พอลู่เจียวกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็กล่าวต่อว่า “ข้ากำลังจะบอกเจ้าเรื่องหนึ่ง ตอนนี้เหลียงจื่อเหวินกำลังคลุ้มคลั่งขีดสุด หากไม่เหนือความคาดหมาย คืนนี้เขาต้องทนไม่ไหวคิดมาแก้แค้นข้า ดังนั้นข้าเป็นห่วงเจ้ากับลูกทั้งสี่”
“คืนนี้พวกเราแอบอุ้มเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปนอนที่ห้องริมประตูด้านหน้ากันเถอะ”
ลู่เจียวจ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “หมายความว่าอย่างไร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบกล่าวว่า “ข้ากลัวเขาให้คนมาวางเพลิงบ้านตระกูลเซี่ยเราคืนนี้”
“อะไรนะ”
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างตกใจ ถามว่า “เจ้ารู้ว่าเขาจะแก้แค้น ทำไม่แจ้งทางการ”
“ประเด็นสำคัญอยู่ที่เขายังไม่ได้ลงมือ แจ้งทางการตอนนี้ไม่มีหลักฐาน”
พอลู่เจียวคิดตามก็รู้สึกเป็นห่วงเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ขึ้นมาจริงๆ
“ได้ พวกเราอุ้มเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปนอนที่ห้องริมประตูด้านหน้ากัน”
ในห้องริมประตูด้านหน้าไม่มีเตียงและเครื่องเรือน ทั้งครอบครัวปูพื้นนอนกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวอุ้มลูกคนละสองคน ค่อยๆ ย่องเข้าไปในห้องริมประตูด้านหน้า
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ใช้แรงตอนกลางวันไปเยอะ กลางคืนจึงหลับสนิท ไม่รู้ว่าถูกบิดามารดาอุ้มไปที่อื่น
พวกหลี่หนานเทียนจัดแจงปูที่นอนในห้องริมประตูด้านหน้าเรียบร้อยแล้วก็พากันออกไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวพลางตำหนิตนเอง “เจียวเจียว ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องลำบาก”
ลู่เจียวมองเขา “เรื่องเกิดขึ้นแล้ว พูดเรื่องพวกนี้ทำไมกัน ขอเพียงทั้งครอบครัวอยู่ปลอดภัยก็พอแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือไปกุมมือลู่เจียว “เช่นนั้นพวกเราก็ทนกันสักคืน หากคืนนี้เหลียงจื่อเหวินไม่ลงมือ พรุ่งนี้ค่อยหาทางจัดการเขา”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย วางเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ลงนอน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบลงนอนเคียงข้างลู่เจียว ลู่เจียวมองเขาอย่างไร้วาจาจะกล่าว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบยิ้มเอ่ยว่า “ข้าอยากนอนคุยกับเจ้าเงียบๆ ไม่ส่งเสียงดังทำเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตื่น”
ลู่เจียวจะกล่าวอันใดได้ ได้แต่ปล่อยเขา และนางก็รู้สึกว่าตนเองก็นอนไม่หลับ คิดหาคนคุยอยู่เช่นกัน
พอทั้งสองคนล้มตัวลงนอน เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยื่นมือไปกุมมือลู่เจียวไว้
“เจียวเจียว เจ้าอย่าได้เป็นห่วง ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว นอกจากคนบ้านตระกูลเซี่ยเรารับหน้าที่เฝ้าบ้านทั้งหมดแล้ว ด้านนอกยังมีมือปราบจ้าวที่นำพวกมือปราบมาคอยเฝ้าไว้อีกด้วย”
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็โล่งอก
คิดถึงว่าหลี่เหวินปินชักนำเหลียงจื่อเหวินมาจัดการพวกเขาแล้ว ลู่เจียวก็ไม่พอใจคนผู้นี้ ถึงกับเกลียดเอาอย่างมาก
“ข้าคิดไม่ตกจริงๆ ว่าทำไมหลี่เหวินปินต้องทำร้ายเจ้า เขากับเจ้าไม่ได้มีความแค้นต่อกัน ทำไมต้องทำร้ายเจ้าด้วย”
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเย็นเยียบ “น่าจะมีเหตุผลที่พวกเราไม่รู้ ข้าต้องสืบให้ได้”
เสียดายที่เขาเชื่อใจอีกฝ่ายมาตลอด ปรากฏคนผู้นี้หลบซ่อนในที่ลับคอยลอบทำร้ายเขามาตลอด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เขาคิดว่าเจิ้งจื้อซิ่งทำร้ายเขา คิดว่าหลัวซินซื่อทำร้ายเขา คิดว่ามีแต่หลี่ เหวินปินที่จะไม่ทำร้ายเขา ปรากฏราวกับตบหน้าเขาฉาดใหญ่ เขาคิดไม่ถึงคนผู้นี้จริงๆ
แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว วันหน้าเขาต้องจับตัวหลี่เหวินปินมาจัดการให้ได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็พลันยื่นมือไปกอดลู่เจียวเอาไว้
ลู่เจียวคิดดิ้นหนีด้วยสัญชาตญาณ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับกดตัวนางไว้ไม่ให้ขยับ
“เจียวเจียว เจ้าอย่าได้กลัว ข้าจะปกป้องเจ้า ปกป้องลูกๆ เอง”
ลู่เจียวส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้าไม่กลัว ข้าเป็นคนที่ตายมาแล้วครั้งหนึ่งจะกลัวอันใด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบยกมือปิดปากลู่เจียว “อย่าพูดจาเหลวไหล รีบนอนได้แล้ว”
ลู่เจียวซุกอยู่ในอ้อมกอดเขาได้ครู่หนึ่งก็หลับไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่นอน ก้มหน้าลงมองภรรยาคนงามที่นอนอยู่ในอ้อมกอดตน กับลูกน้อยข้างๆ พลันรู้สึกว่าไม่ว่าลำบากจนต้องกินผักกลืนเปลือกข้าว ขอเพียงมีพวกเขาอยู่ด้วย ทุกคนก็คือแสงสว่างแห่งความสุขที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
ดึกดื่นเที่ยงคืน คนบ้านตระกูลเซี่ยต่างตกสู้ห้วงนิทรา เงาร่างหลายคนค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น มีคนไปปล่อยยาสลบอยู่ต้นลมของบ้านตระกูลเซี่ย
หลังหมอกควันสลายไป เงาร่างหลายร่างก็ตรงเข้าไปในบ้านตระกูลเซี่ย เรือนด้านหลังตระกูลเซี่ยเกิดไฟไหม้ขึ้นทันที แต่พอไฟเริ่มไหม้ก็มีคนในบ้านตระกูลเซี่ยเคลื่อนไหว หลายเงาพุ่งเข้าหาคนชุดดำ
กลางคืนดึกดื่น เสียงต่อสู้ดังกระจ่างชัด
พวกลู่เจียวหลับอยู่ในห้องริมประตูด้านหน้า ดังนั้นไม่โดนควันยาสลบ แต่เสียงต่อสู้กันที่เรือนด้านหลังทำให้พวกเขาตื่น ไม่เพียงแต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวตื่น แม้แต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ตื่น
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่สีหน้าตกใจ ตอนลืมตาขึ้นมาสีหน้ายิ่งแตกตื่น รู้ทันทีว่าตนเองนอนอยู่ที่อื่น ทำไมพวกเรามานอนกันอยู่บนพื้นได้
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่สะลึมสะลือถามขึ้น “พวกเรามานอนอยู่ที่ไหนกัน”
“ที่นี่คือที่ไหน”
“เหมือนมีคนทะเลาะกัน”
“ทำไมสว่างจัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ยินเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ก็รีบเอ่ยว่า “ไม่ต้องกลัว ท่านพ่อกับแม่อยู่นี่”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่หันไปเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็สบายใจ
สี่หนูน้อยขยับตัวเข้าใกล้ผู้ใหญ่สองคน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “พวกเจ้าอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน พ่อออกไปดูหน่อย”
ลู่เจียวนึกเป็นห่วงเขา แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นหัวไว แต่เขาไม่เป็นวิชายุทธ์ หากเจอกับลูกน้องที่เหลียงจื่อ เหวินส่งมาอาจทำให้บาดเจ็บได้
“เจ้าอย่าเพิ่งออกไปตอนนี้”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ข้างนอกน่าจะใกล้จบแล้ว ข้าออกไปตรวจดูหน่อย”
ลู่เจียวคิดแล้วก็ตามใจเขา “ได้ ระวังหน่อย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นลุกขึ้นออกไป ลู่เจียวปลอบใจเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “อย่ากลัว คืนนี้ครอบครัวเรามีโจรบุกเข้ามา พ่อเจ้าจัดคนเฝ้าไว้แล้ว พวกเราจะไม่เป็นไร”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูก็มีเสียงหลี่หนานเทียนดังขึ้น “คุณชาย พวกเราดับไฟแล้ว จับตัวโจรวางเพลิงได้สองคน ทำตามที่คุณชายบอกแล้ว งัดปากพวกเขาไว้ไม่ให้ปลิดชีวิตตนเอง”
ครั้งก่อนคนที่คิดจับตัวลู่เจียวพวกนั้นพอตกอยู่ในมือลู่เจียวก็เลือกปลิดชีวิตนเองทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสงสัยคนพวกนั้นมีคนในครอบครัวอยู่ในมือคนสี่ตระกูลใหญ่ ดังนั้นขอเพียงตกอยู่ในมืออีกฝ่ายก็จำต้องปลิดชีวิตตนเอง
ครั้งนี้เขาสั่งให้พวกหลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากง ทันทีที่จับตัวคนวางเพลิงได้ก็ให้งัดปากพวกเขาไว้ ไม่ให้พวกเขาปลิดชีวิตตนเอง
นอกประตู เสียงเซี่ยอวิ๋นจิ่นเย็นเยียบราวกับน้ำค้างแข็งดังแว่วเข้ามา “ดีมาก รีบส่งตัวไปที่ว่าการอำเภอ ข้าจะไปดูสักหน่อยว่าเป็นผู้ใดบงการให้พวกเขามาฆ่าคนวางเพลิง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบ ลู่เจียวก็ก้าวออกมาเรียก “เซี่ยอวิ๋นจิ่น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียว ลู่เจียวส่งยาให้เขาห่อหนึ่ง กระซิบว่า “ยานี้ทำให้คนจิตใจรุ่มร้อนไม่เป็นสุข เจ้าให้โจรพวกนั้นกินลงไป เชื่อว่าพวกเขาจะต้องพูดออกมาแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็ค่อยไปจับเหลียงจื่อเหวินที่บงการพวกเขา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็รับมาอย่างดีใจ “ขอบคุณเจียวเจียว”
ลู่เจียวส่ายหน้ากำชับเขาว่า “เจ้าระวังตัวด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย ถือห่อยาเดินตามมือปราบจ้าวจับตัวคนร้ายไปส่งที่ว่าการอำเภอ นายอำเภอหูได้รับรายงานก็รีบเบิกตัวไต่สวนกลางดึก หลังโจรกินยาเซี่ยอวิ๋นจิ่นลงไปก็จิตใจรุ่มร้อนไม่เป็นสุขขึ้นมาทันที ไม่เพียงแต่ด่าทอเหลียงจื่อเหวิน ยังบอกว่าเหลียงจื่อเหวินบงการให้พวกเขาฆ่าคนวางเพลิง
หากพวกเขาไม่ทำ ภรรยาและลูกน้อยที่บ้านก็จะถูกฆ่า พวกเขาได้แต่ทำตามคำสั่ง
พอฟ้าเริ่มสาง เหลียงจื่อเหวินก็ถูกคนจับกุมตัวจากบ้านตระกูลเหลียงมายังโถงที่ว่าการอำเภอ