“ไม่ว่าการเจรจาทางธุรกิจนั้นจะสำเร็จหรือไม่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่านพ่อของเจ้า แต่ขึ้นอยู่กับข้า เฮ่อเหลียนเวยเวยคนนี้ต่างหาก! ข้ากำลังพิจารณาว่าจะรับข้อเสนอนั้น แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดแล้ว ข้าจะไม่ทำข้อตกลงด้วย”
เมื่ออดีตฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้น เขาก็ไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้ สาเหตุที่เขาส่งคนมาเจรจาเรื่องข้อตกลงนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากเวยเจ๋อนั้นสามารถจัดหาอาวุธจำนวนมากให้กับราชวงศ์ได้
อดีตฮ่องเต้ลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ และจ้องไปทางมุมห้องของชั้นสองด้วยสายตาที่ทรงอำนาจ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน “ข้าไม่คิดเลยว่าเสนาบดีหลี่จะมีลูกชายที่มากด้วยอำนาจขนาดนี้”
เพียงแค่ประโยคนี้เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้หน้าผากของเสนาบดีหลี่เต็มไปด้วยเหงื่อ แม้ว่าเขาจะต้องการยกมือขึ้นมาเช็ด แต่เขาก็ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
อดีตฮ่องเต้กล่าวต่อ “มีอำนาจจนไม่สนใจกฎระเบียบ และยังใช้อำนาจของข้าไปข่มขู่เรื่องการจัดหาอาวุธอีกเช่นนั้นหรือ ข้าอยากจะรู้นักว่าใครมอบอำนาจเช่นนี้ให้กับเจ้า”
หลังจากพูดจบ เขาก็เขวี้ยงถ้วยชาในมือไปทางด้านข้างของเสนาบดีหลี่
ทำให้เกิดเสียงดังลั่น!
เสนาบดีหลี่คุกเข่าลงทันที และเนื้อตัวสั่นเทา “อดีตฮ่องเต้ได้โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยเถิด กระหม่อมเลี้ยงดูลูกชายของตนเองได้ไม่ดี ทำให้เขาเป็นคนยโสโอหังเช่นนี้เองพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องมาพูดกับข้า ตอนนี้ เจ้าควรลงไปขอโทษเฮ่อเหลียนเวยเวยจนกว่านางจะพอใจ!”
เสนาบดีหลี่รับคำอย่างต่อเนื่อง และเดินเข่าตามขันทีซุนลงไปจากหอน้ำชา
มู่หรงฉางเฟิงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าปลายนิ้วมือของเขาจุ่มอยู่ในน้ำชาของตนเอง เขามองแค่เฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่ตรงกลางเท่านั้น แล้วรู้สึกว่าจิตใจปั่นป่วน ความรู้สึกเช่นนี้ช่างยากจะอธิบายได้ มู่หรงฉางเฟิงไม่แน่ใจว่ามันคือความรู้สึกเสียดาย รำคาญ หรือโกรธเคือง นางมีอำนาจขนาดนี้ได้อย่างไรกัน และมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมนางถึงไม่เคยบอกเขา
เขาคือคนที่นางคิดถึงเป็นคนแรกเวลาที่เกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ใช่หรือ แต่ตอนนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไร้อารมณ์ เกียจคร้าน และสีหน้าของนางก็ราวกับกำลังเพลิดเพลินกับการฆ่าคนอื่น
“เฮ่อเหลียนเวยเวย เจ้าไม่กลัวว่าการกระทำเช่นนี้ของเจ้าจะถูกรายงานต่ออดีตฮ่องเต้เช่นนั้นหรือ” คุณชายหลี่พูดขึ้นจากใต้ฝ่าเท้าของหญิงสาว พร้อมกับพยายามใช้อำนาจและอิทธิพลของอดีตฮ่องเต้มาข่มขู่นาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยดูเหมือนจะไม่กังวล “ถ้าเช่นนั้น ก็รายงานเรื่องนี้ให้อดีตฮ่องเต้ทรงทราบก็แล้วกัน”
ทันทีที่นางพูดจบ ขันทีซุนก็เดินเข้ามาพร้อมกับเสนาบดีหลี่จากกรมขุนนาง
เมื่อเห็นเช่นนั้น มุมปากของฮูหยินซูก็ยกขึ้น ในที่สุดก็มา! แม้ว่าเรื่องนี้จะอยู่เหนือการควบคุมของนาง แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม อดีตฮ่องเต้คงจะไม่สามารถทนต่อการกระทำของเฮ่อเหลียนเวยเวยได้ จนในที่สุด ก็ส่งคนของเขาลงมาจัดการกับนาง
เมื่อคุณชายหลี่เห็นท่านพ่อของตนเอง ก็คิดเช่นเดียวกับฮูหยินซู จากนั้น เขาจึงพูดเสียงดัง ก่อนที่ท่านพ่อของเขาจะเดินเข้ามาใกล้พวกเขาเสียอีก “ท่านพ่อ ท่านต้องลงโทษนังผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้แทนข้า! ไม่ว่าอย่างไร ตระกูลหลี่ของพวกเราก็เป็นตัวแทนของอดีตฮ่องเต้ แต่นางยังกล้าทำ…”
เพี๊ยะ!
คุณชายหลี่ยังพูดไม่ทันจบ เสนาบดีหลี่ก็ตบหน้าเขาอย่างแรงจนหันไปอีกด้าน ทำให้เขาตกตะลึง
“ท่านพ่อ…” คุณชายหลี่จับใบหน้าที่บวมช้ำของตนเองด้วยความตกใจที่ท่านพ่อตบหน้าเขา
แต่เสนาบดีหลี่มองหน้าเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างประจบสอพลอ “นายหญิงเวยขอรับ อย่างที่ท่านเห็น ทั้งหมดเป็นเพราะความโง่เขลาของลูกชายปากสุนัขของข้าเอง ได้โปรดอย่าถือสาเลยขอรับ ได้โปรดอย่าโกรธเคืองเลยนะขอรับ”
“ใต้เท้าหลี่” เฮ่อเหลียนเวยเวยยกเท้าขึ้นด้วยท่วงท่าที่สง่างามราวกับราชินี “ท่านก็ถ่อมตัวเกินไป อย่างที่ลูกชายของท่านพูดเมื่อครู่นี้ ว่าตระกูลของท่านร่ำรวยและมีอำนาจ และท่านเองก็ดูถูกอาวุธของพวกเราที่เวยเจ๋อ ดังนั้น ท่านไม่จำเป็นต้องซื้ออาวุธจากพวกเราก็ได้ ในเมื่อท่านมาที่นี่แล้ว ท่านก็สามารถพูดคุยกับผู้ดูแลจางเรื่องยุติการร่วมมือกันได้เลย”
“เข้าใจผิดแล้วขอรับ มันคือเรื่องเข้าใจผิดขอรับ” เสนาบดีหลี่จับแขนเสื้อของเฮ่อเหลียนเวยเวย ราวกับกลัวว่านางจะหยุดทำธุรกิจกับพวกเขาจริงๆ
เมื่อเห็นว่าเสนาบดีจากราชวังต้องขอร้องเฮ่อเหลียนเวยเวยเช่นนี้
นอกจากฮูหยินซูจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองแล้ว ก็แทบจะเรียกได้ว่านางไม่อยากเห็นเหตุการณ์ตรงหน้านี้เลยด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น ใบหน้าของเหล่าศิษย์ที่ก่อนหน้านี้ต้องการใช้สถานะของตนเองเพื่อข่มขู่คนอื่นต่างก็หน้าซีดเผือดลงทุกคน โดยเฉพาะคุณชายหลี่ เขาไม่อยากเชื่อว่าท่านพ่อของเขาที่ปกติแล้วเป็นคนสูงส่งและมีอำนาจมาโดยตลอด ในตอนนี้ กลับกลายเป็นคนสุภาพนอบน้อมอย่างมาก เหมือนกับตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าอดีตฮ่องเต้ก็ไม่ปาน…
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม “การเกิดความเข้าใจผิดในโลกธุรกิจนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ดูเหมือนว่าลูกชายของท่านจะดูถูกข้า และคิดว่าข้าทำข้อตกลงทางธุรกิจกับแค่ตระกูลหลี่เท่านั้น”
“ไม่ใช่! ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอนขอรับ!” เสนาบดีหลี่กลืนน้ำลายและอธิบายต่อ “ข้อตกลงทางธุรกิจนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่เลยขอรับ มันเป็นข้อตกลงระหว่างนายหญิงเวยกับอดีตฮ่องเต้เท่านั้น พวกเราให้ความสำคัญกับการร่วมมือทางธุรกิจนี้จริงๆ ขอรับ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเหลือบมองเขา “ถ้าเช่นนั้น ก็ให้คุณชายหลี่แสดงความจริงใจออกมาสิ”
ใต้เท้าหลี่เอื้อมมือไปดึงตัวลูกชายของตนเองมาอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง “เร็วเข้า รีบขอโทษนายหญิงเวย!”
คุณชายหลี่กลัวท่านพ่อของตนเองยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ใบหน้าของเขาซีดเซียวราวกับผี ความหยิ่งผยองทั้งหมดได้อันตรธานหายไปโดยสิ้นเชิง “เวย นายหญิงเวย ข้าผิดเอง”
“เจ้าพูดเสียงเบาเกินไป ข้าได้ยินไม่ชัด” เฮ่อเหลียนเวยเวยนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้อย่างเกียจคร้าน นางเงยหน้าขึ้นและชี้ไปที่กลุ่มคนที่กำลังซุบซิบนินทา “บอกพวกเขาด้วยเสียงดังฟังชัด ว่าใครที่เป็นคนดูแลข้อตกลงทางธุรกิจนี้”
เมื่อคุณชายหลี่เผชิญหน้ากับทุกคน เขาก็พูดจาตะกุกตะกัก “คือ… คือเวยเจ๋อ”
“ดีมาก ดูเหมือนว่าในที่สุด คุณชายหลี่ก็รู้จุดยืนของตัวเองแล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยลุกขึ้นยืนและมองผู้ดูแลจางที่อยู่ข้างๆ “ดำเนินธุรกิจกับตระกูลหลี่ต่อ แต่ถ้าหากเกิดเรื่องอย่างวันนี้อีก ก็ให้ส่งชื่อของตระกูลหลี่เข้าไปในบัญชีดำได้เลย และให้ทุกคนรับรู้เอาไว้ด้วยว่านี่คือวิธีการที่เวยเจ๋อทำธุรกิจ อ้างอิงจากความรู้สึกของพวกเขา”
“ขอรับ” ผู้ดูแลจางโค้งคำนับเล็กน้อย
เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดอย่างเรียบเฉย “เอาล่ะ ในเมื่อเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว ข้าก็จะเข้าไปด้านในกับเพื่อนๆ ของข้าก่อน งานประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้คนที่ดูถูกเวยเจ๋อนั้นจะถูกส่งตัวออกจากประตู”
“ขอรับ” ผู้ดูแลจางโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กับกลุ่มผู้คุ้มกัน
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์และฮูหยินซูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องราวจะดำเนินไปเช่นนี้ นอกจากขันทีซุนจะไม่พาตัวนังแพศยาเฮ่อเหลียนเวยเวยออกไปแล้ว แต่เสนาบดีหลี่ยังกล่าวขอโทษนางเป็นการส่วนตัวด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อมอีกด้วย ช่างไม่เหมือนท่าทีปกติของเขาเอาเสียเลย
ในตอนนั้น ฮูหยินซูรู้สึกว่าคนที่เฮ่อเหลียนเวยเวยตบหน้า ไม่ใช่ใต้เท้าหลี่ แต่เป็นตัวนางเองต่างหาก! เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์รู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก จนกำผ้าเช็ดหน้าสีขาวในมือแน่น ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกของนางนั้นไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายได้ เดิมที ในวันนี้นางควรจะเป็นจุดสนใจของทุกคน และการเข้าไปในเวยเจ๋อนั้นก็ควรจะเป็นเรื่องง่ายๆ นอกจากตัวนางเองแล้ว เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็คิดไม่ออกเลยว่าใครจะสามารถครอบครองอาวุธเหล่านั้นได้อีก แต่ตอนนี้ นางกลับอยู่ในสถานะที่ถูกขับไล่ออกจากงานประมูล