รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 229 ถูกโจมตีเข้าไป ชั่วชีวิตนี้ไร้ค่าแล้ว!

บทที่ 229 ถูกโจมตีเข้าไป ชั่วชีวิตนี้ไร้ค่าแล้ว!

บทที่ 229 ถูกโจมตีเข้าไป ชั่วชีวิตนี้ไร้ค่าแล้ว!

“หากไม่มีอะไรแล้วก็เชิญกลับเถอะ ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการอีก”

ผู้นำตระกูลแย้มยิ้มบาง ๆ ส่งผู้มาเยือนกลับในทันใด

ก่อนหน้าหากหยวนเซิ่งอยากจะดู เขาคงให้ดูแต่โดยดี เพราะการขอดูบันทึกในคัมภีร์โบราณนั้นหาใช่เรื่องใหญ่ไม่

ทว่าตอนนี้หากหยวนเซิ่งอยากจะดู ก็ไม่มีทางเสียหรอก!

เขาจดจำความแค้นได้เป็นอย่างดี

ตอนที่จะเข้าไปในแดนลับเพื่อแย่งชิงสมบัติ ก่อนหน้าคนในตระกูลของเขาต่างใช้เวลาทั้งเช้าค่ำฝึกกายเนื้อไม่ได้พัก เพราะในแดนลับนั้นใช้ได้เพียงความแข็งแกร่งของกายเนื้อเท่านั้น

แต่ดูหลังจากนั้นสิ?

เป็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจัดการยอดฝีมือทุกคนอยู่หมัด พวกเขาไม่ได้อะไรกลับมาเลย และเป็นลัทธิไท่เสวียนที่ได้รับประโยชน์ทั้งสิ้น!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนั่น ลัทธิไท่เสวียนเป็นผู้พามา พวกเขาย่อมจดจำแค้นนี้ไว้

ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าหยวนเซิ่งจะมาขอดูบันทึกในคัมภีร์โบราณไปเพื่ออะไรก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะไม่มีวันปล่อยให้หยวนเซิ่งได้ทำในสิ่งที่ตนปรารถนาแน่นอน!

หยวนเซิ่งไร้คำจะเอื้อนเอ่ย อีกฝ่ายไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย

เขารู้ดีว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

หลังจากเหตุการณ์แย่งชิงสมบัติในแดนลับ กองกำลังเร้นกายอื่นต่างพากันไม่พอใจลัทธิไท่เสวียนของพวกเขาเป็นอย่างมาก

เหนื่อยชะมัด…

ทำลายให้พินาศไปเลยแล้วกัน!

หยวนเซิ่งรู้ดีหากพูดไปอีกก็ยังคงไร้ประโยชน์ดังเดิม จึงได้แต่หลีกออกมา

“พวกเจ้า…คุยกันเองเถอะ”

เขากล่าวกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างจนปัญญา

“หมายความว่าอย่างไร?”

ผู้นำตระกูลขมวดคิ้ว เขากับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีอะไรต้องคุยกันด้วยหรือ?

“ไม่มีเหตุผลอะไร ไม่ใช่เขาอยากดู แต่เป็นข้าอยากดู” ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว

หลังจากได้ยินประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว ผู้นำตระกูลก็มีสีหน้าแปลกประหลาด

แม้แต่หยวนเซิ่งก็ยังทำไม่ได้ แล้วเจ้าคิดว่าตนเองมีดีกว่าหยวนเซิ่งงั้นหรือ?

น่าขันเกินไปแล้ว!

“รีบกลับไปได้แล้ว ไม่มีธุระก็อย่ามายุ่งวุ่นวายที่นี่ กล่าวตามตรงผู้อื่นดูได้แต่พวกเจ้าดูไม่ได้”

ผู้นำตระกูลกล่าวอย่างรำคาญ

อะไรอีก? ไม่เข้าใจคำพูดของเขาก่อนหน้านี้หรืออย่างไรกัน?

ยังต้องให้เขาพูดอธิบายอีกหรือ?

ให้หน้ายังไม่เอาอีก…

“สือเฟิง เอาเลย”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมองสือเฟิงพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เข้าใจแล้ว”

สือเฟิงแย้มยิ้มรับ เขาเข้าใจในความหมายของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

เจ้าหน้าแมวตัวนี้จะไปทำอะไรได้!!!

สีหน้าผู้นำตระกูลเปลี่ยนเป็นอึมครึม พวกเขากำลังเล่นตลกกันอยู่?

ก่อนหน้านี้เป็นหยวนเซิ่ง ต่อมาเป็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนซึ่งเทียบกับหยวนเซิ่งไม่ได้ แล้วตอนนี้ยังมาเป็นเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้อีก!

กล่าวถึงฐานะของพวกเขาทั้งสาม มีเพียงหยวนเซิ่งเท่านั้นที่พอจะมีคุณสมบัติคุยกับเขาได้ แม้แต่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็ไม่มีคุณสมบัติเช่นนั้น นับประสาอะไรกับเด็กหนุ่มผู้นี้!

พลังปราณในตัวเขาพวยพุ่งออกมา เพราะรู้สึกได้รับการหยามเหยียดเป็นอย่างยิ่ง!

“ไปให้พ้น!”

เขาออกฝ่ามือ แสดงพลังบารมีของพยัคฆ์ให้เจ้าแมวเด็กนี่ชมเป็นขวัญตา!

ที่สำคัญที่แห่งนี้ยังเป็นอาณาเขตของเขา!

มาทำให้คนโกรธอยู่ได้ น่าโมโหเกินไปแล้ว!

ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น ร่างทั้งร่างส่งพลังมหาศาลไปไว้ที่ฝ่ามือ คล้ายกับอยากตบสือเฟิงให้ตายตกภายในครั้งเดียว!

เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าสือเฟิงจะเร็วกว่าเขา เพราะอีกฝ่ายมาถึงตรงหน้าเขาแล้ว!

เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้…เห็นได้ชัดไม่ต้องการคุยกับเขา ซ้ำยังวางแผนต่อสู้กับเขาไว้อยู่แล้วด้วย!

ผู้นำตระกูลนึกอยากจะสั่งสอนเจ้าเด็กหนุ่มอย่างสือเฟิง เขาไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน ถึงได้เหิมเกริมลงมือโจมตีใส่เขา!

ทว่าเพียงชั่วอึดใจต่อมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน!

บังเกิดเสียงดังลั่น สือเฟิงใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่หน้าอกของผู้นำตระกูล แล้วร่างของอีกฝ่ายก็ปลิวออกไปในทันใด

ผู้นำตระกูลส่งเสียงครวญครางอู้อี้ โลหิตภายในกายเดือดพล่าน กระดูกซี่โครงของเขาคล้ายกับถูกบดขยี้!

“ขอบเขตพรตเต๋า!”

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ กระทั่งลืมสนใจความเจ็บปวดในร่างกายตนเองด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่ตกตะลึงกับขอบเขตของสือเฟิงอยู่!

ในชั่วพริบตาที่สือเฟิงออกฝ่ามือ เขาก็สัมผัสได้ถึงขอบเขตของสือเฟิงแล้ว อีกฝ่ายอยู่ในขอบเขตพรตเต๋า!

นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน!?

สือเฟิงนั้นดูไปแล้วอายุไม่น่าจะถึงยี่สิบปี ไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งแวดล้อมยุคนี้ย่ำแย่เพียงใด แม้แต่ในสมัยโบราณ การจะมีคนหนุ่มสาวอายุเท่านี้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าได้ มันก็เป็นไปไม่ได้!

สือเฟิงได้ทำลายความรู้ความเข้าใจของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว!

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

พลังหยินหยางหมุนโคจรไม่หยุด สือเฟิงไม่ได้หยุดมือ ทั่วทั้งร่างกายของเขาส่องประกายเจิดจ้าออกมาราวกับเทพสงคราม ดุร้ายไร้เทียมทาน!

เขารับคำจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน อีกฝ่ายให้เขาเป็นคนลงมือ ไม่ได้ให้เขาไปเจรจา!

กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องเป็นหนึ่งในสิบอันดับกายาทรงพลังที่สุดของสมัยโบราณ!

ซ้ำแล้วเขายังฝึกฝนวิชาหยินและหยางที่ท่านเซียนประทานมาให้ด้วย!

ด้วยสองสิ่งนี้ เขาจึงมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง!

อีกด้านหนึ่ง ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมองการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยความสนใจ

เขาให้สือเฟิงออกฝีมือ เพื่อจะดูว่ากายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องแข็งแกร่งเพียงใด!

บุตรที่สวรรค์รักมีกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง พลังต่อสู้ของเขาสามารถบดขยี้คู่ต่อกรในระดับเดียวกัน รวมถึงเอาชนะคู่ต่อกรต่างขอบเขตได้อีกด้วย!

สือเฟิงครอบครองกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องที่เป็นหนึ่งในสิบกายาอันทรงพลังที่สุดในสมัยโบราณ การต่อสู้ต่างขอบเขตย่อมไม่ใช่ปัญหา

เพียงแต่เขาต้องการเห็นว่าสือเฟิงจะสามารถต่อสู้ได้ถึงแค่ไหน

ผู้นำตระกูลอยู่ขอบเขตเดียวกับหยวนเซิ่ง ซึ่งก็คือขั้นที่ห้าของขอบเขตพรตเต๋า ส่วนสือเฟิงนั้นอยู่ขั้นที่หนึ่งของขอบเขตพรตเต๋า เขาอยากเห็นว่าสือเฟิงจะสามารถเอาชนะผู้นำตระกูลที่มีขั้นห่างกันหลายขั้นได้หรือไม่…

“ขายหน้าเจ้าแล้ว!”

ยามนี้ผู้นำตระกูลโมโหโกรธาเป็นที่สุด เขางัดวิชาบรรพบุรุษออกมา ก่อนจะพุ่งออกไปด้วยเจตนาสังหาร!

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะประมาทคาดไม่ถึงว่า ขอบเขตของสือเฟิงจะสูงถึงเพียงนี้ สุดท้ายเขาจึงถูกสือเฟิงตบ!

ผู้ใดจะไปคิดว่าสือเฟิงยังกล้าโจมตีเขาต่ออีก เด็กหนุ่มผู้นี้คิดจริง ๆ หรือว่าสามารถเอาชนะเขาได้?

หากเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับสือเฟิงที่นี่ ชั่วชีวิตที่ฝึกตนมานี้ถือได้ว่าไร้ประโยชน์แล้ว!

“เป็นการฝึกตนที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ!”

หลังจากประมือกับสือเฟิงอีกครั้ง เขาก็ต้องตกตะลึงในบัดดล!

ปราณของเด็กหนุ่มนั้นรุนแรงซ้ำยังทรงพลังมาก ถึงแม้เขาจะต่อสู้ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีแล้ว ก็ยังไม่อาจเอาชนะได้ และถูกสือเฟิงสะกดข่มไว้แทบสิ้น!

ที่สำคัญ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อก็คือเต๋าแห่งหยินหยางรวมกันเป็นหนึ่งของสือเฟิง สิ่งนี้เรียกได้ว่าไม่ใช่วิชาสามัญเลยสักนิด!

พลังของหยินและหยางทั้งสองหมุนวน สือเฟิงใช้วิชาหยินและหยางโจมตีออกไป เคล็ดวิชานี้ลึกล้ำสุดจะพรรณาออกมาได้!

กระทั่งลึกล้ำจนน่าสะพรึงกลัว สะกดให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้านเป็นอย่างยิ่ง!

ช่างเป็นพรสวรรค์ที่ท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก เด็กหนุ่มอายุน้อยผู้นี้กลับมีหลักเต๋าลึกล้ำถึงเพียงนี้เชียว?

นอกจากนี้ เต๋าแห่งหยินหยางก็เป็นหนึ่งในเต๋าสามพันวิถี ย่อมต้องไม่ใช่วิถีกระจอกเป็นแน่!

“บ้าไปแล้ว!”

หยวนเซิ่งเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ตอนอยู่ในลัทธิไท่เสวียน โชคดีนักที่เขาไม่ได้คิดฉีกหน้าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิง และสู้จนสุดกำลัง

หากเป็นเช่นนั้น สือเฟิงเพียงคนเดียวก็สามารถกวาดล้างพวกเขาได้แล้ว!

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสือเฟิงไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด แต่ยังกักเก็บกำลังเอาไว้บางส่วน สือเฟิงเป็นเช่นนี้เกรงว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อกรเสียแล้ว!

ใบหน้าของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเองก็แสดงความตกตะลึงออกมาเช่นกัน

ถึงแม้เขาจะคาดหวังความแข็งแกร่งของสือเฟิงไว้สูง แต่เขายังประเมินต่ำไปอยู่ดี…

เพราะความแข็งแกร่งของสือเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก!

‘ทั้งหมดเป็นเพราะท่านเซียน!’

เขากล่าวในใจ แม้จะรู้ว่าความสามารถของสือเฟิงนั้นทำให้ผู้คนตกตะลึง แต่ทว่าทั้งหมดล้วนแต่เป็นเพราะท่านเซียน!

สือเฟิงเสียแรงตามหาเมล็ดพันธุ์ผักอย่างหนัก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความเมตตาของท่านเซียนที่มีต่อสือเฟิง ช่างมากมายมหาศาล!

ไม่ว่าอย่างไร สือเฟิงจะต้องหาวิธีตอบแทนคุณท่านเซียนให้ได้!

‘รวมถึงข้าด้วย!’

เขานึกถึงตัวเองอีกครั้ง

ความเมตตาของท่านเซียนต่อเขานั้นยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ร่างทองอมตะผนวกกับจุดลับทั้งห้าของร่างกาย นี่เป็นบุญคุณที่สูงล้ำ ต่อให้ใช้เวลาทั้งชั่วชีวิตก็ชดใช้ไม่หมด!

‘ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาต้องเมล็ดพันธุ์ผักที่ดีที่สุดไปมอบท่านเซียนให้ได้!’

เขากล่าวในใจอย่างหนักแน่น

ไม่ว่าราคาจะเท่าใด เขาก็ต้องหาเมล็ดพันธุ์ผักที่ดีที่สุดให้ได้!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท