ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 4 ตอนที่ 7-1

ภาค 2 เล่ม 4 ตอนที่ 7-1

“จอดรถตรงนั้นก็ได้”

อินซอบบอกจุดที่จะจอดรถให้กับคิมคังอูอย่างชัดเจน

“คนเยอะจริงๆ เลยนะครับ จอดตรงนั้นได้เลยไหมครับ หรือว่าต้องไปอีก”

เนื่องจากเป็นงานอย่างเป็นทางการครั้งแรก คิมคังอูจึงดูเหมือนจะประหม่านิดหน่อย

“ตรงหน้าเจ้าหน้าที่ที่จัดงานเลย แต่จอดรถตรงนี้ก่อน”

อินซอบบอกจุดที่จะต้องจอดรถให้อย่างใจเย็น พวกเขาต้องจอดรถและรอให้นักแสดงหญิงที่ลงจากรถคันหน้าได้เดินพรมแดง และใช้เวลาถ่ายรูปให้เสร็จเสียก่อน

“การให้เวลาคนข้างหน้าแล้วเราค่อยเข้าไปเป็นมารยาทน่ะ”

อินซอบอธิบายให้คิมคังอูฟังอย่างใจดี และเหลือบมองด้านหลัง อีอูยอนไม่พูดอะไรเลยตลอดทางที่มาที่นี่ เขาเพียงแค่มองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆ เท่านั้น

แต่ก็ไม่ได้ดูอารมณ์ไม่ดี

“ถึงแล้วครับ ต้องเตรียมตัวที่จะออกไปในไม่ช้าแล้วนะครับ”

“อย่างนั้นเหรอครับ”

อีอูยอนที่จมอยู่กับความคิดเบนสายตากลับมาทันที อินซอบปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะลงจากรถและเดินไปที่ประตูหลัง

“สักครู่นะครับ”

อินซอบสำรวจรูปทรงของเน็กไท เสื้อผ้า และทรงผมทั้งหมดอย่างละเอียด เขาไม่เห็นที่ที่จะต้องแก้ไขแล้ว แม้ปกติแล้วนี่จะเป็นงานของโคดี้ แต่เนื่องจากอีอูยอนไม่มีโคดี้แยกต่างหาก งานแบบนี้จึงเป็นหน้าที่ของผู้จัดการส่วนตัวด้วย

“เช็กเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”

“เป็นยังไงบ้างครับ”

อีอูยอนเอ่ยถาม

“วันนี้คุณนักแสดง…”

คิมคังอูเอี้ยวตัวมาและเอ่ยแทรกในบทสนทนา แต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อสบตากับอีอูยอน แต่อีอูยอนไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษหรือส่งสายตาน่ากลัวมาให้เลย เขาแค่ปราดสายตามองคิมคังอูแค่แวบเดียวเท่านั้น

แต่แค่นั้นก็สามารถส่งความน่าเกรงขามที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดให้ได้แล้ว

“ว่าไงครับคุณอินซอบ”

อีอูยอนเบนสายตากลับไปที่อินซอบอีกครั้ง

“ใช้ได้ครับ”

“แค่ใช้ได้เองเหรอครับ”

อีอูยอนรู้อยู่แล้วว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเองเป็นอย่างไร ไม่มีทางที่จะไม่รู้ได้นอกเสียจากว่าตาจะบอด และอีอูยอนเองก็ไม่ตะขิดตะขวงใจกับการใช้สอยประโยชน์จากรูปร่างหน้าตาของตัวเองด้วย แต่อินซอบแค่แปลกใจกับคำถามของอีอูยอน เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่โอ้อวดในสิ่งนั้นเลย

“เปลี่ยนเป็นเสื้อตัวอื่นดีไหมครับ”

ไม่มีเค้าลางของความล้อเล่นเลย เหมือนกับว่าหากเป็นเช่นนี้ เขาก็จะกลับรถไปเปลี่ยนเสื้อจริงๆ อินซอบรีบส่ายหน้า

“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกครับ เพราะคุณสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว…”

ตอนนั้นเองสีหน้าของอีอูยอนถึงได้ผ่อนคลายลง ราวกับว่าเขารอคอยคำตอบนั้นอยู่

“โล่งอกไปทีนะครับ เพราะผมอยากดูสมบูรณ์แบบในวันนี้”

อินซอบอยากจะพูดว่าคุณดูสมบูรณ์แบบตลอดอยู่แล้ว แต่ก็เงียบไป เพราะเขาคิดว่านี่ไม่ใช่คำพูดที่ผู้จัดการส่วนตัวทั่วไปควรจะพูด

เราต้องระวัง

อินซอบรีบตั้งสติ

“เคลื่อนรถไปตอนนี้เลยได้ไหมครับ”

คิมคังอูตั้งใจมองพรมแดง และเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“อื้อ ได้ ค่อยๆ นะ”

รถตู้ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปหน้าพรมแดง พอรถจอด เจ้าหน้าที่ที่จัดงานก็เปิดประตูให้ แค่เห็นอีอูยอนแวบเดียว เสียงกรีดร้องและเสียงชัตเตอร์จากกล้องก็ดังไปทั่วราวกับฝนที่ตกหนักเพียงชั่วครู่แล้วหยุดไป

อินซอบหดตัวเข้าไปด้านในรถโดยไม่รู้ตัว แล้วตอนนั้นเขาเองก็ได้รู้ แม้ไม่อยากจะรู้ก็ตามว่า ให้ตายตัวเขาก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถเข้าไปโผล่ในกล้องได้

แต่อีกด้านหนึ่ง

“กรี๊ดดด!”

“พี่อูยอน!”

“คุณอูยอน ช่วยมองทางนี้หน่อยครับ”

“ทางนี้ครับ ทางนี้!”

ชายหนุ่มเดินอย่างใจเย็นท่ามกลางความสนใจที่รุนแรงและเสียงโห่ร้องอย่างยินดี

อีอูยอนกลัดกระดุมเสื้อและหันหลังกลับมามอง

“ไว้เจอกันนะครับ”

แม้จะเป็นระยะห่างที่แค่ยื่นมือออกไปก็สัมผัสได้ แต่อีกฝ่ายกลับให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนที่ไม่สามารถสัมผัสได้ไปตลอดกาล อินซอบพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

***

“งั้นคราวนี้จะถ่ายละครใช่ไหมคะ”

“เอ่อ ก็ไม่รู้สิครับ ยังไม่ได้กำหนดการที่แน่นอนเลยครับ”

“ถ้าได้รับบทภาพยนตร์ดีๆ ช่วยบอกฉันหน่อยนะคะ ฉันอยากถ่ายงานเรื่องเดียวกับรุ่นพี่ค่ะ”

“ถ้ามีโอกาสจะบอกนะครับ”

อีอูยอนยืนกอดอก และยิ้มให้จางๆ

“จริงเหรอคะ สัญญานะคะ ฉันจะรอโทรศัพท์จากรุ่นพี่ค่ะ การได้ร่วมแสดงในผลงานเดียวกับรุ่นพี่เป็นความฝันของฉันตั้งแต่เดบิวต์แล้วล่ะค่ะ”

“อ๋อ ครับ”

อินซอบเข้าใจความหมายของคำว่า ‘อ๋อ ครับ’ ของอีอูยอน มันหมายความประมาณว่า ‘ช่วยไสหัวออกไปได้ไหม เพราะฉันไม่สนใจในคำที่เธอพูดพล่ามมาสักนิดเดียว’

“ฉันดูผลงานที่รุ่นพี่แสดงทั้งหมดเลยค่ะ แล้วฉันก็มีภาพยนตร์ทั้งสิบเอ็ดเรื่องของพี่ด้วย”

…สิบสามเรื่องต่างหาก

อินซอบคิดในขณะที่จัดโต๊ะเงียบๆ

“อ๋อ ครับ”

น้ำเสียงของอีอูยอนค่อยๆ ต่ำลงเรื่อยๆ นักแสดงหน้าใหม่ซึ่งเดบิวต์ในฐานะไอดอลแวะเข้ามาบอกว่าจะขอมาทักทายสักครู่ แต่ก็ไม่ยอมออกไปจากหน้าห้องพักรับรองสักที และเอาแต่พูดคำเดิมๆ มาได้ประมาณห้านาทีแล้ว

“ฉันขอเบอร์ของรุ่นพี่ได้ไหมคะ”

ใบหน้ายิ้มของอีอูยอนนิ่งไปทันที อินซอบลุกจากที่ นี่เป็นสถานการณ์ที่ผู้จัดการส่วนตัวต้องออกหน้า

ทว่า

“นี่ครับ”

นี่เป็นเรื่องที่เขาคิดไม่ถึง

“คะ?”

