ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 4 ตอนที่ 7-3

ภาค 2 เล่ม 4 ตอนที่ 7-3

อินซอบยืนอยู่หน้าประตูห้องพักรับรองสักพัก และควบคุมจิตใจอย่างยากลำบาก เขาจะเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานไม่ได้ และต้องวิเคราะห์สถานการณ์ก่อน

เขาเคาะประตู

“เข้ามาเลยครับ”

เขาได้ยินน้ำเสียงสุขุมของอีอูยอน พออินซอบเปิดประตูและเดินเข้าไป อีอูยอนก็หันหน้ามา

“ซื้อกาแฟมาหรือเปล่าครับ”

อินซอบหยิบกาแฟกระป๋องที่อยู่ในกระเป๋าทั้งหมดออกมา และวางลงบนโต๊ะ

“เพราะผมไม่รู้น่ะครับว่าคุณชอบอะไร”

อีอูยอนพูดว่า “ผมจะดื่มอย่างดีเลยครับ” และหยิบกาแฟกระป๋องหนึ่งจากกาแฟกระป๋องทั้งหมดไป อินซอบจ้องมองอีกฝ่ายที่เป็นแบบนั้นเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยปาก

“คุณอูยอน”

“ครับ”

“เป็นยังไงบ้างครับ”

“อะไรเหรอครับ”

อีอูยอนเปิดกระป๋องด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางเอ่ยถาม

“ผมได้ยินที่คุณคุยกับกรรมการผู้จัดการคิมน่ะครับ”

อีอูยอนที่กำลังเอากาแฟมาแตะปากชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับ ดูเหมือนเขาจะไม่ถูกใจทรงผมของผมคราวนี้น่ะครับ”

อีอูยอนยิ้มก่อนจะดื่มกาแฟเข้าไปอึกหนึ่ง รอยยิ้มที่เหมือนจะมีกลิ่นกาแฟลอยออกมาถูกประดับไว้บนริมฝีปากของเขา แต่กลับไม่ได้ดูอารมณ์ดีเลยสักนิด

“ผมรู้แล้วครับ ว่าเป็นเรื่องข่าวคุณแชยอนซอ…”

อินซอบซ่อนมือที่สั่นเทาไว้ข้างหลัง และรอคอยคำตอบของอีอูยอน

เขารอแล้วรอเล่าให้อีอูยอนปฏิเสธทุกอย่างว่า “กรรมการผู้จัดการคิมไม่ได้โกรธเพราะเรื่องนั้น เขาแค่เข้าใจผิด และเรื่องที่คุณอินซอบได้ยินก็เป็นเรื่องไร้สาระ”

“ใครบอกเหรอครับ”

เสียงหัวเราะของอีอูยอนถูกกดให้ต่ำ

หนทางข้างหน้าของอินซอบพร่าเลือน เขาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ถามว่าได้ยินเรื่องนั้นมาจากไหนก่อน

“…ผมได้ยินมาจากนักข่าวที่รู้จักครับ”

อินซอบกุเรื่องขึ้นมาลวกๆ เนื่องจากมีเรื่องที่พวกนักข่าวต้องติดต่อผู้จัดการส่วนตัวเพื่อตรวจสอบเนื้อหาของข่าวบ้างอยู่แล้ว เขาไม่อยากจะทำให้อีกฝ่ายที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วอารมณ์เสียขึ้นอีกด้วยการพูดชื่อของคังยองโมออกมาโดยไม่จำเป็น

“อย่างนั้นเองสินะครับ”

อีอูยอนตอบรับสั้นๆ และหลุบตามองด้านล่าง อินซอบรู้ว่าเขากำลังแสดงความลำบากใจอย่างที่ไม่ค่อยมีให้เห็นออกมา

“ไม่ต้องสนใจหรอกครับ”

อีอูยอนวางกาแฟกระป๋องลงบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้น

“ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

อีอูยอนติดกระดุมเสื้อสูท อินซอบจ้องมองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายและยืนอยู่กับที่โดยไม่พูดอะไร เขารู้สึกเหมือนกำลังมองนักแสดงที่แสดงอยู่ในหน้าจอทีวี

“…ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอครับ”

พออินซอบพึมพำอย่างเหม่อลอย อีอูยอนก็เดาะลิ้นเบาๆ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“เพราะแบบนี้ไงครับผมเลยไม่อยากพูด”

“…”

“วันดีๆ แบบนี้ แล้วนี่มันอะไรกันครับ ทำให้เสียบรรยากาศเปล่าๆ”

น้ำตาของอินซอบแทบจะไหล

ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอะไรสำหรับคนคนนี้ได้จริงๆ สินะ

“รูป…มีรูปจริงๆ เหรอครับ”

ถ้ามีรูปจริงๆ ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว เขาต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์หลังจากนี้ทุกรูปแบบ แม้ว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะถูกประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ถ้ามีรูปที่เดินเข้าออกโรงแรมออกมาก็ต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน

แม้สมองเขาจะคิดอย่างนั้น แต่ความเศร้ากลับถาโถมเข้ามาไม่หยุด

“เพราะมีถึงได้เป็นแบบนั้นไงครับ”

“…”

หน้าของอินซอบซีดเผือด

เขานึกถึงเรื่องของยุนอารึมที่เห็นข่าวการแต่งงานของผู้ชายที่ตัวเองคบอยู่ผ่านข่าว การที่เรารู้ก่อนที่ข่าวจะออกถือเป็นเรื่องโชคดีหรือเปล่านะ

ตอนนั้นเองเสียงเคาะประตูพร้อมกับคำพูดที่ว่า ‘คุณอีอูยอนรบกวนเตรียมตัวด้วยครับ’ ก็ดังมาจากด้านนอก

อีอูยอนถอนหายใจก่อนจะลูบผมที่กระเซอะกระเซิงของอินซอบขึ้นไป

“คุณก็รู้นี่ครับว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ในแวดวงนี้”

แม้จะเป็นเสียงที่นุ่มนวล แต่เขากลับได้ยินเหมือนถูกต่อว่าอย่างรุนแรง เขาจึงทั้งอายและเศร้า อินซอบไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้

“คุณอินซอบ”

ตอนที่อีอูยอนเอ่ยเรียกอินซอบ เสียงเคาะประตูอย่างรีบเร่งก็ดังมาจากด้านนอกอีกครั้ง

“ไว้ผมจะกลับมาคุยด้วยนะครับ เพราะผมก็มีเรื่องที่อยากคุยกับคุณอินซอบอยู่แล้ว”

“…”

อินซอบพยายามจะตอบ แต่เสียงกลับไม่ออกมา เสียงเคาะประตูกับเสียงของสตาฟที่ตามหาอีอูยอนดังอย่างต่อเนื่องอยู่หลายครั้ง

พิธีมอบรางวัลเป็นการถ่ายทอดสด ถ้าไม่ออกไปตอนนี้ ก็จะเป็นปัญหาในการออกอากาศ

“เดี๋ยวผมกลับมา รอนะครับ”

อีอูยอนเชยคางของอินซอบขึ้นและกดจูบลงไปเบาๆ จากนั้นเขาก็ออกจากห้องพักรับรองไป อินซอบทอดสายตามองประตูที่อีกฝ่ายเดินออกไปนิ่งๆ

เขาเอามือขึ้นมาแตะริมฝีปาก สัมผัสที่ดูจะไม่เป็นความจริงยังคงหลงเหลืออยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายจูบปากเขาอย่างอ่อนโยนก่อนหลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน

ตอนนั้นเองเสียงแจ้งเตือนข้อความก็ดังมาจากโทรศัพท์ที่เขาใส่ไว้ในกระเป๋า อินซอบหยิบโทรศัพท์ออกมาโดยอัตโนมัติ และอ่านข้อความ

ยุนอารึมนั่นเอง

[เขาบอกว่ามีข่าวที่กำลังรอปล่อยอยู่ค่ะ แต่ฉันไม่ได้ถามถึงเนื้อหา ถ้าคุณต้องการ ให้ฉันถามให้ไหมคะ หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนะคะ]

‘ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะ…’

อินซอบที่กำลังขยับนิ้วกัดริมฝีปาก เขาควรจะตอบว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องเป็นห่วง แต่กลับไม่สามารถทำแบบนั้นได้

ทำไมอีอูยอนถึงไปโรงแรมกับแชยอนซอล่ะ แล้วทำไมเราต้องบังคับให้อีอูยอนเป็นข่าวกับผู้หญิงคนนั้นด้วย …แล้วทำไมเรื่องทั้งหมดนี้ถึงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรสำหรับอีกฝ่ายล่ะ

ถ้าอีอูยอนบอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด แม้ข่าวจะถูกปล่อยออกมา เขาก็จะเชื่อ แต่อีกฝ่ายกลับไม่แม้แต่จะแสดงความตั้งใจที่จะโกหกให้เห็นเลย เขาแค่ปลอบใจตนว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในแวดวงนี้เท่านั้น

อินซอบกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้และก้มหน้า

แล้วน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ทะลักออกมา

***

“ความรักในฤดูใบไม้ผลิ ลัลลาลา”

คิมคังอูที่ฮัมเนื้อร้องให้ตรงกับเพลงที่ดังออกมาจากวิทยุเหยียดตัวนอนไปด้านหลังก่อนจะมองนาฬิกา เขาต้องรออีกประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมงกว่าที่งานจะจบ

“เราไม่น่าให้เขายืมโทรศัพท์มือถือไปหรือเปล่านะ”

เขารู้สึกเบื่อนิดหน่อย แม้จะลองเปลี่ยนคลื่นวิทยุ และพลิกตัวไปมาแล้วก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม

ไปเล่นเกมสนุกๆ สักตาที่ร้านเกมแล้วค่อยกลับมาดีไหม

แต่ตอนนั้นเองเขาก็นึกถึงคำพูดของกรรมการผู้จัดการคิมที่ห้ามไม่ให้ออกไปจากรถ ให้รออยู่ตลอดเวลา เพราะอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้ คิมคังอูจึงจิ๊ปากก่อนจะหลับตาลง และฮัมเพลงอีกครั้ง

พอคิดถึงจำนวนเงินที่ถูกใส่ไว้ในบัญชี คิมคังอูก็ร้องเพลงออกมาโดยอัตโนมัติ เขาคิดว่าจะไม่บอกพี่สาว และลาพักการเรียนต่อในเทอมหน้าอีกเทอมดีไหม แล้วก็ส่ายหน้าทันที

นี่เป็นงานที่ได้ค่าตอบแทนดีมากเมื่อเทียบกับแรงงานที่ใช้ และส่งเสริมสุขภาพสายตาเป็นอย่างมาก รวมไปถึงพวกพี่เขยก็ให้เงินค่าขนม และเลี้ยงข้าวทุกครั้งที่เจอกันด้วย แต่เขากลับไม่อยากจะทำต่อ เพราะอีอูยอนน่ากลัว

เป็นเรื่องที่แปลก อีกฝ่ายไม่ได้ขึ้นเสียง หรือใช้ความรุนแรง หรือบีบบังคับตนเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างอีอูยอนก็ไม่เคยแม้แต่จะใช้คำพูดอย่างเป็นกันเองกับตนเลยสักคะ…

“อ๊าก!”

คิมคังอูตกใจ และเด้งตัวขึ้นมา ใครบางคนใช้มือเคาะกระจกรถดัง ปัก เขารีบเปิดกระจกรถลง

อีอูยอนนั่นเอง

“มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”

เนื่องจากพิธีมอบรางวัลกำลังดำเนินอยู่ในช่วงสำคัญ คิมคังอูจึงไม่สามารถซ่อนความสงสัยไว้ได้ และเอ่ยถาม

“อยู่ไหน”

คิมคังอูไม่เชื่อหูของตัวเองในครั้งแรก อีอูยอนกำลังพูดอย่างไม่เป็นทางการกับตน

“ครับ? หมายถึงอะไรเหรอครับ”

“ฉันถามว่าชเวอินซอบอยู่ที่ไหน!”

คิมคังอูสะดุ้ง นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่อีอูยอนขึ้นเสียงใส่เขา

“ผะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าฮยองนิมไปหนะ…”

อีอูยอนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้ ในนั้นมีข้อความที่ได้รับจากอินซอบปรากฏอยู่

[ผมฝากซองไว้ที่คังอูนะครับ]

อีอูยอนไม่ได้คิดว่าซองอะไรในตอนแรกที่ได้รับข้อความ แต่คิดว่าทำไมถึงฝากไว้ที่คิมคังอูต่างหาก ไม่ว่าจะลองคิดอย่างไร เขาก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด สุดท้ายเขาก็ขอตัวออกมาในระหว่างงานพิธีมอบรางวัล และวิ่งไปที่ห้องพักรับรอง แต่เขาก็ไม่เจอตัวชเวอินซอบ และโทรศัพท์มือถือของอินซอบก็ปิดเครื่องอยู่ เขาจึงค้นทุกซอกทุกมุมของที่จอดรถชั้นใต้ดิน และเจอคิมคังอูในที่สุด

“อ๋อ ซอง”

คิมคังอูหยิบซองออกมาจากกระเป๋า และยื่นให้อีอูยอน อีอูยอนฉวยซองไปราวกับแย่ง ภายในซองนั้นมีเช็คเงินสดกับกระดาษที่เขียนโน้ตสั้นๆ แนบเอาไว้

[นี่เป็นค่าซ่อมรถครับ ถ้าไม่พอผมจะส่งมาให้เพิ่มนะครับ ps – ขอให้สุขภาพแข็งแรงและมีความสุขครับ]

แม้เขาจะพิจารณาด้านหลังของกระดาษด้วย เพราะคิดว่าอาจจะมีข้อความอื่นเขียนไว้เพิ่มก็ได้ แต่มันก็มีเพียงเท่านั้น อีอูยอนแสร้งหัวเราะ

“คุณอินซอบได้บอกอะไรไว้ไหมครับ”

“ครับ?”

คิมคังอูถามกลับพร้อมกับรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ในใจ โชคดีที่คำพูดอย่างเป็นกันเองถูกเปลี่ยนกลับมาเป็นคำพูดสุภาพแล้ว

“ฉันถามว่าเขาได้บอกอะไรไว้ไหมก่อนจะทิ้งไอ้นี่ไว้! มีค*ยปักอยู่ในรูหูเหรอไอ้เหี้ย? ทำไมถึงฟังที่พูดไม่รู้เรื่องวะ!”

คิมคังอูแทบจะร้องไห้ คราวนี้นอกจากคำพูดอย่างเป็นกันเองแล้ว ยังมีคำด่าเพิ่มเข้ามาด้วย แม้จะหันไปมองรอบๆ เพราะคิดว่าอาจจะเป็นการซ่อนกล้องถ่ายทำหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่เห็นกล้อง หรือสตาฟเลย

“คะ แค่ทิ้งไว้ให้เฉยๆ ครับ…แล้วก็บอกว่าเสร็จงานพิธีมอบรางวัลแล้วค่อยให้”

“เหี้ยเอ๊ย”

อีอูยอนพ่นคำด่าพร้อมกับเสยผมขึ้น คิมคังอูยังไม่สามารถทิ้งสมมติฐานเรื่องการซ่อนกล้องได้ เพราะมันเหมือนกับฉากฉากหนึ่งในภาพยนตร์มาก

“แล้วได้พูดอย่างอื่นไหม”

แต่ตอนที่สบตากับอีอูยอนที่จ้องเขม็ง สมมติฐานนั้นก็ล้มเหลวทันที

“ยะ อย่างอื่น…”

เขาต้องคิดอะไรสักอย่าง ทำแบบนั้นถึงจะมีชีวิตรอดได้ คิมคังอูรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ และตั้งใจนึกถึงภาพของอินซอบที่เห็นครั้งสุดท้าย

“เขาสั่งให้เอาซองให้ แล้วก็…อ๋อ ใช่แล้ว เหมือนจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลยครับ ผมถามเขาว่ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า เพราะสีหน้าของเขาหมองนิดหน่อย แล้วเสียงก็ไม่ค่อยมีแรงด้วย”

“แล้วไม่สบายตรงไหน?”

อีอูยอนจับหน้าต่างรถไว้แน่นและถามอย่างร้อนรน คิมคังอูส่ายหน้า

“เปล่าครับ เขาบอกว่าไม่ได้ป่วย แล้วก็บอกว่าต้องกลับก่อน เพราะมีธุระด่วนเท่านั้นเองครับ”

“แล้วไอ้ธุระด่วนเหี้ยนั่นคืออะไรล่ะวะ!”

ดูเหมือนความกระวนกระวายใจจะทำให้อีอูยอนขาดสติไปแล้ว ชเวอินซอบไม่ใช่คนที่จะหายไปอย่างไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ และต่อให้มีธุระด่วนจริงๆ อีกฝ่ายก็จะต้องอธิบายและขออนุญาตจากตนก่อน

“มะ ไม่รู้ครับ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน…”

คิมคังอูตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ อีอูยอนใช้ฝ่ามือกดหน้าผากแน่น ความจริงที่ว่าไอ้โง่นี่เป็นคนสุดท้ายที่ได้เห็นอินซอบทำให้ความโกรธของเขาพลุ่งพล่านขึ้นมาจนเหมือนหัวจะระเบิด

ตอนนั้นเองพนักงานส่งของก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาตรงหน้ารถตู้ เขาตรวจสอบเลขทะเบียนรถก่อนจะถอดหมวกกันน็อกออก

“มาส่งของครับ ช่วยเซ็นรับด้วยครับ”

คิมคังอูรีบลงจากที่นั่งคนขับรถ เขาเซ็นชื่อและรับช่อดอกไม้มา พนักงานส่งของที่จำอีอูยอนได้เหลือบมองเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่อีอูยอนไม่ยอมสบตาด้วย หลังจากพนักงานส่งของจากไปแล้ว คิมคังอูก็ยื่นช่อดอกไม้ให้อีอูยอนด้วยมือที่สั่นเทา

“…ฮยองนิมฝากให้มอบให้ครับ”

อีอูยอนจ้องคิมคังอูด้วยสีหน้าที่เหมือนจะถามว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีก

“ฮยองนิมบอกว่าตั้งใจจะมอบให้เองกับมือหลังพิธีมอบรางวัลจบ แต่ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถมอบให้ได้ ขะ ขอโทษนะครับที่เพิ่งมานึกออกตอนนี้…”

ช่อดอกไม้ที่ทำจากดอกไฮเดรนเยียสีฟ้ากับกุหลาบจูเลียตสีขาวเป็นการรวมกันของสีที่นึกถึงเสื้อผ้าที่อีอูยอนสวมใส่ในวันนี้ ช่างเป็นความคิดที่สมกับเป็นชเวอินซอบมากๆ อีอูยอนหัวเราะพลางรับช่อดอกไม้มา

“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ”

พออีอูยอนเริ่มหัวเราะ คิมคังอูวางใจขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนพอรับช่อดอกไม้ไปแล้วเขาจะอารมณ์ดีขะ…

“แม่ง!”

อีอูยอนฟาดช่อดอกไม้ที่ถืออยู่ในมือลงกับกระโปรงหน้ารถ และดอกไม้ก็หล่นกระจายไปทั่วทิศทาง คิมคังอูรู้สึกหวาดผวากับภาพของอีอูยอนที่ทำให้ฉากที่น่ากลัวและรุนแรงกลายเป็นการถ่ายนิตยสารไปได้จากใจจริง และในขณะเดียวกันเขาก็ได้รู้ซึ้งถึงคำพูดที่พี่เขยคนแรกเคยพูดเอาไว้ว่าหมายความว่าอะไร

‘ตอนที่เห็นอีอูยอนน่ะ ฉันไม่คิดว่าการหล่อมากๆ จะเป็นเรื่องดีหรอกนะ’

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท