ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 4 ตอนที่ 7-2

ภาค 2 เล่ม 4 ตอนที่ 7-2

ความคิดนั้นอยู่ได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังออกมาจากกระเป๋า อินซอบมองชื่อของคนที่โทรศัพท์เข้ามาและรีบรับสาย

“ฮัลโหลครับ”

[นี่บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งความหวังนะครับ สะดวกคุยไหมครับ]

นี่เป็นสายที่เขารอคอย

“ครับ สะดวกครับ”

อินซอบตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใส

[ผมลองโทรศัพท์ไปหาเจ้าของบ้านมาน่ะ แต่เขาถามว่าสามารถมาเจอกันวันนี้ได้ไหม]

“ครับ? วันนี้เหรอครับ ไม่ใช่ว่าเขากลับประเทศวันนี้เหรอครับ”

[ใช่ เขากลับประเทศวันนี้ แต่เห็นว่าเป็นบ้านของลูกสาวที่เกาะเชจูน่ะ และจะไปที่นั่นเช้าวันพรุ่งนี้ ให้ตายเถอะ]

เจ้าของบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เดาะลิ้นราวกับจะบอกว่าไม่อยากจะเชื่อเลย

[ดังนั้นที่จะบอกก็คือเดี๋ยวตอนเย็นมาเจอกันสักหน่อยได้ไหม แค่หนึ่งชั่วโมงก็น่าจะได้]

“ขอโทษครับ ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ได้ เพราะผมมีงานที่สำคัญมากๆ”

[งั้นสักสามสิบนาทีได้ไหม แค่เจอกันแป๊บเดียวจริงๆ ไม่ใช่เรื่องพิถีพิถันอะไรหรอก เพราะตาแก่ที่มีวิธีเฉพาะตัวนั่นต้องเห็นหน้าด้วยตัวเองก่อนถึงจะอนุญาตให้ทำสัญญาน่ะ]

“…แต่วันนี้คงจะไม่ได้จริงๆ ครับ”

ท่ามกลางวันมากมายที่ทำได้ ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วยนะ ถึงจะเสียดาย แต่ก็คงต้องหาบ้านหลังอื่น แม้ว่าเขาจะสงสัยว่าจะมีบ้านที่เงื่อนไขในเรื่องของราคาและทำเลที่ตั้งแบบนั้นโผล่ออกมาหรือเปล่า

[โอ๊ย งั้นก็คงจะไม่ได้แล้วล่ะ]

“ขอโทษนะครับ คุณทำงานหนักเพื่อผมแท้ๆ ถ้ามีบ้านหลังอื่นเสนอขาย ช่วยติดต่อมาด้วยนะครับ”

[ได้ แต่นักเรียน อย่าคาดหวังมากเกินไปนะ]

“ขอบคุณครับ”

อินซอบเอ่ยขอบคุณอย่างสุภาพก่อนจะวางสาย พอความคาดหวังที่พุ่งขึ้นมาพังทลายลง เท้าของเท้าก็หนักขึ้น

งั้นเราคงต้องอยู่ที่โมเต็ลไปอีกสักพัก

ความเศร้าหมองเอ่อล้นขึ้นมาในดวงตากลมโตของอินซอบ เมื่อวานเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆ จากห้องที่ไม่รู้ว่าเป็นห้องข้างบน ห้องข้างล่าง หรือห้องข้างๆ ตลอดทั้งคืน และไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิท

“สู้ๆ”

มันเป็นเรื่องใหญ่อะไรกัน

อินซอบพยายามปลุกใจตัวเองพร้อมกับเดินลงบันไดไป เขาเจอเครื่องขายของอัตโนมัติตั้งอยู่ตรงมุมทางเดิน จึงวิ่งรวดเดียวเข้าไป

“กาแฟ กาแฟ…”

เขาใส่เงินเข้าไปก่อน และใช้สายตามองหากาแฟกระป๋อง กาแฟกระป๋องมีอยู่ด้วยกันห้าแบบ ในระหว่างที่เขาคิดว่าจะต้องเลือกแบบไหนดี ใครบางคนก็ใช้หมัดต่อยปุ่มเครื่องขายของอัตโนมัติมาจากทางด้านหลัง

“อ๊ะ…”

พออินซอบหันหลังไปมองด้วยความตกใจ ใบหน้าที่คุ้นเคยก็ยืนยิ้มอย่างมีเลศนัยให้

“แต๊งกิ้ว จะดื่มอย่างดีเลย”

คังยองโมว่าพลางหยิบกระป๋องเครื่องดื่มมาจากช่องปล่อยของ อินซอบรู้สึกเป็นทุกข์ แม้จะคิดว่าคงจะได้เจอกันอีกในสักวัน แต่เขาไม่รู้ว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้

“สวัสดีครับ”

อินซอบซ่อนความรู้สึกไม่สบายใจไว้ และทักทายอย่างสุภาพ

“อืม สวัสดิ์ไม่ดีหรอกนะ เพราะใครบางคนน่ะ”

“…”

อินซอบไม่ตอบ และใส่แบงก์เข้าไปในเครื่องขายของอัตโนมัติอีกครั้ง

“ได้รับกระถางต้นไม้ที่ฉันส่งไปไหม มันแพงมากเลยนะ”

“…ได้รับแล้วครับ”

ท้ายที่สุดต้นไม้นั้นอินซอบก็ต้องเป็นคนเลี้ยง เขาเจอก้นบุหรี่หลายอันอยู่ในดินในขณะที่ย้ายกระถางต้นไม้ และก็ได้รู้สึกจริงๆ ว่าคนในบริษัทเกลียดคังยองโมมากขนาดไหน แม้ความเกลียดที่มีต่อคังยองโมจะไม่เปลี่ยนแปลงไป แต่อินซอบก็ไม่สามารถรังแกต้นไม้ได้

“อีอูยอนรับกระถางต้นไม้ไปแล้วไม่พูดอะไรสักคำเลยเหรอ เด็กๆ สมัยนี้ไม่ค่อยมีมารยาทเลยนะ อย่างที่สมัยเราจินตนาการไม่ถึงเลยล่ะ”

อินซอบไม่คิดอีกต่อไป เขากดเลือกกาแฟกระป๋องทุกประเภทอย่างละกระป๋องตามลำดับ กาแฟกระป๋องเย็นๆ หล่นลงมาตรงช่องทางรับของพร้อมกับเสียงดังตุบ อินซอบหยิบกาแฟขึ้นมาทีละกระป๋องตามลำดับและเอาใส่กระเป๋า

เขาไม่อยากพูดคุยกับคังยองโมต่อ

“อย่าบอกนะว่าวันนี้อีอูยอนมาที่นี่ด้วย?”

อินซอบที่กำลังจะเดินไปชะงัก และหยุดยืนอยู่กับที่ ไม่มีใครไม่รู้ว่าอีอูยอนเป็นผู้เข้าชิงรางวัลใหญ่ที่คาดว่าจะได้รับรางวัล แต่คังยองโมกลับพูดเหมือนการที่อีอูยอนเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก

“มีเหตุผลที่มาไม่ได้ด้วยเหรอครับ”

“โอ้ ก็ต้องไม่มีเหตุผลที่มาไม่ได้อยู่แล้วสิ”

คังยองโมเล่นใหญ่และโบกมือปฏิเสธ จากนั้นเขาก็เปิดกระป๋องและดื่มกาแฟเข้าไปอึกหนึ่งก่อนจะยิ้มกว้าง

“ก็แค่เป็นห่วงนิดหน่อยในฐานะรุ่นพี่เท่านั้นเอง ไม่เป็นไรใช่ไหม”

เขาเกลียดการสนทนาด้วยวิธีแบบนี้มาก แต่อินซอบก็ไม่ได้แสดงออกว่าเกลียด และถามกลับไปว่า “คุณพูดถึงเรื่องอะไรอยู่เหรอครับ” อย่างสุขุม

“ก็พูดถึงข่าวลือที่ออกมากับแชยอนซอไง ที่ว่าทั้งคู่ตกหลุมรักกันจริงๆ น่ะ”

อินซอบเหมือนจะหัวเราะว่าพูดมาได้

“คนเขาก็รู้เรื่องที่สองคนนั้นคบกันจากการออกข่าวและลงหนังสือพิมพ์แล้วนี่ครับ”

“ไม่ ไม่ ที่บอกว่าตกหลุมรักกัน ‘จริงๆ’ น่ะ”

คังยองโมประกบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันจนเกิดเสียง และทำท่าทางหยาบคาย

“เห็นว่าท้องได้สี่เดือนแล้วมั้ง?”

เรื่องนั้นเป็นข่าวโคมลอยขึ้นชื่อที่พัวพันอยู่กับสองคนนั้น

“ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”

อินซอบหันหลัง

“ตอนนี้ผู้อำนวยการอีน่าจะโกรธจนไม่ลืมหูลืมตาเพราะรูปนั้นนะ คงจะคิดว่าทำให้ตัวเองดูเป็นคนโง่น่ะ เดิมทีเขามีนิสัยโมโหง่ายอยู่แล้ว”

“พูดถึงรูปอะไรเหรอครับ”

คำว่ารูปทำให้อินซอบเผลอกระวนกระวายใจและพูดเสียงสั่นโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นความผิดพลาด เพราะเขาจะต้องไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรเลย

“รูปที่เดินเข้าโรงแรมไง นักข่าวที่ฉันรู้จักดีบอกว่าเพื่อนของเขาถ่ายไว้ได้ ดูเหมือนว่าจะมีบรรณาธิการอะไรสักอย่างห้ามไว้อยู่ ก็เลยยังไม่ได้ลงข่าว การปล่อยข่าวออกมาก็เป็นเรื่องของเวลาล่ะมั้ง?”

“…”

“อีอูยอนเนี่ยถึงจะดูไม่เป็นอย่างนั้น แต่ก็เป็นพ่อหนุ่มคลั่งรักคนหนึ่งเลยนี่ เพราะอย่างนั้นก็เลยโมโหถึงขนาดนั้นตรงถนนเหรอ ก็ผู้หญิงที่ตั้งท้องลูกของตัวเองโดนด่านี่นะ ถ้าอยู่เฉยๆ ได้ก็โง่แล้ว”

คังยองโมโยนกระป๋องเปล่าลงถังขยะหลังจากที่ดื่มเครื่องดื่มเสร็จ

“ตอนนี้สองคนนั้นก็คงจะต้องประกาศแต่งงานกันอย่างไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ ฉันไม่รู้นะว่ากับอีอูยอนจะเป็นยังไง แต่รูปภาพที่เดินเข้าโรงแรมเป็นอะไรที่รุนแรงมากสำหรับนักแสดงหญิง เขาจะใช้คำพูดแสดงความรู้สึกตอนรับรางวัลเป็นคำขอแชยอนซอแต่งงานใช่ไหม”

“…อย่างนั้นเหรอครับ”

อินซอบตอบกลับราวกับเป็นเครื่องจักร

“แต่วันนี้โปรดิวเซอร์อีชอลฮวานน่าจะมาเป็นผู้มอบรางวัลใหญ่นะ อีอูยอนจะกลัวหรือว่าจะสมองช้าหรือเปล่า สองคนนั้นน่าจะถูกจับถ่ายรูปคู่เยอะอยู่นะ”

วันนี้แชยอนซอเองก็เป็นผู้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใด เรื่องการคบกันของนักแสดงระดับแนวหน้าสองคนก็เป็นเรื่องที่ผู้คนชอบที่สุด และก็ไม่มีทางที่กล้องจะอยู่เฉยๆ กับเรื่องนั้น

“ด้วยนิสัยของอีชอลฮวานแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะอดทนต่อการเสียศักดิ์ศรีในวันนี้ได้หรอก ก็คงจะไม่มีผลงานอะไรไปสักพักหนึ่งล่ะนะ ฮ่าๆๆ”

อีชอลฮวานไม่ใช่ผู้อำนวยการฝ่ายละครธรรมดา และคังยองโมที่เคยเจอกับอำนาจนั้นก็รู้ดีกว่าใคร

“ฝากไปบอกอีอูยอนด้วยล่ะว่า ‘ยินดีด้วยสำหรับรางวัลใหญ่’”

คังยองโมตบบ่าอินซอบก่อนจะจากไป

อินซอบยืนกะพริบตาอย่างเหม่อลอย

ทำไมทั้งสองคนถึงไปที่โรงแรม…

“ไม่”

อินซอบรีบส่ายหน้า และสำนึกผิดกับตัวเองที่หวั่นไหวไปตามคำพูดของคังยองโม ไม่มีทางที่อีอูยอนจะทำแบบนั้น เขาจะต้องแก้ไขนิสัยที่มักจะระแวงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องในเร็ววัน…

อินซอบหยุดเดิน

“รูป…”

หากนึกถึงเรื่องที่คังยองโมพูดเกี่ยวกับอีอูยอนแล้ว เขาควรจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่กลับกังวลใจกับคำว่ารูปถ่ายเป็นพิเศษ ผู้จัดการส่วนตัวจะต้องเตรียมพร้อมในทุกสถานการณ์

อินซอบครุ่นคิดและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แม้จะมีนักข่าวที่ตนมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่ออยู่ แต่ผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนก็ไม่สามารถโทรศัพท์ไปถามเกี่ยวกับรูปที่อาจจะมีหรือไม่มี คนที่เขาจะลองถามเรื่องแบบนี้ได้มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น

หัวใจเขาเต้นดังตึกตักในตอนที่สัญญาณโทรศัพท์ดัง เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองทำได้ดีแล้วหรือเปล่า

[ฮัลโหล]

“สวัสดีครับ ผมชเวอินซอบครับ”

[มีเรื่องอะไรเหรอคะ หรือว่าหาบ้านได้แล้ว]

อินซอบบอกกับยุนอารึมไว้ว่าถ้าหาบ้านใหม่ได้ เขาอยากจะพาจอห์นไปอยู่ด้วย แน่นอนว่ายุนอารึมกับพ่อของเธอตอบตกลงในทันที

“เปล่าครับ ดูเหมือนจะต้องใช้เวลาอีกหน่อย ไม่ใช่อะไรหรอกครับ คือผมขอรบกวนอะไรสักอย่างได้ไหมครับ ถ้าคุณไม่สะดวกใจจะปฏิเสธก็ได้นะครับ”

[เรื่องอะไรกันคะ เสียงถึงได้สั่นขนาดนั้น ไม่ได้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นใช่ไหมคะ]

แม้จะเอ่ยปากว่าขอรบกวน แต่ยุนอารึมก็เป็นห่วงอีกฝ่ายก่อน อินซอบรู้สึกน้ำตารื้น เพราะความอ่อนโยนของหญิงสาว

“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ คือ…”

อินซอบหายใจลึกๆ

“ถ้ามีนักข่าวที่พอจะติดต่อได้ ช่วยถามอะไรบางอย่างให้หน่อยได้ไหมครับ”

[อืม เกี่ยวกับคุณอีอูยอนเหรอคะ]

เธออ่านสถานการณ์ออกได้เร็วอย่างที่คิด อินซอบรีบตอบว่า “ครับ” และพยักหน้า

[ผู้จัดการส่วนตัวคงไม่สามารถถามนักข่าวเองได้สินะคะ จะให้ถามเรื่องอะไรให้เหรอคะ]

“จะช่วยถามให้หน่อยได้ไหมครับว่าตอนนี้มีข่าวเกี่ยวกับคุณอีอูยอนที่ถูกเลื่อนการนำเสนอออกไปหรือเปล่า”

หากคำพูดของคังยองโมเป็นความจริง นักข่าวที่รู้ต้องมีมากกว่าหนึ่งคนอย่างแน่นอน

[แค่ถามว่ามีหรือไม่มีข่าวเฉยๆ ได้ไหมคะ]

“ครับ ผมอยากรู้แค่นั้นแหละครับ รบกวนด้วยนะครับ”

[ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรเลยค่ะ พอเสียงของคุณอินซอบไม่สดใส ฉันก็รู้แล้วล่ะค่ะว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ]

“…ขอโทษนะครับที่เอาแต่รบกวนอยู่เรื่อย”

[ไว้ซื้ออาหารแพงๆ อร่อยๆ ให้ฉันด้วยนะคะ]

“ครับ ผมจะซื้ออาหารที่แพงและอร่อยให้แน่นอนครับ”

อินซอบรีบตอบ ยุนอารึมเอ่ยลาด้วยเสียงเจือหัวเราะจากปลายสายว่า “งั้นฉันจะติดต่อไปนะคะ”

อินซอบเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าหลังจากวางสาย แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าความกังวลไม่ได้ลดน้อยลงเลย อินซอบไม่ปล่อยมือออกจากโทรศัพท์เลยตลอดเวลาที่เดินขึ้นบันไดมา

เขาต้องคุยกับกรรมการผู้จัดการคิมก่อน แม้จะยังไม่ได้ยืนยัน แต่การรายงานถึงปัจจัยของความอันตรายนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เขายืนอยู่หน้าห้องพักรับรอง และกำลังจะเคาะประตู แต่ก็ได้ยินเสียงแหลมบาดหูมาจากด้านในเสียก่อน

“ทำไมคนที่ปกติฉลาดและมีไหวพริบเหมือนสุนัขจิ้งจอกถึงได้ทำอะไรโง่ๆ แบบนี้!”

อินซอบรีบมองไปรอบๆ โชคดีที่รอบข้างเสียงดัง และไม่มีคนจ้องมองมาทางนี้ เพราะกำลังเตรียมงานกันอยู่

“ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ”

คำตอบของอีอูยอนถูกตอบกลับมา น้ำเสียงของเขาสุขุมต่างจากกรรมการผู้จัดการคิมจนถึงขนาดที่หากไม่เข้าไปใกล้ประตูก็ไม่ได้ยิน

“ที่ว่าช่วยไม่ได้เนี่ย อะไรกันล่ะที่ช่วยไม่ได้ ตอนนี้มันยังไม่สายไปหรอกนะ ฉันจะกุเรื่องขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นในตอนที่ยังไม่ถูกกล้องจับ เรากลับกันเถอะ”

“ไปไหนล่ะครับ”

“ไม่คิดถึงอาชีพของนายบ้างเหรอ เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมประสาอะไรถึงได้ทำเรื่องให้ใหญ่ขึ้นขนาดนั้น!”

เลือดของอินซอบเย็นเป็นน้ำแข็งทันที

“ฮ่าๆๆ”

อินซอบได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของอีอูยอน เขาตั้งสติไม่ได้ และไม่สามารถเข้าไปได้ด้วย เพราะไม่รู้เลยว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ จึงได้แต่ยืนกะพริบตาอยู่อย่างนั้น

“พูดเรื่องที่อยากพูดเสร็จแล้วก็ควรจะกลับไปสิครับกรรมการผู้จัดการ”

เป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลทว่าเด็ดขาด

“ทำตามใจนายเลย! ต่อให้ข่าวออก ฉันก็จะไม่จัดการอะไรให้ทั้งนั้น!”

กรรมการผู้จัดการคิมตวาด และเปิดประตูพรวด คนทั้งคู่เผชิญหน้ากันโดยที่อินซอบไม่มีเวลาให้ซ่อนตัว

“…!”

ความลำบากใจปรากฏบนใบหน้าของกรรมการผู้จัดการคิมอยู่แวบหนึ่ง เขาปิดประตูก่อนเป็นอย่างแรก

เกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างอีอูยอนกับแชยอนซอจริงๆ เหรอ เพราะอย่างนั้นกรรมการผู้จัดการคิมถึงมาหาถึงที่นี่เหรอ แม้ภายในหัวของอินซอบสับสนวุ่นวาย แต่เขาก็ยืนรอฟังคำพูดของกรรมการผู้จัดการคิมเงียบๆ

และหลังจากความเงียบที่กินเวลาไปครู่ใหญ่

“…ลำบากหน่อยนะ”

กรรมการผู้จัดการคิมเดินจากไปพร้อมกับคำพูดที่ปนเสียงถอนหายใจ ตอนที่อินซอบเงยหน้า กรรมการผู้จัดการคิมก็หายไปจากปลายทางเดินแล้ว

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท