องค์หญิงฉังผิงเอ่ยขัดวาจาของนาง “ได้อย่างไร สรงสามก็คือสรงสาม ครบรอบเดือนก็คือครบรอบเดือน พิธีไหนก็งดไม่ได้”
หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “เสด็จแม่ ความหมายของหม่อมฉันคือ พิธีครบรอบเดือนเราเชิญแค่เสด็จลุงเยี่ยนอ๋องและอาจารย์กับศิษย์พี่มาร่วมก็เพียงพอแล้ว สถานการณ์ในยามนี้ เมืองโยวโจวคงมีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกันอยู่ เกิดตอนนั้น…”
หากบอกว่ากลัวเป็นจุดสนใจและจัดเรียบง่าย องค์หญิงฉังผิงคงไม่ยอมอย่างแน่นอน ทว่ายามนี้บอกว่ากังวลว่าจะมีคนแฝงตัวเข้ามา องค์หญิงฉังผิงจึงไม่ต่อต้าน สำหรับองค์หญิงฉังผิงไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของหลานชายและหลานสาว เป็นเช่นนั้น องค์หญิงฉังผิงจึงเงียบไปเนิ่นนานก่อนจะพยักหน้า เอ่ย “เป็นอู๋สยาที่รอบคอบ ใครจะรู้ว่าเซียวเชียนเยี่ยเจ้าเด็กนั่นคิดจะทำอันใด ไม่ได้ องครักษ์ในเรือนเราควรมีเพิ่ม โดยเฉพาะเรือนของพวกเจ้า เยาเยากับอานอานอยู่กับพวกเจ้าด้วย”
หนานกงมั่วยิ้มหวาน “เสด็จแม่วางใจเป็นพอเพคะ อย่างอื่นไม่ต้องเอ่ยถึงเรือนชิงมั่วของเราล้วนแล้วแต่เป็นองครักษ์ยอดฝีมือขั้นหนึ่งกันทั้งนั้น อย่าว่าแต่มือสังหารในยุทธภพทั่วไปเลย ต่อให้เป็นมือสังหารจากวังหลวงก็ไม่แน่ว่าจะบุกเข้ามาได้” เดิมองค์หญิงฉังผิงก็เชื่อใจหนานกงมั่วอยู่แล้ว ได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้จึงวางใจลงไปมาก
“องค์หญิง พระชายาเยี่ยนอ๋องเสด็จมาเพคะ” ด้านนอก เสียงสาวใช้รายงานดังขึ้น
องค์หญิงฉังผิงเลิกคิ้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้สามมาแล้ว รีบเชิญนางเข้ามา”
ยังเอ่ยไม่ทันจบ พระชายาเยี่ยนอ๋องก็ปรากฏตัวตรงหน้าประตูแล้ว ยิ้มพลางเอ่ย “ไม่ต้องแล้ว ข้าเข้ามาแล้ว”
องค์หญิงฉังผิงยิ้ม เอ่ย “ไยพี่สะใภ้สามจึงมีเวลาว่างมาได้เล่า” พระชายาเยี่ยนอ๋องปรายตามองนางเล็กน้อย “เจ้าช่างมีบุตรชายบุตรสาวเพียบพร้อม นับตั้งแต่อู๋สยาตั้งครรภ์ก็เห็นเจ้าไปจวนเยี่ยนอ๋องเพียงไม่กี่ครั้ง เยาเยาอานอานคลอดแล้ว ก็ยิ่งลืมไปแล้วว่าประตูจวนเยี่ยนอ๋องเปิดทางใดหรือไม่” องค์หญิงฉังผิงปิดริมฝีปากยิ้ม เอ่ย “พี่สะใภ้สาม อีกไม่นานท่านเองก็จะได้อุ้มหลานแล้ว ไม่ต้องอิจฉาหม่อมฉันแล้ว”
ด้านหลังของพระชายาเยี่ยนอ๋องยังมีซุนเหยียนเอ๋อร์และจูชูอวี้ตามมาด้วย จูชูอวี้มองเห็นหนานกงมั่วจึงส่งยิ้มอ่อนหวานมาให้ ราวกับลืมเรื่องเมื่อหลายวันก่อนที่นางมาขอร้องหนานกงมั่วและถูกปฏิเสธไป แม้แต่หนานกงมั่วเองยังต้องยอมรับนับถือความอดทนของจูชูอวี้เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินคำขององค์หญิงฉังผิง พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงหันไปมองซุนเหยียนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง หัวเราะตามขึ้นมา
เจ้าบ้านและแขกนั่งประจำตำแหน่ง องค์หญิงฉังผิงยิ้ม เอ่ย “พรุ่งนี้พี่สามคงจะกลับมาแล้วหรือไม่” หลายวันก่อน เยี่ยนอ๋องไปตรวจการยังค่ายทหารที่เขตชายแดนนับวันแล้วพรุ่งนี้คงจะกลับมา
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า เอ่ย “คงจะกลับมาพรุ่งนี้ ก่อนไปยังกำชับให้ข้าช่วยเจ้าจัดการงานครบรอบเดือนของเยาเยาและอานอานด้วย ยามนี้ข้ามีเวลาว่าง จึงรีบมาถามเจ้ากับอู๋สยา” ระหว่างที่เอ่ย พระชายาเยี่ยนอ๋องก็ก้มลงไปมองทารกน้อยดวงตากลมโตทั้งสองในเปล ยื่นมือไปแกว่งไกวกระดิ่งเงินที่แขวนอยู่บนเปล ดวงตาของเด็กทั้งสองกลอกไปมาตามเสียงของกระดิ่ง
องค์หญิงฉังผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้สามมาได้พอดี หม่อมฉันกับอู๋สยาเองก็กำลังหารือกันเรื่องนี้ พวกเราตั้งใจจะจัดง่ายๆ ถึงยามนั้นครอบครัวเรามาทานข้าวร่วมกันก็พอแล้ว”
พระชายาเยี่ยนอ๋องหยอกล้อทารกน้อย พลางขมวดคิ้ว เอ่ย “เช่นนั้นได้เยี่ยงไร ครบรอบเดือนถือเป็นเรื่องใหญ่”
องค์หญิงฉังผิงเอ่ยเสียงเบา “ยามนี้มีเรื่องไม่น้อย พิธีสรงสามก็จัดยิ่งใหญ่ไปแล้ว ทั้งหมดนั่นก็เพื่อเด็กๆ เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ถึงยามนั้นจวินเอ๋อร์จะกลับมาจากกองทัพได้หรือไม่ก็ยังไม่อาจรู้ได้”
พระชายาเยี่ยนอ๋องขมวดคิ้วครุ่นคิด ท่านอ๋องสั่งมาแน่นอนว่านางต้องจัดการอย่างไร้ที่ติ แต่สิ่งที่ฉังผิงบอกก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล อีกด้านท่านอ๋องยังให้ความสำคัญกับเด็กสองคนนี้มาก อย่าว่าแต่จูเอ๋อร์บุตรีคนโตของเซียวเชียนชื่อจะเทียบไม่ได้ เกรงว่ารอให้ซุนเหยียนเอ๋อร์คลอดหลานชายเชื้อสายหลักให้ท่านอ๋องก็คงไม่ให้ความสำคัญเพียงนี้ แม้จะบอกว่าองค์หญิงฉังผิงเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเยี่ยนอ๋อง จวินมั่วเป็นหลานชายที่เยี่ยนอ๋องให้ความสำคัญที่สุด แต่การปฏิบัติแตกต่างราวฟ้ากับเหวเช่นนี้ ในสายตาของพระชายาเยี่ยนอ๋องที่เป็นแม่ไม่รู้สึกเสียใจคงเป็นไปไม่ได้
องค์หญิงฉังผิงเอ่ยเช่นนี้กลับทำให้พระชายาเยี่ยนอ๋องรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
องค์หญิงฉังผิงยิ้มพลางเอ่ย “พี่สะใภ้สาม จัดการเช่นนี้เถิด คงจะดีกว่าหากไม่จัดยิ่งใหญ่เกินไปเพคะ เพื่อความสิริมงคลมากขึ้น”
พระชายาเยี่ยนอ๋องถอนหายใจ เอ่ย “ช่างเถิด เดี๋ยวข้าจะกลับไปเอ่ยต่อเยี่ยนอ๋องก็พอ”
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ ยิ้มบาง เอ่ยว่า “หม่อมฉันรู้ว่าพี่สามรักและเอ็นดูเยาเยาและอานอาน แต่พวกเราที่เป็นย่าจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไม่ยุติธรรมได้หรือ”
รอพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงเอ่ยจบ ซุนเหยียนเอ๋อร์ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “เวลาเพียงไม่นานเด็กทั้งสองก็เติบโตเพียงนี้แล้ว พี่สะใภ้ ข้าขออุ้มเด็กๆ ได้หรือไม่เจ้าคะ”
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้แน่นอน พอดีเจ้าจะได้ฝึกเอาไว้ ถึงตอนนั้นจะได้ไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป”
ซุนเหยียนเอ๋อร์อุ้มเด็กหนึ่งคนขึ้นมา “นี่คืออานอานหรือเยาเยาเจ้าคะ”
หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “นี่คืออานอาน” นับตั้งแต่พบว่าเด็กทั้งสองหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ หนานกงมั่วก็นึกสนุก ชอบสวมเสื้อผ้าเล็กๆ หรือห่อผ้าอ้อมที่เหมือนกันให้เด็กทั้งสอง ทำให้คนอื่นๆ ยากที่จะแยกออกถึงตัวตนของเด็กแฝด แม้แต่องค์หญิงฉังผิงยังอุ้มผิดเป็นบางครั้ง เพียงแต่ดูเหมือนว่าหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วจะไม่มีความลำบากนั้น ดังนั้นคุณหนูใหญ่หนานกงมั่วจึงทำเรื่องนี้ได้โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย นางไม่ได้คิดที่จะสลับชุดชายหญิงให้กับเด็กๆ ทั้งสอง เกิดโตมาแล้วเด็กๆ เกิดปัญหาเรื่องเพศขึ้นมา นางจะร้องไห้ก็คงไม่ทัน ดังนั้นคิดจะเล่นสนุกได้ก็คงเป็นยามนี้ที่เด็กๆ ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว
คงเพราะตนเองกำลังจะเป็นแม่แล้ว ซุนเหยียนเอ๋อร์มองดวงตากลมโตของเด็กน้อยในอ้อมแขนรู้สึกชื่นชอบไม่น้อย ถ้าหาก…ลูกของนางเองก็น่ารักเช่นนี้…นึกมาถึงตรงนี้ หัวใจของซุนเหยียนเอ๋อร์ก็เต้นตุบตับอย่างแรงแทบกระเด็นออกมา
เห็นท่าทางของนาง องค์หญิงฉังผิงและพระชายาเยี่ยนอ๋องก็อดไม่ได้หัวเราะออกมา คนเคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น แน่นอนเข้าใจความรู้สึกของซุนเหยียนเอ๋อร์ กลับเป็นจูชูอวี้ที่นั่งนิ่งสงวนท่าทีอยู่ด้านข้างที่ไม่เข้าใจอย่างเห็นได้ชัด หนานกงมั่วบอกว่าจูชูอวี้มีความอดทน ความจริงแล้วจูชูอวี้นั้นมีความอดทนและทะนงตน อย่างเช่นนางดูหมิ่นซุนเหยียนเอ๋อร์และเฉินซื่อจึงไม่เคยมองพวกนางอยู่ในระดับเดียวกับตนมาตลอด แม้กระทั่งเผชิญหน้ากับเฉินซื่อก็ยังนิ่งสงบ อย่างเช่น ต่อให้ลูกของหนานกงมั่วน่ารักเพียงใด นางก็ไม่มีทางเข้าไปอุ้ม ต่อไปนางจะมีลูกเป็นของตนเอง ใครบอกกันเล่าว่าลูกของนางจะไม่น่ารักและฉลาดยิ่งกว่าลูกของหนานกงมั่ว
สำหรับความเย็นชาของจูชูอวี้ องค์หญิงฉังผิงและหนานกงมั่วกลับไม่รู้สึกว่ามีอันใด แม้ยามนี้จูชูอวี้จะเป็นลูกสะใภ้จวนเยี่ยนอ๋อง หลายวันมานี้คล้ายกับยังไม่เคยสร้างเรื่องอันใดเป็นพิเศษ แต่มีเรื่องก่อนหน้าที่จินหลิง จูชูอวี้อยู่ห่างจากเด็กทั้งสองสักหน่อยพวกเขายิ่งจะวางใจลงบ้าง
ในขณะที่กำลังพูดคุยหยอกล้อ สาวใช้พลันเดินเข้ามารายงาน “คุณชายเสียนเกอมาเจ้าค่ะ”
องค์หญิงฉังผิงอดยิ้มออกมาไม่ได้ เอ่ย “วันนี้มีแขกมาไม่ขาดเลย”