“ช่วยพิมพ์เบอร์โทรศัพท์ทิ้งไว้ตรงนี้ทีครับ”

อีอูยอนยื่นโทรศัพท์ให้

“ตายแล้ว! จริงเหรอคะ เยี่ยมไปเลย”

อีกฝ่ายรีบรับโทรศัพท์ที่อีอูยอนยื่นให้ไปพิมพ์เบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง และยื่นกลับมาให้ อีอูยอนกดปุ่มโทรออก พอเสียงเรียกเข้าดัง ใบหน้าของอีกฝ่ายก็ซีดเผือด

“ฉันจะเมมเบอร์โทรศัพท์ไว้ค่ะ รุ่นพี่คะ ไว้ฉันติดต่อไปได้ไหมคะ”

“เชิญตามสบายเลยครับ”

อีอูยอนฉีกยิ้มที่ดูสดใสเป็นพิเศษให้ แล้วประตูก็ถูกปิดลงหลังคำพูดที่ว่า “ไว้พบกันค่ะ”

“ล็อกประตูดีไหมครับ”

คนที่มาทักทายหรือแสดงความยินดีที่ได้รางวัลใหญ่เยอะเกินกว่าที่จะนับได้ด้วยสองมือแล้ว

“ไม่ต้องหรอกครับ ยังไงนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของงานอยู่แล้ว”

อีอูยอนนั่งเอนตัวพิงโซฟาและปลดกระดุมชุดสูท อินซอบมองประตูที่ถูกปิดไปและเอ่ยถามอีอูยอน

“เมื่อกี้มันโทรศัพท์มือถือของคังอูไม่ใช่เหรอครับ”

อีอูยอนหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ามาดู เป็นโทรศัพท์มือถือของคิมคังอูจริงๆ

“อ้าว อย่างนั้นเหรอครับ ผมไม่รู้เลย”

สีหน้านั้นบ่งบอกว่ารู้อยู่แล้วแน่ๆ

“…ผมจะไปบอกคังอูให้เองครับ”

“เชิญครับ”

น้ำเสียงนั้นดูไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็พยักพเยิดหน้าไปทางที่นั่งฝั่งตรงข้าม อินซอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับอีกฝ่าย

อีอูยอนเชิดหน้ามองอินซอบ เขามอง มอง แล้วก็มอง

“…ต้องการอะไรหรือเปล่าครับ”

“ยังไม่มีครับ ตอนนี้”

แม้จะเป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมา แต่น่าแปลกที่อินซอบรู้สึกกว่าอีกเดี๋ยวอีกฝ่ายคงจะต้องการอะไรสักอย่างเป็นแน่ คงจะคิดมากไปเองแหละมั้ง อินซอบรู้สึกว่าความคิดของตนพันกันยุ่งเหยิงเพราะสายตาของอีอูยอน

“ได้ยินว่าวันนี้เสียงตอบรับดีมากเลยนะครับ”

อินซอบพยายามหาเรื่องคุย

“เสียงตอบรับอะไรเหรอครับ”

“เสียงตอบรับตอนเดินพรมแดงน่ะครับ คุณถูกเลือกให้เป็นการแต่งกายยอดเยี่ยมด้วยครับ”

วินาทีที่อีอูยอนเหยียบพรมแดง ข่าวก็ลงแบบเรียลไทม์ทันที และก็ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม คอมเมนต์หลายสิบข้อความท่วมท้นไปด้วยน้ำตา ก่อนหน้านี้อินซอบไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘ㅜㅜㅜㅜㅜㅜ’ หรือ ‘ㅠㅠㅠㅠㅠㅠ’ และนึกว่าเป็นการเยาะเย้ยถากถาง เขาจึงตั้งใจทิ้งคอมเมนต์ปกป้องอีอูยอนไว้ใต้ข้อความนั้น แต่ตอนนี้เขาเข้าใจถึงเครื่องหมายร้องไห้นับสิบนั้นแล้ว

“จะดูไหมครับ”

อินซอบหันหน้าจอโทรศัพท์ไปทางอีอูยอนพลางเอ่ยถาม

“ทำไมผมต้องดูด้วยล่ะครับ”

อีอูยอนหยิบน้ำแร่ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาก่อนจะหัวเราะเบาๆ เป็นท่าทีที่ไม่ต่างจากปกติ

“ขอโทษครับ เพราะเมื่อสักครู่นี้คุณพูดอย่างนั้น ผมก็เลย…”

อีอูยอนบอกว่าอยากจะดูสมบูรณ์แบบในวันนี้ เขาจึงคิดว่าเพราะแบบนั้น อีกฝ่ายถึงได้ใส่ใจมากกว่าทุกครั้ง

“ผมอยากดูสมบูรณ์แบบน่ะครับ”

อีอูยอนพูดคำที่ตัวเองพูดไปแล้วอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เงยหน้าและเริ่มจ้องมองอินซอบ ความเงียบที่น่าอึดอัดใจดำเนินต่อไปอีกครั้ง อินซอบก้มลงมองด้านล่าง และขวดน้ำที่อีอูยอนถืออยู่ในมือก็เข้ามาในสายตา อีกฝ่ายกำลังเคาะขวดน้ำกับโต๊ะเบาๆ และน้ำที่อยู่ในขวดก็กระเพื่อม ความหิวกระหายน้ำที่เขาไม่รู้จักก็ไต่ขึ้นมาตามลำคอของอินซอบ

“วันนี้…”

วินาทีที่อีอูยอนเอ่ยปากพูด ประตูห้องพักรับรองก็ถูกเปิดออกกว้าง อินซอบดีดตัวลุกขึ้นจากที่และตะโกน

“ห้ามเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญะ…กรรมการผู้จัดการ?”

“ใช่ครับ ห้ามเข้ามาในห้องพักรับรองโดยไม่ได้รับอนุญาตนะครับกรรมการผู้จัดการ”

กรรมการผู้จัดการคิมกระหืดกระหอบก่อนจะปิดประตูห้องพักรับรอง จากนั้นก็มองอีอูยอนที่นั่งอยู่ที่โซฟาและถลึงตา

“นายเอาโทรศัพท์ของคังอูไป! ทำไมถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์!”

“โทรศัพท์มาเหรอครับ ผมไม่รู้เลย”

ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเหมือนกับตอนที่มองโทรศัพท์มือถือของคิมคังอูและปิดเครื่องไปเมื่อกี้ แม้อีอูยอนจะมีความสามารถในการโกหก แต่ก็มีตอนที่เขาไม่พยายามที่จะซ่อนการโกหกของตัวเองด้วยเหมือนกัน แต่ในเวลาแบบนั้นอีอูยอนก็ไม่ได้ดูน่ารังเกียจ

“แกกล้าตอแหลใส่ฉันได้ยังไง!”

กรรมการผู้จัดการคิมขึ้นเสียง

“ตอแหลอะไรกัน กรรมการผู้จัดการของบริษัทใช้คำหยาบคายแบบนั้นได้ยังไงครับ”

พอถูกผู้ชายที่ไม่เป็นรองใครในเกาหลีในเรื่องของการเลือกใช้คำศัพท์ที่หยาบคายชี้แนะ กรรมการผู้จัดการคิมก็ถามซ้ำด้วยสีหน้าเหมือนถูกบังคับให้กลืนอึวัว

“แล้วนายรู้ความหมายของคำหยาบนั้นไหมล่ะ”

“ไม่ค่อยรู้หรอกครับ ก็ผมเป็นคนต่างชาตินี่ครับ”

อีอูยอนยักไหล่

“นายต้องล้อเล่นแน่ๆ ที่มาพูดว่าเป็นคนต่างชาติ…ช่างเถอะ นายต้อง…”

“คุณอินซอบครับ”

อีอูยอนขัดคำพูดของกรรมการผู้จัดการคิมไว้ทันที

“ครับ?”

“ผมคอแห้งน่ะครับ ช่วยไปกดเครื่องดื่มมาให้หน่อยได้ไหมครับ”

“เครื่องดื่มเหรอครับ”

อินซอบไม่สามารถเข้าใจได้ในทันที เพราะเขาเตรียมน้ำกับเครื่องดื่มไว้บนโต๊ะแล้ว

“ผมอยากดื่มกาแฟกระป๋องน่ะครับ”

“กาแฟกระป๋องเหรอครับ”

อีอูยอนไม่ดื่มกาแฟกระป๋อง กาแฟกระป๋องที่อีกฝ่ายดื่มมาทั้งชีวิตก็มีแค่ที่ดื่มระหว่างถ่ายโฆษณาเท่านั้น และอีกฝ่ายยังบอกอีกว่าทั้งหมดนั่นคือขยะ

“ครับ กาแฟกระป๋องครับ”

“เข้าใจแล้วครับ”

อินซอบตรวจดูเงินที่เหลืออยู่ในกระเป๋า แต่ก็ไม่ไม่มีเลย

“นี่”

กรรมการผู้จัดการคิมหยิบแบงก์พันวอนสองสามใบออกมาจากกระเป๋าสตางค์และยื่นให้

“ขอบคุณครับ จะให้ผมกดกาแฟกระป๋องมาให้กรรมการผู้จัดการด้วยไหมครับ”

“…”

กรรมการผู้จัดการคิมส่งสายตาน่าสงสารให้อินซอบ

“ถ้าไม่อยากได้ ผมจะกดอย่างอื่นมาให้ครับ”

“ไม่ต้อง ไม่เป็นไร”

อินซอบรับเงินไปใส่ในกระเป๋า เขาหันมามองอีอูยอนก่อนจะเอ่ยถาม

“มียี่ห้อที่ชอบเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”

เขาจำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลใหม่ เพราะไม่รู้เกี่ยวกับกาแฟกระป๋องที่อีอูยอนชอบมาก่อน

อีอูยอนที่ได้คำถามจากอินซอบทำสีหน้าซับซ้อนเกินบรรยาย

“ขอโทษครับ ถ้าคุณบอกไว้คราวนี้ คราวหน้าผมจะจำไว้ทันทีเลยครับ”

อีอูยอนพึมพำคนเดียวพร้อมกับเสียงถอนหายใจ

“ถ้าทำแบบนั้น ต่อให้เป็นผมก็รู้สึกละอายใจนะ…”

กรรมการผู้จัดการคิมที่ได้ยินคำพูดนั้นจากด้านข้างพึมพำว่า “พูดว่าละลายใจด้วยแฮะ” แล้วก็เห็นว่าอินซอบมองเขาสองคนสลับไปมาด้วยสายตาเป็นกังวล เขาจึงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา

“อะ นี่”

คราวนี้เขาหยิบแบงก์หมื่นวอนออกมา

“จะให้ซื้อของอย่างอื่นให้เหรอครับ”

“เปล่า ค่าขนมนาย…ไม่สิ”

กรรมการผู้จัดการคิมหยิบแบงก์ห้าหมื่นวอนออกมาอีกสามสี่ใบและยัดใส่มืออินซอบ

“เอาไปซื้อของอร่อยๆ กินซะ”

“ไม่ครับ ไม่เป็นไร กรรมการผู้จัดการ ผมมีเงินครับ”

“ฉันให้เพราะเป็นห่วงเฉยๆ ถ้าผู้ใหญ่ให้ นายต้องรับสิ ห้ามปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ”

“แต่…”

พอเห็นอินซอบยืนลังเลพร้อมกำแบงก์ห้าหมื่นวอนไว้ในมือ อีอูยอนก็บอกว่า “รับไปเถอะครับ เป็นมารยาท” และยิ้มจางๆ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะโน้มน้าวใจอินซอบที่อ่อนไหวกับคำว่ามารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติเป็นพิเศษ

อินซอบพับเงินที่ได้รับจากกรรมการผู้จัดการคิมใส่กระเป๋า

“ถ้าลงไปที่ชั้นใต้ดินชั้นหนึ่งจะมีเครื่องขายของอัตโนมัติอยู่ครับ”

“ครับ เข้าใจแล้วครับ”

อินซอบค้อมศีรษะขอตัวลาและออกจากห้องพักรับรองไป ในระหว่างที่ลงบันได อินซอบก็เอียงหัวให้กับความผิดปกติที่โผล่เข้ามาในหัว

กรรมการผู้จัดการคิมมาถึงที่นี่ทำไม ก็เห็นบอกว่าวันนี้จะไปธุระสำคัญที่ต่างจังหวัดนี่นา…

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท