คำพูดสองแม่ลูกทำให้เพื่อนบ้านโดยรอบพากันเป็นห่วงขึ้นมา ลู่เหนียงจื่อคงไม่คิดปล่อยเหลียงจื่อเหวินไปจริงๆ กระมัง นางเป็นคนจิตใจดีจริงๆ
ทุกคนกำลังคิดอยู่ ลู่เจียวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้าคิดใช้คำว่าคุณธรรมมาผูกมัดข้าหรือ อีกอย่าง ความเมตตาอารีของข้ามีไว้เพื่อคนจิตใจดีมีเมตตา ไม่ได้มีไว้สำหรับคนตระกูลเหลียงเจ้า ตระกูลเหลียงเป็นคนเช่นไร ข้าไม่อยากพูด คนทั้งอำเภอชิงเหอล้วนรู้ว่าเหลียงจื่อเหวินวางเพลิงบ้านตระกูลเซี่ยได้อย่างไม่ลังเล เห็นได้ชัดว่าตระกูลเหลียงเจ้าไม่ใช่คนดี คนเช่นพวกเจ้า ทำไมข้าต้องปล่อยไป”
ลู่เจียวกล่าวจบ ทุกคนโดยรอบต่างปรบมือยินดี “ถูกต้อง ตระกูลเหลียงเจ้ามันตัวอะไร ตนเองย่อมรู้ดีแก่ใจ ก่อนหน้านี้สินค้าในอำเภอชิงเหอขายแพงขนาดนั้น ล้วนเพราะฝีมือตระกูลเหลียงพวกเจ้า ร้านอาหารตระกูลเหลียงก็แพงเอาเรื่อง ดอกเบี้ยร้านแลกเงินก็สูงมากๆ ร้านจำนำก็มีแต่หลอกคนแก่โดยเฉพาะ”
“พวกเจ้าคิดว่าพวกเราโง่หรือ จะปล่อยให้พวกเจ้ารังแกตามใจชอบหรืออย่างไร”
เพียงแต่ไม่มีหนทางเท่านั้น ไม่เช่นนั้นผู้ใดอยากจะเสียเปรียบเช่นนี้
มารดากับน้องสาวเหลียงจื่อเหวินเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็โมโหจนปวดอวัยวะภายในไปหมด ทั้งสองคนหันไปถลึงตาใส่เพื่อนบ้านตระกูลเซี่ยด้วยความโมโห พวกนางไม่สนใจเพื่อนบ้านพวกนี้ หันไปจ้องมองลู่เจียวแทน กล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อ จื่อเหวินเราแม้ว่าให้คนวางเพลิงบ้านตระกูลเซี่ย แต่เพลิงก็ไม่ได้ลุกไหม้ ก็ไม่ได้ทำให้คนในครอบครัวเจ้าบาดเจ็บ แม้นายอำเภอตัดสินโทษ ก็คงลงโทษเขาไม่หนักมากนัก เจ้าไม่ยอมเลิกราเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร หากเจ้าปล่อยจื่อเหวินเราไป ข้าจะยอมชดใช้ให้ ขอเพียงเจ้าเอ่ยปาก”
มารดาเหลียงจื่อเหวินเพิ่งกล่าวจบ พื้นอิฐชิงจวนหน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ยก็มีเสียงรถม้าคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว
พอรถม้าหยุดลง คนบนรถม้าก็ลงมาพุ่งไปหามารดากับน้องสาวเหลียงจื่อเหวิน
“ต้าเหนียงจื่อรีบกลับไปเร็ว ที่บ้านเกิดเรื่องแล้วๆ”
มารดากับน้องสาวเหลียงจื่อเหวินสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“นายอำเภอหูให้คนมาบ้านเรา เข้าค้นหาในเรือนพักคุณชาย”
มารดากับน้องสาวเหลียงจื่อเหวินสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน ทั้งสองคนรีบลุกขึ้นไม่สนใจลู่เจียวอีก
ลู่เจียวพลันเสียงเรียก “อู๋เหนียงจื่อ”
อู๋เหนียงจื่อมารดาเหลียงจื่อเหวินชะงักหันไปมองลู่เจียว
ลู่เจียวกล่าวไม่รีบไม่ร้อนว่า “ที่เหลียงจื่อเหวินเอาเรื่องท่านพี่ข้า สงสัยว่าท่านพี่เป็นคนวางอุบายทำเขา ในความเป็นจริงท่านพี่ข้าไม่ได้วางอุบายเขา อู๋เหนียงจื่อควรต้องตรวจสอบให้ดีว่าผู้ใดหลอกเหลียงจื่อเหวิน จนทำให้เขาเป็นเช่นนี้ คนผู้นี้น่าจะมีเจตนาอื่น”
อู๋เหนียงจื่อได้ฟังก็พลันมีสีหน้าย่ำแย่ขึ้นมาทันที นางพาบุตรสาวขึ้นรถม้าตระกูลเหลียงจากไปด้วยอาการตกใจหวาดกลัว
เพื่อนบ้านพากันมารุมล้อมปลอบใจลู่เจียว “เจียวเจียว คนในบ้านเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม”
“เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ได้ตกใจขวัญเสียกระมัง”
“หากต้องการให้ช่วยอะไรก็มาเรียกพวกเราได้”
“ขอบคุณทุกคน บ้านข้าไม่ได้มีเรื่องอะไร หากต้องการอะไรย่อมต้องขอรบกวนทุกคนแล้ว”
ลู่เจียวพูดจากับทุกคนอีกสองสามคำ ก็พาหร่วนจู๋กลับเรือนด้านหลังไปกินอาหารเช้าเป็นเพื่อนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
ตอนกินอาหารเช้า ลู่เจียวคิดถึงที่ต้าเป่าพูดกับนางก่อนหน้านี้ ก็สั่งลู่กุ้ยให้รีบส่งหลินต้าไปแจ้งแต่ละครอบครัว จากวันนี้ไปอย่าเพิ่งส่งลูกๆ มาเรียนที่ตระกูลเซี่ย รอไว้อีกสักระยะค่อยว่ากัน
ตระกูลจ้าว ตระกูลหู ตระกูลหันได้รับข่าวก็แสดงท่าทีว่าจะไม่มาเพิ่มความวุ่นวายให้กับตระกูลเซี่ยในตอนนี้
ครั้งก่อนคนรับใช้ตระกูลหันถูกซื้อตัวไปเป็นเหตุให้เอ้อร์เป่าถูกจับ หากครั้งนี้เกิดมีคนรับใช้พวกเขาถูกซื้อตัวมาทำร้ายเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตระกูลเซี่ยอีก ก็คงไม่มีหน้าจะกล่าวอันใด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยุ่งจนถึงตอนบ่ายจึงกลับมา
“เป็นอย่างไรบ้าง เหลียงจื่อเหวินถูกตัดสินโทษไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย ดื่มน้ำแกงไปสองคำก็หยุดกล่าวว่า “ตัดสินโทษประหาร”
ลู่เจียวตกใจ “บ้านเราไม่ได้มีคนถูกเผาตาย ทำไมเขาโดนโทษประหาร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแค่นหัวเราะมองลู่เจียว “เจียวเจียว อย่างไรเจ้าก็คงคิดไม่ถึงว่าเหลียงจื่อเหวินทำเรื่องชั่วร้ายเลวทรามมามากมายเท่าไร เขาทำผู้หญิงตายไปหลายคน ยังโรคจิตฝังหญิงเหล่านั้นไว้ในสวนดอกไม้บ้านเขา จริงๆ ก่อนหน้านี้พวกเราก็สืบได้ว่าเขาฆ่าผู้หญิงตายไปสองสามคน ปรากฏมือปราบขุดศพที่สวนดอกไม้บ้านเขาขึ้นมา พบศพผู้หญิงถึงสิบแปดศพ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเล่าจนถึงตอนท้ายก็มีสีหน้าเยียบเย็น
เดิมคิดว่าพวกเขาโหดเหี้ยมพอแล้ว คิดไม่ถึงว่าพวกเขายังโหดเหี้ยมยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้
พ่อค้าเล็กๆ ถึงกับทำร้ายชีวิตคนไปมากมายเพียงนี้ นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าในพื้นที่ยากจน ราษฎรก็ยิ่งไร้หนทาง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว ในใจก็พลันเกิดความมุ่งมาดปรารถนาอย่างหนึ่งขึ้นมา หากวันหน้าเขาสอบเป็นจิ้นซื่อได้ ก็จะหาตำแหน่งขุนนางนอกเมืองหลวง มาเป็นนายอำเภอช่วยเหลือราษฎร
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดได้เรียบร้อยก็หันไปมองลู่เจียวด้วยสัญชาตญาณ
“เจียวเจียว หากวันหน้าข้าสอบจิ้นซื่อได้ ก็จะขอมาดำรงตำแหน่งขุนนางนอกเมืองหลวง เจ้าว่าเป็นอย่างไร”
ลู่เจียวอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นด้วยอย่างมาก “ได้สิ ข้าเชื่อว่าหากเจ้าได้เป็นนายอำเภอจะต้องขจัดทุกข์ให้ราษฎรได้ มีอาหารกินอิ่ม มีเสื้อผ้าใส่อุ่น”
คำพูดลู่เจียวทำเอาเซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งมั่นใจในความคิดตนเอง ในใจเริ่มคิดทำเพื่อราษฎร
คดีเหลียงจื่อเหวินฆ่าคนตายดังกระหึ่มไปทั่วอำเภอชิงเหอ
ศพหญิงสาวสิบแปดศพใต้พื้นดินในสวนดอกไม้ถูกขุดขึ้นมาหมดแล้ว
ทุกคนด่าทอเขาว่าวิปริตผิดมนุษย์ พอรู้ว่าอีกสามวันจะประหารชีวิตเขาแล้ว ก็ล้วนตบมือยินดี
ตระกูลเหลียงกลับยังไม่ยอมทำใจ ส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าที่ตัวเมืองใหญ่ จากนั้นก็มอบเงินก้อนใหญ่ให้ไปอีกด้วย
ผู้ว่าส่งคนมาอำเภอชิงเหอนำคดีนี้ไปไต่สวนอีกรอบ
นายอำเภอหูรู้ว่าหากคดีนี้ไปถึงเมืองหนิงโจว เหลียงจื่อเหวินย่อมไม่ตาย แม้ภายนอกว่าตายแต่ก็อาจแค่แกล้งทำทีว่าตาย
นายอำเภอหูราวกับมดบนหม้อร้อน รีบให้มือปราบจ้าวไปตามเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังเล่นคำนวณแย่งกันตอบอยู่กับลู่เจียวและเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
ขณะที่ทั้งครอบครัวกำลังเล่นกันสนุกสนาน นอกประตูลู่กุ้ยรีบเข้ามารายงานว่า “พี่เขย มือปราบจ้าวมา สีหน้าไม่ค่อยดี”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสะดุ้งในใจ ตอนนี้ที่ทุกคนเป็นห่วงที่สุดก็คือคดีเหลียงจื่อเหวินฆ่าคนตาย คงไม่ใช่คดีมีเหตุพลิกผันกระมัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่มีแก่ใจจะเล่นต่อ ให้ลู่กุ้ยรีบไปเชิญมือปราบจ้าวเข้ามา
ลู่กุ้ยรับคำแล้วก็ออกไป ลู่เจียวให้เฝิงจือพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปแปรงฟันเข้านอน
ตอนนี้ปลายเดือนสิบ อำเภอชิงเหอแม้ว่าอยู่ทางใต้ ไม่ค่อยหนาวมาก แต่อากาศก็ค่อนข้างเย็น ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำทุกวัน
เฝิงจือรับคำพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับไปแปรงฟันที่เรือนด้านหลัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวต้อนรับมือปราบจ้าว
พอมือปราบจ้าวเห็นพวกเขา ก็ร้อนใจกล่าวว่า “อวิ๋นจิ่น ลู่เหนียงจื่อ เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงแล้ว”
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวล้วนไม่ดีนัก
หากเหลียงจื่อเหวินไม่ตาย พวกเขายังต้องรอการกลับมาแก้แค้นอีก คนผู้นี้ค่อนข้างเสียสติ