หิมะด้านนอกเมืองซีจิงโปรยปรายลงมาหลายครั้ง คูเมืองที่ถูกหิมะสีขาวโพลนปกคลุมเป็นชั้นหนา ดุจดั่งยอดเขาเมืองสวรรค์
บนท้องถนน ขบวนองครักษ์หลวงสวมชุดสีแดงเกราะสีดำเดินผ่านไปอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางขบวนเป็นราชรถสีทองคันใหญ่ ราษฎรที่ก้มกราบต่างแอบเงยหน้าขึ้น มองชายหนุ่มที่สวมชุดสีดำ สวมหมวกสูงนั่งอยู่ภายในรถ
คนชราที่สายตาพร่ามัวคิดว่าตนเองได้พบเห็นฮ่องเต้ พึมพำจะเรียกขานฝ่าบาท โชคดีที่ถูกบุตรหลานข้างกายห้ามเอาไว้ทันเวลา…องค์รัชทายาทถึงแม้จะเป็นจักรพรรดิรักษาการแทนในเวลานี้ แต่คำว่ารักษาการแทนยังไม่อาจแทนอีกฝ่ายว่าฝ่าบาทได้
ถึงแม้ฮ่องเต้ไม่ได้อยู่ในเมืองซีจิงแล้ว แต่ยังอยู่บนแผ่นดินนี้
“องค์รัชทายาทเหมือนกับฝ่าบาทยิ่งนัก” บุตรหลานคนหนึ่งเปลี่ยนวิธีการพูด ช่วยเหลือสายตาที่พร่ามัวของบิดาเอาไว้
ราชรถขององค์รัชทายาทเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผู้คนที่คุกเข่าอยู่ต่างลุกขึ้นยืน อาจเป็นเพราะหิมะที่ตกหนัก หรืออาจเป็นเพราะมีคนเดินทางจากเมืองซีจิงไปจำนวนมาก บนท้องถนนเงียบเหงายิ่งนัก แต่เหล่าผู้คนที่ยังเหลืออยู่ไม่ได้เศร้าโศก
“ผ่านไปปีกว่าแล้ว” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่กลางถนน มองไปยังราชรถขององค์รัชทายาท “องค์รัชทายาทยังไม่ยอมไปเมืองหลวงใหม่เสียที คอยอยู่ปลอบประโลมพวกเรา ทุกเจ็ดวันมักออกมาตรวจเมือง”
“ใช่” อีกคนพยักหน้า “มีองค์รัชทายาทเช่นนี้ แผ่นดินเก่าอย่างเมืองซีจิงย่อมไม่ถูกลืม”
อีกคนยิ่งเรียบเฉย “เมืองซีจิงย่อมไม่ถูกทอดทิ้ง ถึงแม้องค์รัชทายาทจากไปแล้ว ยังมีองค์ชายอยู่”
ใช่ องค์ชายอื่นต่างจากไปแล้ว องค์รัชทายาทในฐานะจักรพรรดิองค์ต่อไปย่อมต้องจากไป แต่ยังมีองค์ชายหนึ่งที่ยังคงอยู่เหมือนเคย
องค์ชายหกร่างกายอ่อนแอ ไม่ออกจากจวนแม้แต่น้อย เขาไม่มีทางเดินทางไปเมืองหลวงใหม่ ไม่ต้องพูดถึงระยะทางที่ห่างไกล สิ่งสำคัญคือพื้นที่ที่แตกต่างไป
เหลือโอรสที่อ่อนแอเช่นนี้เอาไว้ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงใหม่ย่อมต้องระลึกถึง การระลึกถึงองค์ชายหก ย่อมต้องระลึกถึงเมืองซีจิง
ทุกคนต่างสบายใจ
ราชรถขององค์รัชทายาทเคลื่อนที่ผ่านครึ่งเมือง เดินทางมาถึงนอกเมืองที่ห่างไกลออกมา มองดูจวนที่ทั้งโออ่าและโดดเดี่ยวทางนี้
ขันทีฝูชิงถาม “จะเข้าไปเยี่ยมองค์ชายหกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ระยะนี้หิมะตกหลายครั้ง อากาศหนาวเย็นยิ่งนัก”
องค์รัชทายาทยังไม่ทันได้พูด ประตูจวนที่ปิดสนิทก็เปิดออก เด็กชายผู้หนึ่งหิ้วตะกร้ากระโดดออกมา เมื่อกระโดดออกมาจึงพบกับองครักษ์หลวงที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูพร้อมทั้งราชรถที่กว้างใหญ่ เขาตกใจจนร้องเสียงหลง ขาทั้งสองข้างที่กระโดดขึ้นมาลื่นไถล ทำให้เขาล้มลงบนขั้นบันได ตะกร้าก็หลุดมือหล่นลงไปอยู่ด้านข้าง
เด็กชายนั้นฉับไวอย่างมาก พลางร้องตกใจพลางก้มคำนับ “คำนับองค์รัชทายาท”
ฝูชิงหัวเราะออกมาในความขบขัน หยิบตะกร้าตรงหน้าขึ้น “อาหนิว เจ้าไปที่ใด”
เด็กชายที่ถูกเรียกขานว่าอาหนิวทำหน้าเครียด “องค์ชายหกนอนหลับมาหลายวัน วันนี้ตื่นขึ้นมาแล้ว หยวนไต้ฟูจึงจ่ายยาใหม่ให้ บอกว่าต้องใช้ใบไม้ที่ถูกหิมะปกคลุมริมแม่น้ำเป็นยาหลัก ข้าทำได้เพียงไปหา…ฝูกงกง ใบไม้ร่วงหล่นหมดแล้ว ที่ใดยังมีกัน”
หยวนไต้ฟูมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการกินและยาขององค์ชายหก หลายปีนี้โชคดีที่มีเขาคอยดูแล ใช้วิธีการแปลกประหลาดเหล่านั้นในการรักษาชีวิตขององค์ชายหกเอาไว้ ฝูชิงได้ยินดังนี้จึงไม่ประหลาดใจ
“มี” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ต้นไม้บางต้น ใบไม้ไม่ร่วงในฤดูหนาว” ก่อนจะเรียกขานคนไปช่วย
อาหนิวเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะชี้กรรไกรสีทองในตะกร้า “ผู้อื่นช่วยไม่ได้ ต้องใช้กรรไกรทองตัด อย่าให้ร่วงหล่นลงพื้น”
วิธีการเหล่านี้ลึกลับอย่างมาก อย่าได้เกี่ยวข้องดีกว่า หากยาไม่ได้ผล คงต้องโทษเขา ฝูชิงยิ้ม ไม่ได้ดึงดันจะช่วย
“องค์รัชทายาท” อาหนิววิ่งมาถึงหน้าราชรถ เงยหน้ามองชายหนุ่มหน้าขาวที่นั่งอยู่ ถามอย่างดีใจ “ท่านมาเยี่ยมองค์ชายหกหรือพ่ะย่ะค่ะ รีบเข้าไปเถิด วันนี้องค์ชายหกตื่นขึ้นมาแล้ว ท่านสามารถพูดคุยกันได้”
พวกเขาพี่น้องหนึ่งปีเจอไม่ถึงหนึ่งครั้ง ตอนที่เหล่าพี่น้องมาเยี่ยมเยือน มักจะเห็นร่างที่นอนหลับอยู่บนเตียง หรือไม่ก็นั่งพิงกระแอมไออยู่ด้านหลังม่าน เวลาที่มีสติน้อยมาก หากพูดอย่างไม่น่าฟัง มีเพียงพบเจอในจวนองค์ชายหรือในพระราชวังถึงจะจำได้ว่าเป็นพี่น้อง หากพบเจอด้านนอก พวกเขาคงจำหน้าอีกฝ่ายไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
พูดคุย ก็ไม่มีสิ่งใดต้องพูด
หากพูดไม่กี่คำ องค์ชายหกเป็นลมสลบไป หรือตายไป องค์รัชทายาทอย่างเขาคงมีจุดด่างพร้อยในหัวใจของฮ่องเต้ตลอดไป
องค์รัชทายาทยิ้ม “ข้าไม่ไปแล้ว เขาตื่นขึ้นมาได้ไม่ง่าย อย่าเปลืองแรงรับรองข้าเลย รอเขาทานยา ดีขึ้นอีกเสียหน่อย ข้าค่อยมาเยี่ยมเขา”
อาหนิวตอบรับ มององค์รัชทายาทที่วางม่านรถลง จากไปท่ามกลางการอารักขาขององครักษ์
ฝูชิงนั่งอยู่บนรถหันหลังกลับไปมอง เห็นอาหนิวหิ้วตะกร้ากระโดดตามอยู่ด้านหลัง ก่อนจะแยกจากกันหลังออกจากประตูเมือง
องค์รัชทายาทต้องกลับเข้าวังผ่านประตูเมืองอีกด้าน จึงถือว่าสำรวจเมืองเสร็จสิ้น
ฝูชิงคุกเข่าลง เปลี่ยนเตาภายใต้เท้าขององค์รัชทายาทเป็นเตาใหม่ ก่อนจะเงยหน้าถาม “องค์รัชทายาท ปีใหม่ใกล้ถึงแล้ว การบวงสรวงใหญ่ในปีนี้ องค์รัชทายาทอย่าได้ขาดไป จดหมายของฝ่าบาทส่งมาหลายฉบับแล้ว ท่านออกเดินทางเถิด”
องค์รัชทายาทหัวเราะ “ไม่รีบ ทางเมืองหลวงใหม่มีเสด็จพ่ออยู่ ไร้เรื่องกังวล ข้าไปหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ…” เขามองฝูชิง “แม่ทัพหน้ากากเหล็กยังอยู่เมืองฉี?”
ฝูชิงตอบรับ ก่อนจะนั่งลงข้างเก้าอี้รองเท้าขององค์รัชทายาท “เขาผลักโจวเสวียนกลับไป แต่ตนเองกลับไม่ยอมเข้าเมืองเสียที แม้แต่คุณงามความดีก็ไม่เอา”
“ท่านแม่ทัพซื่อสัตย์ต่อเสด็จพ่อ” องค์รัชทายาทพูด “มีคุณงามความดีหรือไม่ สำหรับเขาและเสด็จพ่อล้วนไม่สำคัญ มีเขาควบคุมกองทัพทั้งสามอยู่ด้านนอก ถึงแม้ไม่อยู่ข้างกายเสด็จพ่อ ก็ไม่มีผู้ใดทดแทนได้”
ฝูชิงพยักหน้า ยิ้มให้องค์ชาย “เวลานี้องค์รัชทายาทก็เช่นกัน”
องค์รัชทายาททุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อฮ่องเต้อยู่ต่างถิ่น ถึงแม้ไม่อยู่ข้างกาย ก็ไม่มีผู้ใดทดแทนได้
องค์รัชทายาทยิ้ม มองเมืองที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะตรงหน้า
รถขบวนหนึ่งเหยียบย่ำผ่านหิมะขาวเข้ามา ฝูชิงยืนขึ้น “จดหมายจากเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ” เขาเดินขึ้นไปรับด้วยตนเอง มีจดหมายหนึ่งฉบับ…และตำราอีกหลายเล่ม
“แปลก” เขายิ้ม “เหตุใดองค์ชายห้าจึงส่งตำรามาให้ท่าน”
องค์รัชทายาทหัวเราะ เปิดจดหมายออก สายตากวาดผ่าน รอยยิ้มบนใบหน้าสลายไป
บรรยากาศภายในราชรถอึดอัดขึ้นมาชั่วขณะ ฝูชิงถามเสียงเบา “เกิดเรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทโยนจดหมายให้เขา มองไปยังตำราด้านข้าง พูดอย่างเรียบเฉย “ไม่มีสิ่งใด เวลานี้บ้านเมืองสงบ คนบางคนจึงมีความคิดใหญ่ขึ้นมา”
ฝูชิงอ่านจดหมายจบอย่างรวดเร็ว สีหน้าเหลือเชื่อ “องค์ชายสาม? เกิดสิ่งใดขึ้นกับเขา”
จดหมายขององค์ชายห้าเขียนอย่างคร่าวๆ เมื่อพบกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อบกพร่องที่อ่านตำราน้อยจึงปรากฏออกมา เขียนอย่างไร้ระเบียบ พูดอย่างไม่ได้ใจความ ทำให้คนอ่านฉงน
“องค์รัชทายาท ให้คนทางนั้นสืบเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เขาพูดเสียงเบา
องค์รัชทายาทไม่ไปเมืองหลวง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีคนในเมืองหลวง เขาเป็นบุตรที่ดีของเสด็จพ่อ การเป็นบุตรที่ดีย่อมต้องมีหูตาที่ว่องไว
เพียงแต่ คนทางนั้นไม่อาจใช้การได้ง่ายดาย เพื่อไม่ให้สิ่งที่ทำมาเสียประโยชน์
แต่เวลานี้มีเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม ต้องสืบให้ละเอียดเสียแล้ว
องค์รัชทายาทส่ายหน้า โยนตำราที่องค์ชายห้าส่งมาลง ไม่แม้แต่จะอ่าน
“ไม่ต้อง” เขาพูด “เตรียมตัวออกเดินทาง เข้าเมืองหลวง”
เดิมทีเขาต้องการแสดงความกตัญญูต่อเสด็จพ่ออีกหน่อย แต่ในเมื่อมีพี่น้องที่ไม่เชื่อฟังกำลังเคลื่อนไหว พี่ชายอย่างเขาต้องทำให้พวกเขารู้ สิ่งใดเรียกว่าพี่ชายดุจดั่งบิดา
ฝูชิงตอบรับ สั่งให้ราชรถกลับพระราชวังทันที ภายในใจเต็มไปด้วยความสงสัย เกิดเรื่องใดขึ้น เหตุใดองค์ชายสามจึงปรากฏตัวขึ้นมา คนที่ไร้ประโยชน์อ่อนแอเช่นนี้…