สึกเศร้าใจตามไปด้วย
แต่มีคนตั้งสติได้เร็ว “ลู่เหนียงจื่อเก่งกาจมาก แค่ตรวจก็รู้ว่าหวังเหนียงจื่อถูกคนทำร้าย วิชาการแพทย์นางเก่งกาจมากจริงๆ”
“ร้ายกาจจริง ได้ยินว่านางยังร่วมเปิดสามโรงผลิตที่นอกเมือง มีโรงผลิตน้ำมันที่เริ่มผลิตออกขายแล้ว ราคาก็ยุติธรรมมาก”
“จากนี้ยังจะผลิตยา ก็ไม่รู้ว่าโรงผลิตยาจะผลิตยาแบบใดออกมา”
ในหอยาเป่าเหอ พอเกิดเหตุนี้ทำให้ลู่เจียวไม่มีอารมณ์รักษาผู้ป่วยอีก
นางกล่าวกับจ้าวหลิงเฟิงว่า “วันนี้ก็เท่านี้ก่อน วันหน้าว่างค่อยมาตรวจให้พวกเขาใหม่แล้วกัน”
กล่าวจบนางก็ไม่สนใจจ้าวหลิงเฟิงกับผู้ป่วยในหอยาเป่าเหออีก หันหลังนำคนกลับทันที
จ้าวหลิงเฟิงกับผู้ป่วยในหอยาเป่าเหอต่างเข้าใจ เจอกับเรื่องใหญ่เช่นนี้ จะอารมณ์ไม่ดีก็เป็นเรื่องปกติ
ลู่เจียวขึ้นรถม้าตระกูลเซี่ย ยามนี้ในใจนางอยากพบเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาก
หากเรื่องที่เกิดวันนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่ด้วย เขาต้องก้าวออกมาปกป้องนางคนแรก
ลู่เจียวคิดถึงว่าทุกครั้งที่นางประสบเหตุ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็จะก้าวออกมายืนหน้านางในทันที แม้นางมีความสามารถจัดการได้ แต่เขาก็คิดออกมาช่วยนางจัดการ ไม่ยอมให้นางโดนทำร้ายแม้แต่น้อย
วันนี้นางเจอเรื่องนี้ ปฏิกิริยาจ้าวหลิงเฟิงกลับกลับกัน
บางทีในใจจ้าวหลิงเฟิง นางมีความสามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้เขาเข้าแทรก
แต่ในฐานะสตรี บางครั้งลู่เจียวก็หวังให้ผู้ชายปกป้องนาง ทั้งสองคนได้ร่วมกันหารือหาทางแก้ปัญหาก็ดี
พอคิดเช่นนี้ ลู่เจียวก็ยิ่งรู้สึกว่าคนเช่นเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นของล้ำค่าที่หาได้ยาก หากผู้ชายเช่นจ้าวหลิงเฟิงเป็นสามีนาง นางน่าจะค่อยๆ หมดใจ จนแยกจากกันไปเอง