“เล่นกับใจคนมากไปแล้ว แม่งเอ๊ย”
อีอูยอนเสยผมที่ยุ่งไม่เป็นทรงขึ้นไปก่อนจะกัดฟันพูดพึมพำ ดอกไม้ของช่อดอกไม้เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งไปเรียบร้อยแล้ว คิมคังอูมองดอกไม้ที่น่าเสียดาย แล้วก็ต้องหันหน้ากลับไปเพราะสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมา
“กุญแจรถ”
“ครับ?”
“อย่าให้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง”
“สะ เสียบอยู่ในรถครับ”
อีอูยอนเปิดประตูฝั่งที่นั่งคนขับ และโยนช่อดอกไม้ที่มีดอกไม้เหลืออยู่แค่ครึ่งเดียวไปตรงที่นั่งข้างคนขับ
“คุณนักแสดงจะไปไหนครับ”
พออีอูยอนกำลังจะขึ้นรถ คิมคังอูก็เอ่ยถามด้วยความตกใจ พิธีมอบรางวัลกำลังดำเนินอยู่ ถ้าหากว่าไม่มาเข้าร่วมตั้งแต่แรกก็ว่าไปอย่าง แต่การที่ผู้เข้าชิงรางวัลที่คาดว่าจะชนะรางวัลหายไประหว่างงานเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ไปตอนนี้ไม่ได้นะครับ”
บางทีอาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดในการออกอากาศได้
“ก็ต้องไม่ได้อยู่แล้วล่ะครับ”
อีอูยอนตอบกลับอย่างง่ายดาย โชคดีที่ยังพูดรู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องงาน…
“เพราะฉะนั้น ถ้าคุณรั้งชเวอินซอบไว้ได้ ก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอกครับ”
…โชคไม่ดีแล้วล่ะ เขาพูดไม่รู้เรื่องแล้ว คิมคังอูรู้สึกเหมือนพูดอยู่กับกำแพง และตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ผะ ผมไม่รู้ว่าจะต้องรั้งไว้ ขอโทษครับ”
อีอูยอนเมินคำขอโทษของคิมคังอู และขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งของคนขับรถ เสียงสตาร์ทรถยนต์ทำให้คิมคังอูพยายามเกาะกระโปรงหน้ารถไว้เป็นครั้งสุดท้าย
“ผมจะไปตามหาให้เองครับ เพราะฉะนั้นคุณนักแสดงกลับไปข้างใน…”
อีอูยอนเบนสายตา แล้วคิมคังอูก็ได้รู้ถึงความจริงที่ว่าผู้ชายคนนี้คงจะผลักตนออกไปให้พ้นทางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
พอคิมคังอูค่อยๆ ถอยไป อีอูยอนก็หมุนพวงมาลัย
“คุณนักแสดง!”
คิมคังอูที่เพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้เอ่ยเรียกอีอูยอนไว้ ใบหน้าของอีอูยอนเต็มไปด้วยความรำคาญ และแววตาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจที่ว่าถ้าเรียกอีกครั้ง สาบานเลยว่าฉันจะขับรถชนนายแน่ๆ
“มีเรื่องที่ผมเพิ่งนึกออกครับ ละ ลองไปที่สนามบินดูสิครับ”
“สนามบินเหรอ”
แววตาของอีอูยอนสั่นไหว และมีสีหน้าเหมือนกับได้ยินคำพูดที่ไม่ควรจะได้ยิน คิมคังอูอธิบายต่ออย่างตะกุกตะกัก
“เพราะวันนี้ฮยองนิมเอากระเป๋าเดินทางมาด้วยน่ะครับ อีกอย่างวันนี้พี่เขยคนที่สองก็ให้ตั๋วเครื่องบินไปด้วย…”
เขาเผลออ่านข้อความอย่างไม่ได้ตั้งใจในตอนที่เก็บซองให้ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหน้านี้ อีอูยอนที่ได้ยินคำอธิบายถอนหายใจเบาๆ
“พอแล้วครับ ยังไงคุณอินซอบก็ไม่มีพาสปอร์ตอยู่ดี”
“พี่เขยเขาให้พาสปอร์ตไปด้วยครับ…”
“หมายความว่าเหี้ยอะไร!”
