หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 823 สู้ยิบตา!

บทที่ 823 สู้ยิบตา!

“เป็นไปไม่ได้!” ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังตะโกนสั่งให้เรือบินรบเวทของตนเองระเบิดนั้น สีหน้าของผู้อาวุโสก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ เขาจำได้ว่าเรือบินรบเวทของอีกฝ่ายถูกทำลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว แต่บัดนี้มันกลับเกือบอยู่ในสภาพเดิมอีกครั้ง แม้ไม่ใช่ว่าจะซ่อมแซมไม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่เขาก็ไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะสามารถทำได้

การจะซ่อมสิ่งนี้… ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล และยังเป็นทรัพยากรหายากที่แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจหามาไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็เกิดขึ้นมาแล้ว ขณะที่สีหน้าของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความตกใจ เรือบินรบเวทของหวังเป่าเล่อก็ลดระดับลงกระแทกเรือบินรบเวทต้นไม้ยักษ์ของชายชราเข้าอย่างจัง

ท้องฟ้าและพื้นดินสั่นสะเทือนอีกครั้งจนดูเหมือนจะถล่มทลายลงมาต่อหน้า เรือบินรบเวทของหวังเป่าเล่อพังทลายลงเกือบหมด ทว่าการเสียสละนี้ทำให้ต้นไม้ยักษ์มีรูขนาดใหญ่ รูนี้ทำให้เกิดรอยแตกมากมายที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้น จนกระทั่งมีร่างหนึ่งกระโจนออกมา

ร่างดังกล่าวคือผู้อาวุโสของตระกูลไม่รู้สิ้นนั่นเอง ความจริงที่ว่าแนวป้องกันของเรือบินรบเวทของเขาพังทลายลงด้วยวิธีเหนือจินตนาการเช่นนี้ทำให้ชายชราหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขาตระหนักแล้วว่าตนเองต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อเอาชนะศึกนี้ให้ได้ ความต้องการกำชัยของหวังเป่าเล่อทำให้หนังศีรษะของเขาชายิบๆ

ผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้นกระโจนออกมาจากต้นไม้ยักษ์ ในตอนนั้นเองดวงตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายประกายเย็นเยียบ ชุดเกราะจักรพรรดิของชายหนุ่มเปลี่ยนสภาพไปพร้อมกับที่เขาปลดปล่อยโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาทั้งหมดออกมา ชายหนุ่มกระโจนไปข้างหน้า ยกมือขวาขึ้นโบก ทันใดนั้นลูกไฟจำนวนมากจากเปลวไฟสีดำก็ระเบิดออกมารอบบริเวณ พวกมันรวมกันเป็นหนึ่งเดียวและไหลเข้าท่วมบริเวณนั้นทั้งหมด ส่งผลให้อุณหภูมิพุ่งขึ้นสูงพร้อมด้วยกลิ่นอายแห่งความตายที่เข้าครอบงำ ทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันท่ามกลางทะเลเพลิงสีดำ

คนทั้งคู่โจมตีใส่กันไม่หยุดบนทะเลเพลิงพร้อมด้วยเสียงดังกึกก้อง ต่างก็เข้าปะทะกันไปแล้วกว่าร้อยครั้งในระยะเวลาอันสั้น แม้หวังเป่าเล่อจะไม่ได้มีปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะ แต่เขาก็มีเกราะจักรพรรดิและโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาที่คอยสะท้อนการโจมตีออกไป ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มในตอนนี้ก็กำลังบ้าคลั่งด้วยความกระหายเลือด เขาต้องการฆ่าผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะให้ได้ แม้ว่าตนเองจะต้องบาดเจ็บปางตายก็ตาม ความคลั่งนี้ทำให้ชายหนุ่มต่อกรกับผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้นได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

แรงปะทะทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือน การระเบิดทำลายตนเองของเรือบินรบเวทเมื่อครู่ส่งผลให้ผืนดินสั่นไหว และทำให้ผู้ฝึกตนที่อยู่ในบริเวณนั้นตัวสั่นด้วยความกลัว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรีบพุ่งเข้ามาดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

ขณะที่ทั้งสองกำลังปะทะกันอย่างเอาเป็นเอาตายกลางทะเลเพลิง ก็มีร่างหลายร้อยร่างปรากฏขึ้นรอบบริเวณและยังคงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ ทำได้เพียงมองการต่อสู้ที่ทำให้ท้องฟ้าและพื้นดินสั่นสะท้านด้วยแววตาที่ไม่อยากเชื่อแม้แต่นิด

“นั่นมันผู้บัญชาการกองทหารนี่!”

“ให้ตายเถิด ไอ้หน้ากากหมูนั่น…มันต่อกรกับผู้บัญชาการได้เสียด้วย!”

“แล้วเหตุใดพลังปราณของท่านถึงลดลงมากเช่นนี้!”

“เจ้าเห็นหรือไม่ รอบกายพวกเขามีซากเรือบินรบเวทกระจายอยู่เต็มไปหมด!” ขณะที่ผู้สังเกตการณ์พากันอุทานด้วยความตกใจนั้น พวกเขาก็ต้องตะลึงมากขึ้นไปอีกเมื่อสังเกตเห็นรายละเอียดโดยรอบ นอกจากนี้ผู้มาจุติหลายคนก็รีบมาดูเหตุการณ์ด้วยความระแวดระวัง พวกเขาแอบซ่อนอยู่ คอยมองการต่อสู้จากระยะไกล หลังจากที่เห็นหวังเป่าเล่อ หัวใจของทุกคนก็สั่นสะท้าน

แม้ทุกคนจะเกลียดหวังเป่าเล่อเข้าไส้ เนื่องจากการพลิกแผ่นดินตามหาตัวชายหนุ่มของตระกูลไม่รู้สิ้นทำให้พวกเขาเดือดร้อนต้องหนีหัวซุกหัวซุน แต่การที่หวังเป่าเล่อสามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะได้ ก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากเช่นกัน

ปรมาจารย์แห่งไฟเองก็จับตาดูอยู่ด้วย ชายชราคอยสังเกตการณ์มาตั้งแต่ต้น และกำลังดูการต่อสู้ด้วยความเพลิดเพลินจนไม่กล้าละสายตา

แต่หวังเป่าเล่อไม่มีเวลามาสนใจผู้ชมโดยรอบไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จักกันก็ตาม ตอนนี้จิตทั้งหมดของเขาเพ่งอยู่ที่ผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้นเพียงเท่านั้น ความต้องการสังหารทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ส่งการโจมตีออกไปประหัตประหารศัตรู

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้อาวุโสแห่งตระกูลไม่รู้สิ้นจะต้องพลิกกลับมาเป็นต่ออย่างแน่นอน ทว่านี่เป็นสนามรบที่หวังเป่าเล่อสร้างขึ้นเอง ดังนั้นเปลวไฟสีดำที่เผาไหม้ทั่วบริเวณจึงทวีความรุนแรงขึ้นอีก มันกระจายตัวออกมา เพิ่มอุณหภูมิขึ้นแผดเผาผู้อาวุโสแห่งตระกูลไม่รู้สิ้นมากขึ้น และส่งผลต่อสภาพในการรบของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็สร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ เพื่อสั่งให้เปลวไฟสีดำระเบิด เปลี่ยนสภาพไปเป็นหมัดเพลิงสีดำ ที่พุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้น

รูปร่างของเปลวเพลิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน มันคอยไหลวนไปรอบๆ บริเวณอย่างต่อเนื่อง ดวงตาปีศาจเบื้องหลังชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าพลังในการตรึงคู่ต่อสู้ให้หยุดนิ่งอยู่กับที่จะถูกเรียกใช้งานอีกครา

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้ผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้นตกใจและกระวนกระวายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกได้ว่าคำสาปในกายยังไม่จางหายไปไหน นอกจากนี้พลังที่เข้ามาแทรกแซงก็ทวีความรุนแรงขึ้นอีก จนดูราวกับว่าพลังปราณของเขากำลังจะถดถอยลงอีกครั้ง ผู้อาวุโสรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้า เขาไม่อยากต่อสู้กับชายหนุ่มอีกต่อไปแล้ว อยากแต่จะหนีเอาชีวิตรอดไปให้ไกลเท่านั้น

เมื่อภาพนี้ปรากฏต่อสายตาทุกคน พวกเขาก็ตกใจมากขึ้นไปอีก การที่หวังเป่าเล่อต่อกรกับผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะท่ามกลางซากเรือบินรบเวทก็มากพอที่จะทำให้วิญญาณของพวกเขาสั่นสะท้านแล้ว แต่ตอนนี้ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะผู้นี้กลับทำท่าเหมือนอยากถอยหนี เรื่องนี้ยิ่งทำให้พวกเขาทึ่งและตกใจมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว

ขณะที่ผู้สังเกตการณ์โดยรอบกำลังหวาดกลัวอยู่นั้น ผู้อาวุโสก็เริ่มหนีพร้อมส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไปด้วย

“จะหนีรึ” เมื่อชายชราล่าถอย หวังเป่าเล่อก็หรี่ตาและกระโจนตามไป ทันทีที่ชายหนุ่มพุ่งออกไป ประกายเย็นเยียบก็วาบเข้ามาในดวงตาของผู้อาวุโสผู้ที่กำลังหลบหลีก ความหวาดกลัวสลายหายไป ความอำมหิตพลันเข้ามาแทนที่ ร่างกายของเขาส่งเสียงระเบิดออกมา ก่อนที่ศีรษะที่สองและสามจะโผล่พ้นจากคอ ตามมาด้วยแขนอีกสี่ที่แทงทะลุจากลำตัว

เขากำลัง… เปิดเผยร่างที่แท้จริงของตระกูลไม่รู้สิ้นนั่นเอง ความจริงแล้วร่างนี้ควรมีสามหัวและหกแขน แต่แขนข้างหนึ่งเพิ่งถูกทำลายไป จึงทำให้ตอนนี้เขามีอยู่เพียงสามหัวและห้าแขนเท่านั้น!

“ผนึกไม่รู้สิ้น!” ทันทีที่ร่างที่แท้จริงปรากฏ ผู้อาวุโสก็หยุดอยู่กับที่ เขาสร้างผนึกฝ่ามือด้วยแขนห้าข้างที่เหลือ ศีรษะทั้งสามร้องคำรามก่อนชี้มือทั้งหมดไปยังหวังเป่าเล่อ ตอนนั้นเองแผนที่ดวงดาวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้อาวุโส แขนทั้งห้ากลายสภาพเป็นจักรภพ ศีรษะทั้งสามกลายเป็นดารานิรันดร์ จักรวาลขนาดย่อมที่อุบัติขึ้นนี้ทำให้สวรรค์และพิภพบิดเบี้ยว พลังการผนึกพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อในทันที!

ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก ภายในพริบตาผนึกก็ประทับลงบนกายหวังเป่าเล่อ แต่ในตอนที่พลังจากผนึกกำลังจะระเบิดนั้น ร่างของชายหนุ่มก็พลันหายไปเสียก่อน ร่างที่ถูกจองจำไว้เป็นเพียงร่างอวตารของเขา หาใช่ร่างจริงไม่!

ภาพที่เห็นทำให้ดวงตาของผู้อาวุโสหรี่ลง ร่างของเขาถอยหนีโดยฉับพลันแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว หมอกพลันอุบัติขึ้นจากความว่างเปล่าทางด้านขวาของชายชรา และร่างที่แท้จริงของหวังเป่าเล่อก็ก้าวออกจากความว่างเปล่าดังกล่าว ดวงตาของชายหนุ่มเอ่อท้นด้วยความต้องการสั่งหาร เกราะจักรพรรดิฉายแสงสว่างเรืองรองออกมา ขณะที่ชายหนุ่มพุ่งหมัดใส่ชายชรา

ความเร็วของเขาบวกกับการปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้ผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้นไม่มีเวลาพอจะเปลี่ยนเป้าหมายของผนึก เขาทำได้เพียงกู่ร้องขณะหันไปสร้างผนึกฝ่ามือด้วยแขนทั้งห้าเพื่อส่งพลังเทพออกไป มือสีดำปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อ หมายจะจับตัวชายหนุ่ม

“สลายไปเสีย!” หวังเป่าเล่อร้อง เขาไม่ได้ลดความเร็วลงแต่อย่างใด แต่กลับเร่งความเร็วขึ้นอีกเพื่อพุ่งเข้าปะทะ ทันทีที่ทั้งสองพุ่งเข้าชนกัน ชายหนุ่มก็สั่งให้โล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกายุบตัวลง เพื่อแลกกับพลังสะท้อนกลับเต็มพิกัด

ท้องฟ้าและพื้นดินสั่นสะท้าน เสียงดังกึกก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ทันทีที่โล่ยุบตัว พลังสะท้อนกลับทั้งหมดก็สาดใส่ร่างทั้งร่างของผู้อาวุโส ชายชราตัวสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ กระอักเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ ร่างกายเซถลาไปด้านหลังอย่างรุนแรง ใบหน้าซีดเผือด แต่หวังเป่าเล่อก็ยังคงกระโจนใส่อย่างไม่ลดละ เมื่อเห็นดังนั้นชายชราก็กัดลิ้นเพื่อให้ตนเองกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เลือดนั้นเปลี่ยนไปเป็นหมอกโลหิตที่กลายสภาพเป็นกระบี่สีแดงจำนวนมาก กระบี่โลหิตเข้าปัดป้องตัวเขาออกจากการโจมตีของหวังเป่าเล่อ จึงทำให้ผู้อาวุโสสามารถหนีออกไปได้รวดเร็วขึ้น

แต่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นชายที่โหดเหี้ยมทั้งกับศัตรูและตนเอง แม้กระบี่โลหิตจะทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายมหาศาล แต่ชายหนุ่มก็ยังกัดฟันพุ่งทะลุผ่านไป ปล่อยให้คมกระบี่เหล่านั้นกรีดแทงเนื้อของตนเองอย่างอิสระ ร่างของเขาถูกแทงเป็นแผลหลายจุดแม้จะมีเกราะจักรพรรดิปกป้องอยู่ก็ตาม ชายหนุ่มทะยานทะลุโล่กระบี่ พุ่งหมัดเข้าใส่หัวใจของผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้น

พลังของหมัดเมื่อรวมเข้ากับเกราะจักรพรรดิและพลังปราณของหวังเป่าเล่อ นั้นมากพอที่จะทำให้ผู้อาวุโสหัวใจล้มเหลวได้ แต่คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มก็ปล่อยพลังเทพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนออกมา และทำเพียงอุทานเบาๆ ดูเหมือนว่าชายชราจะสับเปลี่ยนความเสียหายที่หัวใจไปยังส่วนอื่นของร่างกาย ศีรษะข้างหนึ่งของเขาระเบิดออกมา ชายชราใช้แรงระเบิดนั้นในการพุ่งตัวหนีออกไปให้ไกลมากขึ้นอีก

เมื่อออกจากรัศมีการโจมตีได้เรียบร้อย ชายชราก็กระอักเลือดออกมายกใหญ่ พลังปราณลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาอาบเคลือบด้วยความตกใจ ขณะที่ปากส่งเสียงตะโกนก้องไปทั่วบริเวณ

“รอบ้าอะไรอยู่ มาช่วยข้าหนีเร็วเข้า!” ผู้อาวุโสยังคงถอยหนีอย่างไม่ลดละ

หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงเมื่อได้ยิน แต่ก็รีบสะกดความไม่พอใจไว้ และปล่อยความกระหายเลือดเข้ามาแทนที่ ชายหนุ่มไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตน แต่กลับพุ่งตามคู่ต่อสู้ไปโดยหมายเอาชีวิต

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท