อาจเป็นเพราะแม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่อาจทนดูท่าทางเช่นนี้ของหวังเจียนได้ จึงพูดอย่างหนักใจ “เฉินตันจูเป็นอย่างไร เฉินตันจูมีชาติกำเนิดเป็นชนชั้นสูง รูปลักษณ์อาจไม่ได้งดงามจนหลงใหลทั้งเมือง แต่ก็ถือว่างดงามไม่น้อย ส่วนนิสัย ก็ถือว่าน่าเอ็นดู องค์ชายสามหลงใหลในตัวนางก็ไม่น่าประหลาดใจ”
หวังเจียนมองเขา “สิ่งอื่นยังไม่ต้องพูดถึง แต่เหตุใดท่านจึงคิดว่าเฉินตันจูนิสัยน่าเอ็นดู นางเพียงแค่เรียกท่านว่าท่านพ่อ ท่านก็คิดว่านางเป็นบุตรของตนเอง เป็นผู้ที่เชื่อฟังน่าเอ็นดูแล้ว? ท่านไม่ลองคิดดู นางน่าเอ็นดูอย่างไร”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กถือพู่กัน พูด “บนตำรากล่าวไว้ มีหญิงงามนางหนึ่ง เหมาะสมกับความประสงค์ของข้า เพียงแค่สิ่งที่อีกฝ่ายทำสมดังปรารถนา เช่นนั้นย่อมถือว่านิสัยน่าเอ็นดู”
หวังเจียนตบโต๊ะด้วยความโกรธ “ท่านสามารถลืมตาพูดจาเหลวไหลชื่นชมบุตรสาวบุญธรรมของท่านได้ แต่มิอาจเหยียดยามซือจิงได้”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กบอกให้เขาใจเย็น “ไม่ใช่ข้าต้องการพูด แต่เจ้าเป็นคนที่ต้องการพูดถึงเรื่องความรัก”
หวังเจียนสะบัดกระดาษจดหมายทั้งปึก “ผู้ใดพูดถึงเรื่องความรักก่อนกันแน่ ผู้ใดพูดถึงคุณหนูท่านนั้นว่ารูปลักษณ์งดงาม ผู้ที่พบเห็นต่างรักใคร่ พวกเรากำลังพูดเรื่องนี้หรือ ทั้งๆ ที่กำลังพูดถึงองค์ชายสาม”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพยักหน้า “กำลังพูดถึงองค์ชายสาม องค์ชายสามช่วยเหลือคุณหนูตันจู ดังที่ว่า…”
หวังเจียนวางกระดาษจดหมายลงบนโต๊ะขัดคำพูดของเขา “ท่านอย่าแสร้งโง่ ท่านรู้ว่าข้ากำลังพูดเรื่องใด องค์ชายสามกระทำเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อความงดงาม หากแต่เพื่อทำให้ผู้คนตกตะลึง”
สิ่งสำคัญเรื่องนี้ไม่ใช่การปะทะระหว่างเฉินตันจูและกั๋วจื่อเจี้ยน หากแต่เป็นองค์ชายสามที่เงียบสงบเป็นที่รู้จักขึ้นมา ได้รับการมองเห็นจากทุกคนในเมืองหลวง
“ไม่คิดว่าองค์ชายสามที่อ่อนโยน ไม่เห็นแก่ชื่อเสียงและผลประโยชน์จะมีกลอุบาย แผนการและความกล้าหาญเช่นนี้” หวังเจียนพูดอย่างเคร่งขรึม
แม่ทัพหน้ากากเหล็กหัวเราะด้วยเสียงแหบพร่า “ผู้ใดคิดไม่ถึง หากเจ้าหวังเจียนคิดไม่ถึง เหตุใดจึงนั่งอยู่ตรงนี้ได้ เจ้ากลับบ้านไปสอนบุตรน้อยรู้จักตัวอักษรเถิด”
หวังเจียนขุ่นเคือง “อย่าเปลี่ยนเรื่อง ข้าหมายถึง องค์ชายสามกล้าให้ผู้คนเห็นกลอุบาย แผนการและความกล้าหาญที่เขาซ่อนไว้เช่นนี้”
“องค์ชายสามที่หลบซ่อนตัวเองมาสิบกว่าปี ทันใดนั้นเปิดเผยตัวเองต่อหน้าผู้คน เขาทำเช่นนี้เพื่อสิ่งใด”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กกระแอมไอเสียงเบา “เพื่อคุณหนูตันจู…”
“อย่าเหลวไหล” หวังเจียนถลึงตา “คนในราชวงศ์มีความรักอันร้อนรุ่มจากที่ใดกัน องค์ชายสามเพียงแค่ถูกวางยาพิษ ไม่ได้เสียสติ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่หยอกล้อกับเขาต่อ เขาหมุนพู่กันขนหมาป่าบนมือ “อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสได้เสียสติกระมัง”
ดังนั้นเขาเคยพูดเอาไว้ ให้คุณหนูตันจูอยู่ในเมืองหลวง ทำให้คนและเรื่องต่างๆ ล้วนสนุกมากขึ้น
แน่นอน องค์ชายห้าไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องในเวลานี้สนุกมากเพียงใด โดยเฉพาะเห็นองค์ชายสามที่ยืนอยู่ในหอฝั่งตรงข้าม
การประลองรอบแรกสิ้นสุดลง บัณฑิตผู้ที่หน้าตาอัปลักษณ์ แม้แต่ชื่อก็ยังชื่อว่าอาโฉ่วมองไปยังบัณฑิตชนชั้นสูงที่พูดไม่ออก คำนับยอมแพ้ ด้านล่างเวทีหัวเราะร่า เสียงฮือฮาชื่นชมดังขึ้นจากรอบด้าน ตามการเดินกลับเข้าหอไจซิงของอาโฉ่ว คนส่วนมากล้วนติดตามอย่างไม่รู้ตัว อาโฉ่วเดินไปจนถึงหน้าขององค์ชายสาม
เขาคำนับองค์ชายสามหนึ่งที
องค์ชายสามอมยิ้มยื่นแก้วสุราให้เขา ส่วนในมือของตนเองถือแก้วชา อาจพูดประมาณว่าใช้ชาแทนเหล้า องค์ชายห้ายืนอยู่ไกลไม่ได้ยิน แต่สามารถเห็นได้ว่าองค์ชายสามกำลังสนทนากับบัณฑิตอัปลักษณ์นั้นอย่างสนุกสนาน เขามองไม่เห็นสายตาของบัณฑิตอัปลักษณ์นั้น แต่สามารถมองเห็นสีหน้าโปรดปรานในความสามารถขององค์ชายสาม…
ทั้งสองคนดื่มจนหมดแก้ว เหล่าบัณฑิตรอบด้านต่างจับจ้องไปบนตัวขององค์ชายสามอย่างตื่นเต้น ตัวของพวกเขาแทบอยากจะแนบเข้าไปใกล้…
หลายวันนี้ ตอนที่องค์ชายสามเสด็จออกจากพระราชวัง ระหว่างทางมักมีเหล่าบัณฑิตเฝ้ารอ จากนั้นติดตามขบวนซ้ายขวา ถวายบทกวีใหม่ให้แก่องค์ชายสาม องค์ชายสามที่ร่างกายอ่อนแอนี้ไม่ได้หลบซ่อนอยู่ในรถไม่ยอมออกมาเหมือนแต่ก่อน เขาเปิดหน้าต่างรถออกกว้าง สนทนากับบัณฑิตเหล่านั้นท่ามกลางฤดูหนาว…
เหตุใดจึงไม่หนาวตายเสีย! วันปกติไม่เจอลมยังไอแล้วไอเล่า องค์ชายห้ากัดฟัน มองบัณฑิตอีกคนที่ขึ้นเวทีฝั่งนั้น ภายในหอเหยาเย่ว์หารือกัน ก่อนจะผลักบัณฑิตผู้หนึ่งออกมารับคำท้า องค์ชายห้าหันหลังสะบัดแขนเสื้อลงจากชั้นบน
“องค์ชาย” องค์รัชทายาทเมืองฉีที่นั่งอยู่ด้านข้างรีบเรียกขาน “ท่านไปที่ใด”
องค์ชายห้าพูดอย่างอารมณ์เสีย “กลับวัง”
องค์รัชทายาทเมืองฉีชี้ไปด้านนอก “เฮ้อ การประลองเพิ่งเริ่มต้น องค์ชายไม่ดูแล้ว?”
องค์ชายห้าสะบัดแขนเสื้อ “มีสิ่งใดให้ดู” ก่อนจะเดินลงไปเสียงดัง
สีหน้าของเหล่าบัณฑิตที่นั่งกระจัดกระจายกระอักกระอ่วนอย่างมาก องค์ชายห้าพูดอย่างไม่อ้อมค้อมแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างกระตือรือร้น ผ่านไปไม่กี่วัน พ่ายแพ้ไม่กี่ครั้งก็รำคาญใจเสียแล้ว ไม่ใช่ผู้ที่คบได้
เมื่อเห็นสีหน้าของเหล่าบัณฑิต องค์รัชทายาทเมืองฉีแอบยิ้มอย่างได้ใจ เขาเดินทางมาถึงเมืองหลวงไม่นานนัก แต่เขารู้จักนิสัยขององค์ชายทั้งหลายแทบจะทั้งหมดแล้ว องค์ชายห้าทั้งโง่เขลาทั้งวู่วาม องค์ชายสามรวมตัวบัณฑิตเพื่อการประลอง ท่านมีสิ่งใดต้องโกรธ เวลานี้ควรจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดียิ่งขึ้น เหตุใดจึงอารมณ์เสียใส่พวกเขาได้
ให้พวกเขาพี่น้องปะทะกันเอง ปล่อยให้พี่อย่างเขาคอยนั่งเก็บผลประโยชน์
“มาๆ” เขายังคงทำท่าทางเป็นมิตร ชี้ไปด้านนอกหออย่างกระตือรือร้น “ครั้งนี้พวกเราย่อมต้องชนะ บทกวีของคุณชายจง ข้าอ่านมาหลายครั้งแล้ว ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
องค์รัชทายาทเมืองฉีใส่ใจอย่างมาก เขาอ่านบทกวีของบัณฑิตแต่ละคนอย่างละเอียด สีหน้าของคนรอบด้านผ่อนคลายมากขึ้น บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเหมือนเดิม
…
องค์ชายห้าเสด็จกลับพระราชวังด้วยสีหน้าดำทะมึน เขาเดินทางมายังห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้เป็นอันดับแรก เนื่องจากภายในห้องอบอุ่น ฮ่องเต้จึงเปิดหน้าต่างนั่งอ่านบางสิ่งอยู่บริเวณนั้น ไม่รู้อ่านเรื่องขบขันเรื่องใด เขาหัวเราะออกมา
ท่าทางฮ่องเต้อารมณ์ดีมาก ในขณะที่กำลังจะให้เหล่าขันทีเข้าไปทูล เขาก็ได้ยินฮ่องเต้ถามขันทีข้างกาย “ยังมีใหม่สุดหรือไม่”
เขายกตำราในมือ องค์ชายห้าเห็นคำว่าหอไจซิงในแวบแรก คิ้วของเขากระตุกเล็กน้อย…เวลานี้ ในเมืองหลวงมีคนรวบรวมบทกวีในงานประลองเป็นเล่มตำรา ขายดีอย่างยิ่ง แทบจะมีคนละเล่ม
เพื่อแยกแยะได้สะดวก พวกเขายังใช้ชื่อของหอเหยาเย่ว์และหอไจซิงในการตั้งชื่อตำรา
บัณฑิตสามัญชนย่อมต้องเป็นหอไจซิง
ฝ่าบาทกำลังอ่านบทกวีของเหล่าบัณฑิตสามัญชน ฝีเท้าขององค์ชายห้าชะงัก
ทางด้านขันทีส่ายหัวต่อฮ่องเต้ “ใหม่สุดยังไม่มีพ่ะย่ะค่ะ ให้คนไปเร่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พูดกับขันที “ให้เหล่าบัณฑิตขององค์ชายสามส่งมาทันทีหลังการจบสิ้นการประลองวันนี้”
ขันทีตอบรับ ก่อนจะมองไปยังริมหน้าต่าง องค์ชายห้าที่ชะโงกหน้ามองมาในตอนแรกหายไปแล้ว
ครานี้องค์ชายห้าไม่เพียงแค่มีสีหน้าดำทะมึน หากแต่ฟันก็กัดแน่นส่งเสียงดังกรอด บัณฑิตขององค์ชายสาม บัณฑิตเหล่านั้นเหตุใดจึงกลายเป็นขององค์ชายสามแล้ว
อีกทั้งฮ่องเต้ยังดีใจเพียงนี้!
องค์ชายห้ารู้ว่าเวลานี้ไม่อาจไปพูดใส่ร้ายองค์ชายสามต่อหน้าฮ่องเต้ เขาทำได้เพียงมาหาพระชายาองค์รัชทายาท ถามหาจดหมายจากองค์รัชทายาท
พระชายาฉงนในคำถามของเขา ถึงแม้องค์รัชทายาทจะมีจดหมายมา นางก็เป็นคนสุดท้ายที่ได้รับ
“น้องห้า เกิดเรื่องใดขึ้น” นางถามอย่างกังวล
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น!” องค์ชายห้าพูดด้วยความโกรธ ก่อนจะกระแทกชามน้ำลงบนโต๊ะอย่างแรง “รีบเขียนจดหมายให้เสด็จพี่รีบมาทันที มิฉะนั้น คนทั่วทั้งแผ่นดินคงรู้จักเพียงองค์ชายสาม ไม่รู้จักองค์รัชทายาทแล้ว”
พระชายากระจ่าง องค์ชายสามเป็นภัยต่อองค์รัชทายาท? นางทั้งตกตะลึงทั้งโกรธเคือง “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้”
เมื่อเห็นคนทั้งสองที่นั่งทำหน้าขุ่นเคือง เหยาฝูยัดขนมกลับเข้ามือของนางใน ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบๆ นางก็ไม่รู้เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้!
นางเพียงแค่ต้องการให้เหล่าบัณฑิตในกั๋วจื่อเจี้ยนสั่งสอนเฉินตันจู ทำลายชื่อเสียงของเฉินตันจู เหตุใดสุดท้ายจึงกลายเป็นองค์ชายสามที่มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา