อาวุธทั้งห้าชิ้นนั้นต่างก็ขายได้ในราคาที่สูงเสียดฟ้าจนอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คน ใครๆ ก็พูดกันว่าครั้งนี้ เวยเจ๋อทำได้สำเร็จ! เฮ่อเหลียนเวยเวยประสบความสำเร็จแล้ว! ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดแบบพิเศษ ทำให้เวยเจ๋อประสบความสำเร็จจนอยู่ในระดับเดียวกับร้านค้าอายุนับร้อยปีได้
แค่รายได้จากตั๋วที่นั่งในวันนี้ ก็เกินห้าล้านตำลึงแล้ว
ผู้ดูแลทุกคนนับเงินจนมือหงิกเพราะความเหนื่อยล้า เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะขณะจิบชา ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามที่นางคาดไว้
มีเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น…
ทำไมองค์ชายสามต้องมอบอาวุธทั้งหมดนี้ให้กับนางด้วย
เฮ่อเหลียนเวยเวยหันไปด้านข้างเพื่อมองดูชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างนาง
ราวกับว่าเขาจะรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสบตานาง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ของหมั้น”
ของหมั้น ของหมั้นหมายเช่นนั้นหรือ
เเฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่เคยคิดว่าจะมีของหมั้นหมายใดๆ ให้
แต่ใครเขามอบอาวุธให้เป็นของหมั้นหมายกันเล่า มันแตกต่างจากการมอบปืนให้กับเจ้าสาวคนใหม่ในยุคสมัยใหม่ตรงไหนกัน
ความคิดขององค์ชายท่านนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
“แค่ก พอพูดถึงเรื่องของหมั้นหมายแล้วก็รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยที่จะใช้สิ่งนี้เป็นสินสอดทองหมั้น” เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในงานแต่งงาน ขณะที่ทุกคนต่างก็แต่งตัวในชุดหรูหราสีเงินและสีทอง แต่คนที่เป็นเจ้าสาวอย่างนางกลับกำลังหยิบอาวุธต่อสู้กับองค์ชายสาม คนที่ไม่รู้จะคิดว่านางกำลังจะดวลกับองค์ชายสามหรือเปล่า
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขมวดคิ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและไม่ใส่ใจ “แปลกหรือ”
“ก็ไม่เชิงหรอก สิ่งสำคัญคือทำไมท่านถึงต้องการจะมอบของหมั้นหมายให้กับข้า…” ก่อนที่เฮ่อเหลียนเวยเวยจะพูดจบ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็พูดขัดจังหวะนางอย่างสง่างาม “ข้าเข้าใจแล้ว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกพอใจอย่างมาก การพูดคุยกับคนฉลาดนั้นช่างเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก จากปฏิกิริยาขององค์ชายสามในตอนนี้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีสินสอดทองหมั้น เพราะอย่างไรการแต่งงานของพวกเขาก็เป็นเพียงแค่พิธีการเท่านั้น…
“อีกสองวัน ข้าจะส่งของอย่างอื่นให้กับเจ้า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโยนอาวุธเหล่านั้นลงบนโต๊ะไม้ และทำราวกับว่ามันเป็นเพียงการให้เงินหนึ่งตำลึงเท่านั้น
ของ…อย่างอื่นเช่นนั้นหรือ…
เฮ่อเหลียนเวยเวยขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้ของตัวเองอย่างเงียบๆ
องค์ชายคนนี้อาศัยอยู่คนละโลกกับนางชัดๆ
กิเลนอัคคียืนล่องหนอยู่ด้านข้าง มันขมวดคิ้วของตนเองอย่างเป็นกังวล พลังปราณในร่างกายของนายท่านกำลังปั่นป่วน และเกรงว่ามันจะต้องหายตัวไปอีกสองสามวันเพื่อปล่อยให้นายท่านของมันได้ฟื้นตัว แต่ในช่วงเวลานี้ เล่ห์เหลี่ยมของสี่ตระกูลใหญ่นั้นก็ทรงพลังอย่างมาก
“นายท่านขอรับ” กิเลนอัคคีส่งเสียงอันสุขุมขึ้นมาในมิติสวรรค์ที่ลึกลับ “พวกเราจะทำเช่นไรกันต่อหรือขอรับ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยใช้กระแสจิตรสื่อสารกับกิเลนอัคคี “ส่งองครักษ์เงาทั้งหมดไปที่หอเฟิ่งหวง และให้องครักษ์สองสามคนที่เหลือไปอยู่เคียงข้างอดีตฮ่องเต้”
“ขอรับ” กิเลนอัคคีหลับตาและหายตัวไป จากประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ ดวงตาของนายท่านน่าจะมองไม่เห็น มันหวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในช่วงเวลากลางคืนที่คฤหาสน์ผู้พิทักษ์
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์บิดเบี้ยวด้วยความอิจฉา นางไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมีความสัมพันธ์กันเช่นไร เนื่องจากว่ามันยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ
แต่นางเพิ่งได้ยินมาว่าคนที่นางรักซื้ออาวุธสี่ชิ้นในคราวเดียวให้กับนังผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้น
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์รู้สึกว่ามีบางอย่างค้างคาใจของนาง นอกจากนี้ นางยังเสียหน้าครั้งใหญ่ ดังนั้น นางจึงแทบรอไม่ไหวที่จะฉีกเฮ่อเหลียนเวยเวยออกเป็นชิ้นๆ
“ท่านแม่ ท่านต้องทำให้นังแพศยานั่นทรมานอย่างหนัก” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์นั่งอยู่ตรงหน้าซูเหยียนโม่ด้วยดวงตาแดงก่ำ “นางกล้าคิดฝันถึงองค์ชายสาม สักวันนางจะต้องปีนขึ้นไปเหยียบย่ำบนหัวของพวกเราแน่!”
ซูเหยียนโม่รับฟัง และแววตาอาฆาตก็ฉายขึ้นในดวงตาของนาง “ก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าเด็กสาวคนนั้นโง่เขลา แต่ไม่คิดเลยว่านางจะบังอาจเช่นนี้ เจียวเอ๋อร์ อย่ากังวลไปเลย ตำแหน่งพระชายาขององค์ชายสามจะต้องเป็นของเจ้าคนเดียวเท่านั้น ข้ามีวิธีจัดการกับนังคนชั้นต่ำนั่นแล้ว”
“ท่านแม่มีความคิดดีๆ แล้วหรือ” ดวงตาของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เป็นประกาย
ซูเหยียนโม่บีบถ้วยชาในมือ และพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “ในเมื่อนางคิดในเรื่องที่ไม่ควรคิด ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายเลย จริงอยู่ที่นางถูกขับไล่ออกจากคฤหาสน์ผู้พิทักษ์แล้ว แต่ข้าก็ยังเป็นท่านแม่ของนาง การแต่งงานถือเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของคนๆ หนึ่ง มันจะอยู่ภายใต้คำสั่งของพ่อแม่และคำพูดของแม่สื่อเท่านั้น ท่านแม่ของนางจะต้องเป็นคนตัดสินใจว่าใครจะเป็นคนที่นางจะได้แต่งงานด้วย”
“ท่านแม่หมายความว่า…” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน สีหน้าของนางดูสดใสขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ซูเหยียนโม่ลูบมือของลูกสาว “ยังมีเวลาอีกสองวันก่อนจะถึงงานประลองยุทธ์ แม้ว่ามันจะกะทันหันไปหน่อย แต่ก็มากพอที่ข้าจะเลือกผู้ชายที่คู่ควรกับนังคนชั้นต่ำคนนั้นได้แล้ว”
“ท่านแม่มีใครอยู่ในใจบ้างแล้วหรือ” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กัดริมฝีปากของตนเอง นางกลัวว่าเรื่องนี้จะไม่สำเร็จ “ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่มีใครอยากรับผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์คนนั้นไปเป็นเจ้าสาวหรอก”
ซูเหยียนโม่หัวเราะ “เด็กโง่เอ๋ย นั่นมันก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ นางร่ำรวยแล้ว และมีคนไม่น้อยเลยที่ต้องการจะคว้าเงินนั้นไว้”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ตกอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง แล้วในที่สุด นางก็ทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของซูเหยียนโม่ “ยังเป็นท่านแม่ที่มีความสามารถยิ่งนัก”
“คราวที่แล้ว มีคนแนะนำน้องสามของเจ้าให้คุณชายฮว๋ายหนาน เขาเองก็ไม่เลวเลย” ในใจของซูเหยียนโม่ นางได้ดีดลูกคิดรางแก้ว ไว้แล้ว “คนๆ นั้นมีเสน่ห์และสง่างาม เขาเหมาะสมกับผู้หญิงที่น่าเบื่อเช่นนางอย่างมาก อีกสักครู่ ข้าจะเขียนจดหมายเชิญให้กับตระกูลฮว๋าย”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์หัวเราะเยาะเย้ย “ท่านแม่ คราวที่แล้วท่านเคยบอกว่านอกจากใบหน้าอันหล่อเหลาของคุณชายฮว๋ายหนานแล้ว เขาก็เป็นผู้ชายที่เชื่อถือไม่ได้ เขามีชีวิตอยู่เพื่อดื่ม กิน สังสรรค์ และให้ผู้หญิงเลี้ยงดูเท่านั้น อย่าคิดที่จะพึ่งพาตระกูลของเขาในเรื่องเงิน หากผู้หญิงคนใดแต่งงานกับเขา ชีวิตของนางก็จะถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี และห้ามไม่ให้น้องสามติดต่อกับเขา เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง”
ซูเหยียนโม่เขกศีรษะของลูกสาว และรอยยิ้มมุมปากของนางก็ดูน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ “อย่าพูดเช่นนั้นสิ คนอื่นจะคิดว่าข้าปฏิบัติกับนังคนชั้นต่ำนั่นอย่างไม่ยุติธรรม ยิ่งคุณชายฮว๋ายได้รับการยกย่องมากเท่าไหร่ เรื่องนี้ก็ยิ่งจัดการได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น สบายใจได้ นอกจากข้า ก็ไม่มีใครรู้ว่านิสัยของคุณชายฮว๋ายหนานเป็นเช่นใด”
“ท่านแม่ ท่านขุดหลุมพรางที่สมบูรณ์แบบให้กับนาง” ดวงตาของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ส่องประกายอย่างชั่วร้าย เฮ่อเหลียนเวยเวย มาดูกันว่าเจ้าจะทำเช่นไรต่อไป!
วันต่อมาที่สำนักไท่ไป๋ ณ มุมหนึ่งของหอสามัญ
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังปรับแต่งร่มของตนเองในขั้นสุดท้าย โดยคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์ในการแข่งขันประลองยุทธ์
หยวนหมิงลอยอย่างเกียจคร้านอยู่บนยอดไม้และกำลังอาบแดดอยู่ ไม่ว่าอย่างไร คนอื่นๆ ก็มองไม่เห็นเขาอยู่แล้ว
แสงอาทิตย์นั้นช่างสมบูรณ์แบบยิ่งนัก
การปรับแต่งร่มของนางเพิ่งจะเสร็จสิ้น เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงต้องการจะยืดตัว ทันใดนั้น นางก็เห็นร่างที่สูงโปร่งและดูสูงส่งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของนาง
คนๆ นั้นแต่งตัวแตกต่างจากปกติ ดวงตาของเขามีผ้าสีขาวพันอยู่ ผิวอันสมบูรณ์แบบของเขานั้นทำให้แสงอาทิตย์ยามเช้าที่อยู่ด้านหลังซีดลงเล็กน้อย
เฮ่อเหลียนเวยเวยหยุดเคลื่อนไหวและขมวดคิ้วมองเขา “ตาของเจ้าเป็นอะไรไป”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตอบอย่างเกียจคร้านด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ข้าถูกวางยาพิษ”
“ยาพิษนี้สามารถทำร้ายดวงตาได้เช่นนั้นหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วขึ้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยส่งเสียง “อืม” ก่อนจะหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ถ้าอย่างนั้น ข้าต้องรบกวนที่ปรึกษาทางการเงินให้ช่วยดูแลข้าในอนาคต…”