รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 232 ท่านเซียนให้ข้ามาที่นี่ บางทีอาจมีความนัยอย่างอื่น!

บทที่ 232 ท่านเซียนให้ข้ามาที่นี่ บางทีอาจมีความนัยอย่างอื่น!

บทที่ 232 ท่านเซียนให้ข้ามาที่นี่ บางทีอาจมีความนัยอย่างอื่น!

มารดาเจ้าสิ!

มังกรดำหัวฟัดหัวเหวี่ยง จมูกแทบมีไฟพ่นออกมา ปากส่งเสียงคำรามไม่หยุด!

ร้ายกาจยิ่งนัก สมบัติล้ำค่ากองพะเนินถูกพวกหยวนอีเก็บกลับไปกว่าครึ่งในชั่วพริบตา ว่องไวกันสุด ๆ!

หัวใจของมันกำลังหลั่งเลือด หลั่งอย่างหยุดไม่อยู่ด้วย!

สิ่งเหล่านี้คือสมบัติล้ำค่าที่มันใช้เวลารวบรวมมาทั้งชีวิต!

ทุกอย่างในนี้ล้วนเป็นของโปรดของมัน!

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

สองตาของมังกรดำแดงก่ำยิ่ง มันโมโหจนแทบสติหลุด พลังทั้งหมดในกายทะลักออกมา ก่อนจะบุกเข้าไปหาพวกหยวนอีอีกครั้ง!

แต่ไม่ว่ามันจะระเบิดพลังอย่างไร ก็พุ่งเข้าไปไม่ได้!

กระบี่หยกเปล่งประกาย ปราณกระบี่ดุดันทิ่มแทง ขวางทางมันไว้สนิท จนมันไม่สามารถพุ่งเข้าไปได้!

มันทั้งเดือดดาล ขณะเดียวกันก็หวาดกลัวอยู่ในใจ!

เป็นไปได้อย่างไรกัน?

เด็กสาวขอบเขตต่ำต้อยเยี่ยงนี้ เหตุไฉนถึงมีพลังมากมายไว้ใช้อานุภาพจากกระบี่หยกอันแกร่งกล้าเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง

มันคิดไม่ตกเลย!

ที่กระบี่หยกเล่มนี้มีแสนยานุภาพประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ พลังที่ใช้กับกระบี่หยกย่อมมีการเผาผลาญสูง มิใช่ระดับที่ขอบเขตอย่างหยวนอีจะรับไหว!

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าใช้อย่างต่อเนื่องมานานขนาดนี้!

ทว่าหยวนอีกลับทำได้สบาย ไม่ฝืนกำลังแม้แต่น้อย ประหลาดยิ่งนัก มันคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก!

กระบี่หยกกับหยวนอี…มิได้ธรรมดาอย่างที่มันคิดแน่!

และความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น

กระบี่หยกมิใช่ศาสตราธรรมดาทั่วไป หากถูกแกะสลักโดยหลี่จิ่วเต้าแล้ว ย่อมไม่อาจวิเคราะห์ด้วยกฎเกณฑ์ปกติ

การที่หยวนอีใช้พลังจากกระบี่จะไม่เข้าไปผลาญพลังในตัวของนางเอง อานุภาพที่กระบี่หยกสำแดงออกมาล้วนมาจากแก่นพลังภายในของกระบี่หยก

ต่อให้หยวนอีใช้กระบี่หยกไปอีกนานเท่านาน หยวนอีก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ซ้ำยังไม่มีทางเผาผลาญพลังมากจนร่างกายรับไม่ไหว

“พวกเจ้าช่วยเป็นคนดีหน่อยเถิด เหลือไว้ให้ข้าสักนิด ข้าขอร้องพวกเจ้าล่ะ!”

สุดท้ายมังกรดำก็ร่ำไห้ ร่ำไห้ใหญ่โต น้ำตาไหลพรากสุด ๆ

สิ่งที่โปรดปรานที่สุดของเผ่ามังกรคือการสะสมสมบัติล้ำค่า นี่แทบจะเป็นเรื่องที่สลักเข้าไปในกระดูกดำของเผ่ามังกรทุกตัว!

ต้องมาเห็นสมบัติล้ำค่าที่มันรวบรวมทั้งชีวิตอย่างลำบากลำบน ถูกพวกหยวนอีเก็บเอาไปง่าย ๆ เช่นนี้ ทรมานยิ่งกว่าฆ่ามันเสียอีก แทบจะเป็นการเฉือนเนื้อมันออกไปทีละนิดเลยด้วยซ้ำ!

“เหลือไว้ให้สักนิด? ได้สิ เจ้าบอกข้ามาก่อนว่าเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่”

หยวนอีชะงัก ก่อนจะหันไปมองมังกรดำพลางกล่าว

“เจ้าพูดเรื่องอะไร เหตุใดข้าถึงฟังไม่รู้เรื่อง!”

สีหน้ามังกรดำเปลี่ยนไปเล็กน้อย หยวนอีตงิดใจเรื่องใดขึ้นมาหรือ?

“มังกรที่มีชีวิตอยู่ดี ๆ กลับถูกลือว่าตายไปแล้ว ข้าอยากรู้เหลือกันว่าข่าวลือเช่นนี้มาจากที่ใด…”

หยวนอีจ้องมังกรดำ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อีกอย่าง นับแต่โบราณกาลมา ดินแดนของเผ่ามังกรถือเป็นแดนต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ผู้ใดหาญกล้าเข้าใกล้แดนมังกรย่อมต้องเจอกับโทสะของเผ่ามังกร ตายโดยไร้ที่ฝัง! ข้าอยากรู้นักว่าเหตุใดสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนเกาะมังกรยังอยู่รอดมาได้จนถึงป่านนี้ เจ้าถูกจองจำอยู่ในโพรงมังกรแห่งนี้ ออกไปไม่ได้หรือ?”

นางเว้นจังหวะนิดหน่อย นัยน์ตาเป็นประกายเจิดจ้า “ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดเจ้าถึงอยู่มาได้นานขนาดนี้ ต่อให้เผ่ามังกรมีอายุขัยยืนยาวเพียงใด ก็ไม่พอให้เจ้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงบัดนี้กระมัง!”

นางเฉลียวฉลาด ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำมากกว่านี้ และต้องมีแผนร้ายบางอย่างแอบแฝงอยู่ภายในแน่นอน!

หลังจากถามออกไปสามคำถาม หัวใจของมังกรดำพลันเต้นโครมครามอย่างรุนแรง

มันคิดไม่ถึงว่าหยวนอีจะมีไหวพริบเยี่ยงนี้!

“ช่างเถิด พวกเจ้าไปเสีย นำสมบัติล้ำค่าไปด้วย ข้าไม่เอาอะไรแล้ว!”

มังกรดำไม่ร้องขอสิ่งใดอีก

แม้ว่าสมบัติล้ำค่าจะสำคัญ ทว่าเรื่องบางเรื่องสำคัญยิ่งกว่าสมบัติล้ำค่า!

“ข้าอยากเห็นว่าข้างในนั้นมีอะไร!”

หยวนอีมองเข้าไปด้านใน ถึงแม้ที่นี่จะมีสมบัติล้ำค่ากองอยู่เต็มไปหมด กระนั้นที่นี่หาใช่ส่วนลึกที่สุดไม่ เพราะข้างในยังมีพื้นที่อีก

เมื่อครู่มังกรดำออกมาจากข้างในนั้น

นางรู้สึกว่าภายในนั้นต่างหากคือส่วนสำคัญอย่างแท้จริง บางทีนางสามารถหาคำตอบที่นางต้องการได้จากข้างในนั้น!

มีกระบี่หยกที่ท่านเซียนประทานให้ นางจึงอยากเข้าไปดูสักครา!

“เป็นไปไม่ได้!”

มังกรดำคำราม พร้อมกับเฝ้าอยู่ตรงนั้นด้วยทีท่าแน่วแน่!

หยวนอีไม่พูดจาอีก แต่รีดเร้นพลังจู่โจมเข้าไปด้วยกระบี่หยก หมายจะฝืนบุกเข้าไป

น่าเสียดาย มังกรดำตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมถอย มันเฝ้าอยู่ตรงนั้น นางจึงไม่อาจบุกเข้าไปได้

พลังทัดเทียมกัน มังกรดำทำอะไรนางไม่ได้ นางก็ทำอะไรมังกรดำไม่ได้

หมดสิ้นหนทางโดยแท้ นางได้แต่เก็บสมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่เหลืออยู่แล้วไปจากที่นี่

“ข้ายังต้องกลับมาอีก!”

หลังออกจากโพรงมังกร นางก็หันมองโพรงมังกรพลางกล่าว

นางแค่ทำอะไรมังกรดำไม่ได้ในตอนนี้เท่านั้น รอจนขอบเขตของนางและวิถีกระบี่ของนางยกระดับขึ้นเมื่อใด จนสามารถแสดงแสนยานุภาพที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ออกมาจากกระบี่หยก ทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิม และมังกรดำจักมิใช่คู่ต่อสู้ของกระบี่หยกอีกต่อไป!

นางไม่กลัวว่ามังกรดำจะหนีไปที่อื่น

เพราะเท่าที่คาดเดา มีความเป็นไปได้ว่ามังกรดำไม่อาจไปจากโพรงมังกรได้!

นึกถึงเมื่อครั้งพวกเขาเพิ่งเข้าไปในโพรงมังกร มังกรดำปรากฏตัว ถึงแม้จะไม่พอใจในขอบเขตของพวกเขาเท่าใด กระนั้นยังตั้งใจจะบีบบังคับรับพวกเขาเป็นทาส ให้พวกเขาอยู่รับใช้

หากมังกรดำออกจากโพรงมังกรได้ ไฉนเลยต้องทำเยี่ยงนี้?

บนเกาะมังกรมีสิ่งมีชีวิตมากมาย และสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต่างมีขอบเขตสูงส่ง มังกรดำจับสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมาเป็นทาสคอยรับใช้ไม่ดีกว่าหรือ?

ทว่ามังกรดำมิได้ทำเช่นนั้น

พอเดาได้ว่า ด้วยเหตุผลบางอย่าง มังกรดำไม่สามารถออกจากโพรงมังกรได้ แต่มังกรดำมีเรื่องบางอย่างที่อยากทำ เพราะอย่างนั้น ต่อให้มังกรดำไม่พึงใจในขอบเขตของพวกเขานัก ก็ยังต้องการเก็บพวกเขาไว้เป็นทาสรับใช้!

นัยน์ตาหยวนอีหรี่ลง “มังกรดำต้องการให้เราทำสิ่งใดกัน”

เรื่องที่มังกรดำต้องการให้พวกเขาทำ ย่อมเป็นเรื่องที่เพิ่งอยากทำในช่วงนี้ อย่างไรเสีย หากเป็นเรื่องที่อยากทำมานาน มังกรดำคงไม่ถึงขั้นสังหารจนสิ้น ปลิดชีพสิ่งมีชีวิตยอดฝีมือทุกตนที่เข้าไปในโพรงมังกรจนหมด!

ในอดีตมีสิ่งมีชีวิตยอดฝีมือบุกเข้าไปในโพรงมังกรมากมาย…

“เรื่องที่เพิ่งอยากทำเร็ว ๆ นี้หรือ…”

หยวนอีหันมองสิ่งแวดล้อมอันดีงามรอบ ๆ ทรัพยากรฝึกฝนระดับสูงกระจายอยู่เต็มไปหมด นางเอ่ยขึ้นอย่างใช้ความคิด “ข้าพอจะรู้แล้ว…”

“รู้แล้วรึ? ว่ามา!”

บิดาของหยวนอีกล่าว เขาเองก็อยากรู้เรื่องนี้มาก

“สิ่งแวดล้อมรอบโพรงมังกรไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงเลยในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา เหตุใดจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนแปลงไปล่ะ”

หยวนอีเอ่ย “ตอนที่พวกเราเข้าไปในโพรงมังกร มิได้เห็นซากศพโครงกระดูกใหม่ ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นซากศพเก่า สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใหม่ ๆ เข้าไปในโพรงมังกรมานานแล้ว…”

นางอธิบายข้อสันนิษฐานของนาง

“สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ โพรงมังกรสูงส่งน่าทึ่งถึงเพียงนี้ จักส่งผลใดเล่า หากข่าวนี้โพนทะนาไปทั่ว ย่อมมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมหาศาลกรูกันเข้ามา! ไม่ว่าอย่างไรสิ่งแวดล้อมที่นี่ก็น่าทึ่งจริง ๆ!”

หยวนอีกล่าวต่อ “ข้ามีเหตุผลพอให้สงสัยว่าทั้งหมดนี้เป็นความจงใจของมังกรดำ มังกรดำเห็นว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใหม่ ๆ เข้ามานาน จึงใช้วิธีการบางอย่างเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมรอบโพรงมังกร ดึงดูดสิ่งมีชีวิตให้มาที่นี่! จากนั้นย่อมต้องมีสิ่งมีชีวิตที่อดไม่ไหวอยากจะเข้าไปในโพรงมังกร…”

“เจ้าหมายความว่า ทั้งหมดนี้เป็นแผนของมังกรดำ ข่าวลือเรื่องศพมังกรก็เป็นการแพร่งพรายโดยความตั้งใจของมังกรดำเอง เพื่อดึงดูดให้สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เข้าไปในโพรงมังกรให้เขาได้เข่นฆ่า!?”

บิดาของหยวนอีเอ่ยพร้อมกับสายตาไหวระริก

“น่าจะเป็นเช่นนั้น!”

หยวนอีพยักหน้า “มังกรที่มีชีวิตอยู่ดี ๆ ไยจึงถูกลือออกไปว่าตายแล้ว กลายเป็นศพมังกร? หากเรื่องเหล่านี้มิใช่ความจงใจของมังกรดำ ข้าไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่…”

เมื่อตรึกตรองดูดี ๆ จุดน่าสงสัยในเรื่องนี้มีอยู่มากมาย มังกรดำไม่มีปัญหาสิแปลก!

“แต่…เพื่อสิ่งใดล่ะ”

บิดาของหยวนอีถามอย่างไม่เข้าใจ

ดึงดูดให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นเข้าไปในโพรงมังกรส่งผลดีอย่างไรต่อมังกรดำ

“คำตอบนั้นคงอยู่ในส่วนลึกสุดของโพรงมังกร…”

หยวนอีเอ่ยด้วยสายตาวาวโรจน์

มังกรดำสู้สุดชีวิตไม่ยอมถอย ส่วนลึกสุดของโพรงมังกรต้องมีความลับใหญ่หลวงซ่อนอยู่เป็นแน่!

“จวบจนบัดนี้มังกรดำยังไม่ตาย คำตอบก็คงอยู่ในส่วนลึกสุดของโพรงมังกรเช่นกัน!”

เวลานั้น ตาของหยวนอีเป็นประกายคล้ายกับนึกอะไรขึ้นได้

“บางทีคุณชายอาจมิได้แค่ต้องการให้ข้ามาเอากระถางดอกไม้อย่างเดียว…!”

นางเอ่ยอย่างใช้ความคิด

ท่านเซียนสั่งให้นางมาเอากระถางดอกไม้ที่นี่ แต่ที่นี่กลับมีความลับใหญ่หลวงเยี่ยงนี้ซ่อนอยู่ ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือ

จะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญได้อย่างไร

นางคิดว่าไม่ใช่!

ท่านเซียนมีระดับสูงส่งปานใด หนึ่งความคิดพลันตระหนักรู้ทั่วฟ้าดิน ไฉนเลยจะเป็นเรื่องบังเอิญได้

นางคิดว่าที่ท่านเซียนให้นางมาที่นี่จะต้องมีความนัยอื่นแฝงอยู่เป็นแน่!

“เข้าใจแล้ว รอจนขอบเขตของข้ายกระดับเมื่อใด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมาที่นี่อีกสักครา!”

นางเอ่ยด้วยสายตาลุกวาว พร้อมไปจากที่นี่กับบิดาและบรรพจารย์ของนาง กลับไปมอบกระถางดอกไม้ให้ท่านเซียน

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท