ทุกสิ่งพร้อมสรรพ ขาดก็เพียงลมบูรพา[1]!
วันต่อมาหลินเยวียนก็ได้พบกับโปรดิวเซอร์ที่เหล่าโจวจัดหามาให้
เดิมทีเหล่าโจวอยากช่วยหลินเยวียนหาผู้กำกับด้วย แต่หลินเยวียนกลับปฏิเสธทันควัน
เขาอยากเป็นคนเลือกผู้กำกับและนักแสดงด้วยตนเอง
เหล่าโจวใคร่ครวญสักพัก ก่อนจะตอบตกลง
ไม่ใช่ว่าสถานะความเป็นนักเขียนบทของหลินเยวียนสูงส่งล้นฟ้าอะไรหรอก
อันที่จริงทุกคนมองเรื่องถ่ายภาพยนตร์ของหลินเยวียนเป็นการเล่นเกมเป็นเพื่อนพ่อเพลงตัวน้อยคนนี้
ในเมื่อเป็นเพียงการเล่นเกม ไหนเลยจะต้องจริงจังด้วยเล่า?
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าทุกคนจะไม่เอาจริงเอาจัง
อย่างน้อยโปรดิวเซอร์ที่เหล่าโจวจัดหามาให้หลินเยวียนก็จริงจังมากทีเดียว
โปรดิวเซอร์มีชื่อว่าเสิ่นชิง
เดิมทีสตาร์ไลท์ก็มีแผนกภาพยนตร์อยู่แล้ว เสิ่นชิงเป็นบุคลากรระดับกลางตัวเล็กๆ ในแผนกภาพยนตร์ของสตาร์ไลท์
เพียงแต่ระยะนี้สตาร์ไลท์ดึงคนสายภาพยนตร์มาเต็มไปหมด รวมไปถึงโปรดิวเซอร์ฝีมือดีอีกหลายคน
ฉะนั้นความสำคัญของเสิ่นชิงในแผนกภาพยนตร์จึงถูกกลุ่มคนที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ดึงไปทันที
แต่เสิ่นชิงก็ทำอะไรไม่ได้
เพราะกลุ่มคนเหล่านั้นมีคุณบัติและความสามารถเหนือกว่าเขาจริงๆ
เมื่อเทียบกันแล้ว ความสำคัญของเสิ่นชิงนั้นไม่มากพอให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ
หลังจากบริษัทเตรียมการเรื่องอัสนีบาต ทีมโปรดิวเซอร์ส่วนมากก็ถูกคนกลุ่มนั้นครอบครอง เสิ่นชิงพยายามอยู่นานก็ไม่สามารถเบียดเข้าไปยืนอยู่ในนั้นได้
บังเอิญหลินเยวียนจะถ่ายทำภาพยนตร์พอดี เหล่าโจวจึงส่งเสิ่นชิงซึ่งตกรอบจากการคัดเลือกให้เข้าร่วมงานกับเรื่องอัสนีบาตมา
แม้ว่าทุกคนต่างคิดไปในทางเดียวกันแล้วว่าหลินเยวียนกำลังเล่นสนุก แต่เสิ่นชิงนั้นได้นั่งตำแหน่งโปรดิวเซอร์เป็นครั้งแรก เขามองว่าครั้งนี้เป็นโอกาสอันล้ำค่าในการฝึกปรือฝีมือ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด
ถึงยังไงเขาก็เข้าร่วมทีมงานเรื่องอัสนีบาตไม่ได้อยู่ดี
ได้โอกาสนั่งแท่นโปรดิวเซอร์มาฟรีๆ แบบนี้ จะไม่ให้ดีใจได้เหรอ
ฉะนั้นแล้วในเย็นวันที่เสิ่นชิงได้รับบทภาพยนตร์ของหลินเยวียนมา จึงเริ่มสร้างตารางชุดหนึ่งอย่างตั้งอกตั้งใจ พร้อมทั้งนำไปให้หลินเยวียนในวันต่อมา
ปรากฏว่าครั้งแรกที่เสิ่นชิงเห็นหลินเยวียน ก็พลันตะลึงงันไป เพราะหลินเยวียนกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน ในมือยกหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน
หนังสือมีชื่อว่า ‘ทฤษฏีเบื้องต้นว่าด้วยการถ่ายทำภาพยนตร์’
ชั่วขณะนั้น เสิ่นชิงพลันสัมผัสได้ว่าแรงกดทับบนบ่าของเขาหนักอึ้งขึ้นมาจนเกินแบกรับ ตัวแทนหลินคนนี้ลึกล้ำเกินคาดเดาจริงๆ
“สวัสดีครับ ผมชื่อหลินเยวียน”
หลินเยวียนออกตัวพูดก่อน เขาเริ่มศึกษาความรู้พื้นฐานด้านการถ่ายภาพยนตร์บ้างแล้ว
ในหนังสือเอ่ยถึงความสำคัญของโปรดิวเซอร์ในกองถ่ายไว้ด้วย
โปรดิวเซอร์รับผิดชอบกระบวนการสร้างและลงทุนของภาพยนตร์
การเลือกสถานที่ถ่ายทำ การคัดเลือกคนและติดต่อประสานงานต่างๆ ล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของทีมโปรดิวเซอร์ซึ่งนำโดยเสิ่นชิง…
เสิ่นชิงก็คือหัวหน้าพ่อบ้านซึ่งคอยจัดการดูแลกองถ่ายให้หลินเยวียนในแต่ละวันนั่นเอง!
“สวัสดีครับตัวแทนหลิน ผมชื่อเสิ่นชิง”
ใช่ว่าเสิ่นชิงจะไม่เห็นหลินเยวียนอยู่ในสายตา ไม่เพียงเพราะเขาได้รับทราบสิ่งที่เหล่าโจวแจ้งมา แต่ที่หนักไปกว่านั้นก็เพราะเขาอ่านบทภาพยนตร์ของหลินเยวียนแล้วน่ะสิ
เขาไม่เชื่อว่าหลินเยวียนจะเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์เลย!
คนที่ไม่มีความรู้เรื่องภาพยนตร์ไม่มีทางเขียนบทแบบนี้ได้หรอก
นี่เป็นความรู้สึกหลังจากที่เสิ่นชิงได้อ่านเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ
เนื้อหาของบทเป็นอย่างไรยังไม่ต้องพูดถึง หากพูดในแง่ของมาตรฐานและความสมบูรณ์ บทของหลินเยวียนนี้ไม่มีปัญหาใดๆ เลย
และหากถามว่ามีปัญหาตรงไหนละก็ คงจะเป็นที่หลินเยวียนเขียนบทเอาไว้ละเอียดเกินไป แม้แต่สตอรีบอร์ดก็ยังทำไว้ล่วงหน้าเสียเสร็จสรรพ
มิหนำซ้ำเมื่อดูจากสตอรีบอร์ดของหลินเยวียนแล้ว ไม่เพียงมีความเป็นมืออาชีพอย่างเหลือเชื่อ แม้แต่ฝีมือการวาดภาพก็พลอยให้เสิ่นชิงทึ่งไปเช่นกัน
เขานึกไม่ถึงเลยว่านักประพันธ์เพลงคนหนึ่งจะวาดสตอรีบอร์ดได้สวยงามขนาดนี้!
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เสิ่นชิงคิดว่าหลินเยวียนลึกลับซับซ้อน
ถ้าจะบอกว่าตัวแทนหลินคนนี้มีความรู้เรื่องการผลิตงานภาพยนตร์ แล้วทำไมเขายังต้องอ่านตำราระดับพื้นฐานด้วยล่ะ
แต่ถ้าบอกว่าตัวแทนหลินไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วบทภาพยนตร์เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศซึ่งเข้าขั้นมืออาชีพนี้จะได้แต่ใดมาล่ะ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวแทนหลินที่เป็นนักเขียนบทแต่ยังวาดรูปได้อีก นี่เป็นทักษะขั้นพื้นฐานของผู้กำกับหลายๆ คนก็ว่าได้
……
ที่จริงแล้วหลินเยวียนเองก็รู้สึกประหลาดใจกับความสมบูรณ์ของบทภาพยนตร์ที่ระบบให้มา ตั้งแต่เนื้อหา สตอรีบอร์ด ไปจนถึงรายละเอียดอื่นๆ ซึ่งไม่มีตกหล่น
หลินเยวียนเพียงแต่เขียนและวาดบทและสตอรีบอร์ดซึ่งระบบฝังไว้ในสมองของตนออกมาก็เท่านั้น
แน่นอนว่าเขียนออกมานั้นง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก มือของหลินเยวียนนั้นรวดเร็ว ประเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ
วาดภาพก็ไม่นับว่ายาก เพราะหลินเยวียนมีฝีมือการวาดภาพระดับมืออาชีพอยู่เป็นทุนเดิม
ถ้าจะให้เทียบเรื่องการวาดภาพแล้ว ฝีมือการวาดภาพของเขาน่าจะพอสู้ผู้กำกับได้กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
หลังจากที่เขาทักทายกับเสิ่นชิงแล้ว จึงเริ่มพูดคุยอย่างจริงจัง
ทว่าเงื่อนไขแรกที่เสิ่นชิงเสนอขึ้นมา ก็ถูกหลินเยวียนปฏิเสธทันที นั่นก็เพราะสิ่งที่เสิ่นชิงถาม ก็คือพล็อตเรื่องสามารถปรับเปลี่ยนได้หรือไม่
“พล็อตเรื่องตอนนี้ เรื่องความต่อเนื่องโดยภาพรวมไม่มีปัญหาเลยครับ แต่มีบางจุดออกจะ…”
“ไร้แก่นสาร?”
“ใช่ครับ ผมหมายถึงแบบนี้แหละ”
อันที่จริงสิ่งที่แรกว่าไร้แก่นสาร คำอธิบายในภาษาฉี แปลได้ว่าคนคนหนึ่งทำหรือพูดอะไร แล้วทำให้ผู้อื่นเกิดความไม่เข้าใจ ไร้ซึ่งใจความสำคัญ คำพูดและการกระทำปราศจากจุดมุ่งหมาย หยาบโลนไม่ใส่ใจ ยุ่งเหยิงสับสน แต่ดันมีตรรกะในตัวเองที่พอจะอธิบายได้แบบถูๆ ไถๆ
“นี่เป็นสไตล์ของหนังเรื่องนี้ครับ”
หลินเยวียนให้ความสำคัญกับหัวหน้าพ่อบ้านคนนี้ ดังนั้นเขาจึงอธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทน “หนังทั้งเรื่องถูกสร้างขึ้นภายใต้โลกทัศน์ที่ไร้แก่นสารแบบนี้ครับ ผู้ชมที่อายุค่อนข้างมากอาจรับแนวนี้ไม่ค่อยได้ แต่คนอายุน้อยบางส่วนจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอนครับ…”
เสิ่นชิงซึ่งปีนี้อายุสามสิบแปดเงียบไปหลายวินาที
เขายอมแพ้ที่จะโน้มน้าวหลินเยวียนให้แก้บทอย่างรวดเร็ว “งั้นเรื่องผู้กำกับ”
“มีรายชื่อมั้ยครับ”
“จะว่ามีก็มีนะครับ แต่ไม่ใช่ผู้กำกับชื่อดังอะไร ผู้กำกับที่พอจะคร่ำหวอดในวงการหน่อยก็ไปหาประสบการณ์ที่กองเรื่องอัสนีบาตกันหมด”
“งั้นส่งให้ผมก่อนก็ได้ครับ”
ใครเป็นผู้กำกับนั้น สำหรับกองถ่ายอื่นๆ แล้วอาจเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด แต่กับหลินเยวียน ผู้กำกับเพียงแค่ถ่ายทำไปในแนวทางที่เขากำหนดไว้ในบทก็พอแล้ว
นี่เป็นเกณฑ์เพียงข้อเดียวที่หลินเยวียนใช้ในการเลือกทีมงานของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ แค่มีความอึดอดทนพอที่จะทำงานไปตลอดรอดฝั่งก็ใช้ได้แล้ว
“ครับ”
เห็นได้ชัดว่ากองนี้เป็นดินแดนที่นักเขียนบทอย่างตัวแทนหลินมีสิทธิ์ขาด เสิ่นชิงไม่สามารถขัดแย้งกับอีกฝ่ายได้
“อ้อ ยังมีเรื่องรายชื่อนักแสดงที่จะแคสต์อีก…”
“ผมมีแค่รายชื่อของนักแสดงในบริษัท ตอนนี้ส่งให้คุณแล้ว ถ้าตัวแทนหลินสนใจนักแสดงจากข้างนอก ก็ลองเชิญมาได้ครับ แต่ดูจากงบประมาณของเราที่มีจำกัดแล้ว นักแสดงชื่อดังพวกเราเชิญมาไม่ได้แน่”
“โอ้ ครับ”
หลินเยวียนไม่ได้คิดจะหานักแสดงตัวท็อปมาอยู่แล้ว
นักแสดงตัวท็อปหรือผู้กำกับมือทอง ก็เป็นภาระที่ไม่คุ้มทุนเหมือนกับนักร้องแถวหน้านั่นแหละ
“งั้นตามนี้ก่อนก็ได้ครับ”
เสิ่นชิงหยัดกายลุกขึ้นด้วยความรู้สึกซับซ้อน “ผมจะส่งรายชื่อผู้กำกับที่เหลืออยู่กับนักแสดงให้คุณแล้วครับ”
“โอเคครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
หลังจากเสิ่นชิงออกไป หลินเยวียนก็เปิดคอมพิวเตอร์ กดเข้าอีเมลของตน ก่อนอื่นเขาต้องกำหนดผู้กำกับก่อน ต้องหาใครสักคนที่มีความอึดอดทนมากพอสักคนมาเป็น…
ผู้ช่วยงาน
……………………………………………….
[1]ทุกสิ่งพร้อมสรรพ ขาดก็เพียงลมบูรพา มาจากเรื่องสามก๊ก เมื่อโจวอวี๋(จิวยี่)วางแผนใช้การจุดเพลิงโจมตีเฉาเชา(โจโฉ) เปรียบเปรยว่าทุกอย่างถูกตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ปัจจัยสำคัญอย่างเดียวเท่านั้น