เป็นเรื่องที่ต้องพ่นคำว่าเหี้ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำขนาดนั้นเลยเหรอ
คิมคังอูเหงื่อแตก และเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่บางเบาว่า “เป็นสำเนาครับ”
“จะไปมีสำเนาพาสปอร์ตได้ยัง…”
อีอูยอนนึกถึงความจริงที่เขาส่งสำเนาของเอกสารยืนยันตัวตนให้ทางบริษัทเพราะปัญหาเรื่องเงินเดือนของอินซอบขึ้นมาได้ และดูเหมือนมันว่าจะเป็นสำเนาพาสปอร์ตเสียด้วย
“…”
อีอูยอนขบฟัน ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาจนทำให้เขาหน้ามืดตามัว การที่อินซอบปิดโทรศัพท์หนีไปเฉยๆ เป็นปัญหาที่ต่างกับการทิ้งเขากลับไปที่อเมริกาอย่างสิ้นเชิง แม้คำถามที่ว่า “ทำไมกันแน่” จะยังไม่ออกไปจากหัว แต่เขาต้องตามหาชเวอินซอบก่อนเป็นอันดับแรก
“ถ้าคุณอินซอบติดต่อมา ก็ลองถามดูนะครับว่าเขาอยู่ที่ไหน และถ้าเขาโผล่มา ก็จับเขาไว้โดยไม่ต้องสนวิธี”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
คิมคังอูเอ่ยตอบด้วยท่าทีที่เหมือนกับเข้ารับการฝึกทหารทันที และอีอูยอนก็ขับรถจากไปทั้งๆ แบบนั้น
“เฮ้อ…”
คิมคังอูถอนหายใจ และทรุดนั่งลงกับที่
ช่วงเวลาที่เป็นดั่งลมมรสุมได้ผ่านไปแล้ว ขาของเขาสั่นระริก และยังคงไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าตัวเองเพิ่งได้เห็นอะไรไป อีอูยอน อีอูยอนที่ยอดเยี่ยมคนนั้นด่าและไม่พูดแบบทางการอย่างนั้นเหรอ…
และกุหลาบที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็ช่วยบอกให้รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ใช่ฝัน
“นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะเป็นแบบนี้สิ”
ความคิดที่ว่าควรจะบอกสถานการณ์ในตอนนี้ให้พี่เขยคนแรกทราบทำให้ให้คิมคังอูรีบลุกขึ้น เขาค้นกระเป๋าเพื่อที่จะหาโทรศัพท์มือ และแล้วก็ได้รู้ความจริงว่าอีอูยอนหายไปพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของตน
“จะให้รับโทรศัพท์จากฮยองนิมได้ก็ต้องทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ให้สิครับ”
เขาตั้งใจจะหาโทรศัพท์สาธารณะ และหันหน้าไปทางที่อีอูยอนหายไป
ปกติแล้วต้องโมโหกับการที่ผู้จัดการส่วนตัวหายไประหว่างพิธีมอบรางวัลขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงขนาดที่ต้องวิ่งออกไปกลางงานเลยเนี่ยนะ อีกฝ่ายไม่ได้ฮุบเงินไป แถมยังทิ้งเงินของตัวเองไว้ให้ด้วยไม่ใช่หรือไง
…ถ้าถูกจับได้ ฮยองนิมจะปลอดภัยหรือเปล่า
คิมคังอูเสียวสันหลังวาบ แม้ความรู้สึกผิดที่ตนได้บอกความจริงที่ไม่จำเป็นออกไปจะถาโถมเข้ามาราวกับคลื่น แต่รถคันนั้นก็ได้จากไปแล้ว
***
“วันนี้เป็นวันแรกในบ้านหลังใหม่ของนักเรียน ขอให้หลับฝันดีนะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อมาได้”
“ครับ ขอบคุณมากครับ กลับดีๆ นะครับ”
อินซอบถอนหายใจยาวหลังจากที่นายหน้าออกไปและประตูถูกปิดลง พอได้มายืนอยู่คนเดียวในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแล้ว เขาถึงได้รับรู้ถึงความเป็นจริง
หลังจากอีอูยอนออกจากห้องพักรับรองไป ตนก็ร้องไห้อยู่สักพัก และข้อสรุปที่ได้หลังจากที่ร้องไห้จนปวดหัวก็คือเขาต้องจัดการตัวเองก่อน
อีอูยอนบอกว่าไม่เคยไปเจอแชยอนซอ โกหกว่าต้องไปทำงานที่ถูกยกเลิกไปแล้ว แสดงปฏิกิริยาเย็นชาใส่ตนที่ทำเรื่องเสียมารยาทกับแชยอนซอ ย้ายบ้านอย่างกะทันหันไปอยู่ในละแวกเดียวกันกับที่แชยอนซออาศัยอยู่ และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแววตาและคำพูดที่เย็นชาขึ้นในช่วงนี้ ทุกอย่างส่งผลให้เกิดข้อสรุปเพียงข้อเดียว
เขาคิดว่าอีกฝ่ายโกรธ แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น ก็แค่ความรู้สึกของอีกฝ่ายจืดจางลงเท่านั้นเอง เขากลับมาสู่ความเป็นจริงหลังจากที่การคบกันที่เหมือนกับฝันจบลง
ความเศร้าปรากฏในดวงตาสีดำของอินซอบ
‘ไว้ผมจะกลับมาคุยด้วยนะครับ ผมก็มีเรื่องที่อยากคุยกับคุณอินซอบพอดี’
เขานึกถึงคำพูดที่อีอูยอนบอกกับตนขณะที่ออกจากห้องพักรับรอง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโยนบทตัวร้ายให้อีอูยอนไปดื้อๆ
เขาควรจะยื่นซองให้เองพร้อมกับเอ่ยขอโทษ และจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น ไม่สิ เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ต่างหาก ตอนนี้เขายังไม่มีความกล้าพอที่จะสบตาอีอูยอน และทำตัวนิ่งๆ เป็นผู้ใหญ่
สุดท้ายเขาก็ยื่นซองให้คิมคังอู และลากกระเป๋าเดินทางออกไปข้างนอก หลังจากที่นั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์สักพัก เขาก็ได้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีที่ไป
เขาโทรศัพท์ไปหานายหน้าอสังหาริมทรัพย์อย่างกะทันหันและนัดหมายได้อย่างง่ายดาย แม้เจ้าของบ้านจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างที่นายหน้าพูด แต่ก็ไม่ใช่คนที่ซับซ้อน พอเห็นหน้าอินซอบ เขาก็พยักหน้าและชวนให้ทำสัญญา แม้จะบอกว่าเขามีแค่สำเนาเอกสารยืนยันตัวตนเท่านั้น แต่เจ้าของบ้านก็ไม่ได้ใส่ใจ
พอเขาต่อสายหาบริษัทรับขนของย้ายบ้าน และถามว่าจะสามารถรับของได้ตอนไหน ก็ได้คำตอบว่าสามารถรับตอนนี้ได้เลย การทำสัญญาและการย้ายบ้านสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับตอนที่โดนไล่ออกมาจากบ้าน
อินซอบมองไปรอบๆ บ้านที่มีกล่องวางไว้ทั่วทุกที่ นี่เป็นบ้านที่ดีและสะอาดสะอ้าน เจ้าของบอกบอกว่าถ้าไม่ค้างค่าเช่าบ้าน ก็สามารถอยู่ได้เท่าที่อยากอยู่ และย้ายออกในตอนที่อยากย้ายได้ แม้จะหาบ้านที่คาดหวังถึงขนาดนั้นได้ แต่เขากลับไม่ดีใจเลยสักนิด เพราะที่นี่น่าจะกลายเป็นจุดสิ้นสุดการใช้ชีวิตในเกาหลีของเขา
ต้องบอกพ่อแม่ว่าอะไร แล้วต้องทำยังไงกับเรื่องมหาวิทยาลัย ถ้าอยากพาจอห์นกลับอเมริกาไปด้วยก็ต้องเตรียมตัว อีกอย่างเรายังไม่สามารถตอบแทนบุญคุณคุณยุนอารึมกับครอบครัวของเธอ รวมไปถึงหัวหน้าทีมชาได้อย่างเหมาะสมเลย…
น้ำตาของเขาเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง อินซอบรีบเช็ดน้ำตา และถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก
การขยับตัวในตอนที่รู้สึกเหงาใจเป็นวิธีที่ดีที่สุด อินซอบเปิดหน้าต่างและเริ่มทำความสะอาด หลังจากใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงปัดกวาดเช็ดถู เขาก็แกะกล่องออกตามแต่มือจะพาไป
“…”
อินซอบพูดไม่ออก ทำไมท่ามกลางกล่องมากมาย เขาต้องแกะกล่องที่ใส่ข้อมูลของอีอูยอนไว้ออกมาด้วย ทั้งหมดเต็มไปด้วยอีอูยอน ทั้งนิตยสารที่ลงบทสัมภาษณ์ของอีอูยอน ทั้งแผ่นพับ โปสเตอร์ และ DVD ของภาพยนตร์ที่อีกฝ่ายแสดง
อินซอบปิดกล่อง
ไว้ค่อยมาจัดการกล่องนี้ก็แล้วกัน
โชคดีที่พอเปิดกล่องที่อยู่ข้างๆ ออกแล้วเห็นเป็นเครื่องครัว อินซอบยกกล่องไปวางไว้หน้าอ่างล้างจาน และเริ่มจัดของ อินซอบที่ซ้อนหม้อไว้ตามขนาดบนชั้นวางของเจอกระทะโลหะใบใหญ่ และชะงักมือ
มันคือกระทะที่อีอูยอนยื่นให้อย่างกะทันหันในวันหนึ่ง เขายิ้มราวกับหลุดออกมาจากโฆษณายาสีฟัน และเอ่ยตอบคำถามที่ตนถามว่าจะเอาสิ่งนี้ไปใช้ที่ไหนว่า
‘ถ้ามีขโมยเข้ามา ก็ใช้เจ้านี่ฟาดนะครับ ถ้าเป็นหัวกบาลทั่วไปก็คงแตก จะลองฝึกดูไหมครับ’
อินซอบตกใจและส่ายหน้า สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ใช้กระทะใบนี้เลยสักครั้ง อินซอบมองกระทะอย่างเหม่อลอย และยกขึ้นไปวางบนอ่างล้างจาน พอถ้วยชามที่อีอูยอนเคยใช้โผล่มาตรงก้นกล่อง อินซอบก็ลุกขึ้น
จัดเสื้อผ้าก่อนดีกว่า
การหากล่องเสื้อผ้าเป็นไปอย่างง่ายดาย เขาแกะกล่องที่ใหญ่ที่สุดออก มันคือกล่องที่ใส่เสื้อผ้าฤดูหนาวเอาไว้ อินซอบครุ่นคิด เนื่องจากไม่รู้ว่าจะไปจากที่นี่ตอนไหน เขาจึงไม่แน่ใจว่าการเอาเสื้อผ้าฤดูหนาวออกมาด้วยเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือเปล่า หลังจากลังเลอยู่สักพัก เขาก็หยิบเสื้อออกมาใส่ไม้แขวนเสื้อทีละตัว แม้ต้องทำงานสองครั้ง แต่การจัดเรียงทุกอย่างไว้ก่อนน่าจะเป็นการดีกว่า
เขาแขวนเสื้อซ้อนๆ กัน และอะไรบางอย่างที่ซ้อนอยู่กับเสื้อโค้ตก็ตกลงบนพื้น เป็นผ้าพันคอแคชเมียร์สีดำ อินซอบหยิบผ้าพันคอนั้นขึ้นมา
วันที่หิมะตกหนักเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาวปีที่แล้ว รถของพวกเขาต้องถูกลากไป เพราะยางเกิดรั่วในระหว่างที่กลับมาจากการดูภาพยนตร์รอบดึก ท่ามกลางพายุหิมะที่ตกลงมาอย่างกะทันหัน พวกเขาทั้งคู่ไม่สามารถเรียกแท็กซี่ได้ และต้องเดินกลับบ้านในที่สุด อีอูยอนแกะผ้าพันคอที่ตัวเองพันอยู่ออก และพันให้กับอินซอบที่ขี้หนาวเป็นพิเศษ แม้อินซอบจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจว่าไม่เป็นไรอยู่หลายครั้ง แต่อูยอนก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
จากนั้นก็
‘ไม่เป็นไรครับ ผมทำให้ เพราะอยากแกะของขวัญ’
เขาพูดแบบนั้นพร้อมกับพันผ้าพันคอให้เป็นรูปโบ แม้จะรู้ว่าต้องคืนในสักวัน แต่ก็ไม่สามารถคืนให้อีกฝ่ายได้ เขาอยากเก็บมันเอาไว้ เพราะชอบที่รู้สึกว่าได้รับความรักจากอีกฝ่าย อินซอบพับผ้าพันคออย่างดี และวางไว้ที่ด้านหนึ่งของตู้เสื้อผ้า หลังจากเจอเสื้อผ้าที่อีอูยอนถอดทิ้งไว้ประมาณห้าตัวในกล่องเสื้อผ้า อินซอบก็เลิกจัดเสื้อ
“เฮ้อ…”
อินซอบนอนราวกับล้มลงบนเตียง ที่นอนเย็นๆ สัมผัสกับแก้ม เพราะยังไม่ทันได้ปูเตียง เขารู้สึกถึงความหนาวราวกับตัวร้อน ขณะที่คิดว่าควรไปหาผ้าปูที่นอนดีไหม เขาก็ล้มเลิกไปกลางคัน เพราะแม้แต่ผ้าปูนั้นก็เป็นที่นอนที่อีอูยอนสั่งมาให้ด้วยเช่นกัน อีกฝ่ายให้ความสำคัญกับผ้าปูที่นอนมาก เพราะเจ้าตัวมักจะนอนโดยไม่ใส่เสื้อผ้า
ไม่มีของที่ไม่เกี่ยวข้องกับอีอูยอนเลยแม้แต่อย่างเดียว วิถีชีวิตในเกาหลีของเขาคืออีอูยอน
ดวงตาที่ปิดอยู่ปูดบวมและอุ่นร้อน แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม