จางปี้เยียนรีบสั่งให้คนไปตามหลี่เหวินปิน หลี่เหวินปินอยู่บ้านพอดี จึงเดินตามคนรับใช้มาทันที
สองวันนี้หลี่เหวินปินรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ตลอดเวลา กลัวเรื่องเหลียงจื่อเหวินจะถูกเปิดโปง ตอนนี้ได้ยินคนรับใช้มาตามเขา เขาก็ยิ่งแตกตื่น
ถามคนรับใช้ตลอดทางว่าจางปี้เยียนเรียกเขาไปด้วยเรื่องอะไร น่าเสียดายคนรับใช้ไม่พูดสักคำ
หลี่เหวินปินเข้าไปถึงห้องโถงตระกูลจางด้วยอาการหวาดกลัว
พอเขาก้าวเข้าไป ก็มีแส้หนึ่งฟาดใส่เขาอย่างรุนแรงทันที
“เจ้าตัวน่ารังเกียจ ข้าให้เจ้าหาทางวางอุบายให้ร้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าดีเลย ถึงกับมาแตะต้องเหลียงจื่อ เหวิน เจ้าใจกล้ามาก”
หลี่เหวินปินหลบไม่ทัน ถูกแส้จางปี้เยียนฟาดตรงหน้าอย่างแรง
หนึ่ง สอง สาม แต่ละแส้ล้วนรุนแรง หลี่เหวินปินไม่แม้แต่จะหลบ
สุดท้ายเขาถูกฟาดจนได้แต่ร้องโอดโอยว่า “อย่าฟาด อย่าฟาดเลย เจ้าคิดฟาดข้าให้ตายหรือ”
จางปี้เยียนฟาดติดๆ กันสิบกว่าที จึงหยุดมือ ยามนี้ทั้งตัวหลี่เหวินปินไม่เหลือที่ว่างสักแห่ง
ใบหน้าและลำตัวมีแต่โลหิต สภาพน่าอนาถอย่างมาก
ไม่ได้มีสง่าราศีแบบบัณฑิตมีความรู้แม้แต่นิด
คนในห้องโถงต่างมองเขาอย่างเย็นชา สายตาคนรับใช้ที่มองเขาก็ยิ่งเต็มไปด้วยความสะใจ
หลี่เหวินปินมองเห็นทุกอย่าง ได้แต่อับอายโกรธแค้นแทบจะตายไปเสียเลย
เขา ‘หลี่เหวินปิน’ ทำไมจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้
แม้ว่าหลี่เหวินปินมีสภาพน่าอนาถแล้ว แต่นายผู้เฒ่าตระกูลเหลียงก็ยังคงไม่ปล่อยเขาไป
เขาลุกขึ้นไปตรงหน้าหลี่เหวินปิน ถลึงตาใส่พร้อมกับคำรามใส่เสียงดังด้วยความโมโหจัด “หลี่เหวินปิน เจ้าผียากจน ถึงกับวางอุบายให้ร้ายหลานชายข้า เจ้าคิดว่าตระกูลเหลียงข้ารังแกกันได้ง่ายๆ ใช่หรือไม่”
หลี่เหวินปินไหนเลยจะกล้าตอบรับ ได้แต่รีบส่ายหน้า “ข้าเปล่า”
นายผู้เฒ่าตระกูลเหลียงแค่นหัวเราะใส่ หันหน้าไปไปชี้เด็กรับใช้สภาพน่าอนาถไม่ต่างจากหลี่เหวินปิน “เด็กรับใช้เจ้ายอมรับสารภาพหมดแล้ว เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก”
หลี่เหวินปินหันไปมองเด็กรับใช้ตนเอง เขาติดตามตนมาหลายปี คิดว่าตนเองซื้อใจเด็กรับใช้ผู้นี้ได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าพอเกิดเรื่องก็บอกเล่าความผิดตนเองออกไปหมดสิ้น
ในที่สุดหลี่เหวินปินก็เข้าใจได้เรื่องหนึ่ง เขาแต่งเข้าตระกูลจางเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดโดยแท้ ไม่เพียงแต่เป็นที่ดูแคลน แต่ตระกูลจางเองก็ไม่อาจเป็นบันไดให้เขาไต่ คนตระกูลจางไม่ยอมให้เขาหลอกใช้
เขาแต่งเข้าตระกูลจางเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์
นายผู้เฒ่าตระกูลเหลียงเห็นหลี่เหวินปินเงียบ ก็ตวาดดังว่า “พวกเจ้า จับตัวคนที่กล้าวางอุบายให้ร้ายหลานข้ากลับตระกูลเหลียง”
นายผู้เฒ่าตระกูลเหลียงเพิ่งสั่งการ จางปี้เยียนก็เอ่ยว่า “นายผู้เฒ่าเหลียง โปรดรอสักครู่”
หลี่เหวินปินได้ฟังจางปี้เยียน ในใจก็เริ่มมีความหวัง หวังว่าภรรยาเขาจะช่วยเขา
น่าเสียดายจางปี้เยียนกลับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างที่สุด “นายผู้เฒ่าเหลียงอย่าเพิ่งรีบร้อน ตอนนี้เขายังมีประโยชน์ ข้าจะให้เขาไปวางอุบายเซี่ยอวิ๋นจิ่น”
นายผู้เฒ่าตระกูลเหลียงไม่พูดอะไรอีก เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นศัตรูของพวกเขาทุกคนในตอนนี้
จางปี้เยียนหันไปมองหลี่เหวินปิน “ข้าถามเจ้า เจ้าไปฆ่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นทำคุณไถ่โทษ หรือว่าจะถูกจับตัวไปตระกูลเหลียง”
หลี่เหวินปินในใจเคียดแค้นชิงชังจางปี้เยียนอย่างที่สุด ตอนนั้นได้ยินตระกูลจางรับลูกเขย เขาก็หวั่นไหวทันที แต่สายตาตระกูลจางกลับมองไปที่เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจิ้งจื้อซิ่งพวกนั้น ไม่ได้มองมาที่เขาแม้แต่น้อย
เขาผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก แต่ตระกูลจางสืบได้ความว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นแต่งภรรยาแล้ว เจิ้งจื้อซิ่งเองก็แต่งแล้ว ตระกูลจางไร้หนทาง ได้แต่มองมาที่เขา
เดิมหลี่เหวินปินคิดว่าตนเองจะได้ใช้เงินทองตระกูลจางก้าวเข้าขึ้นสู่ชั้นฟ้า แต่เขาคิดไม่ถึงว่ากลับเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ ของตนเอง
วันแรกที่เขาแต่งงาน จางปี้เยียนก็แยกเตียงนอนกับเขา ไม่เพียงแต่แยกเตียง หญิงผู้นี้ยังบอกกับเขาเปิดเผยว่า นางดูแคลนเขา วันหน้าทั้งสองคนก็แค่สามีภรรยาแต่ภายนอก
ต่อมาหญิงผู้นี้ก็ยังหัวเราะเยาะเขาเหมือนไม่แยแสว่า หน้าตาเขาสู้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ไม่พอ ความรู้ยังสู้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ ถือสิทธิ์อันใดให้นางยอมรับเขา
เพราะจางปี้เยียนเอาแต่หัวเราะเยาะเขา เขาจึงเกลียดเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาก จนกระทั่งวางอุบายทำร้ายเขา
หลี่เหวินปินครุ่นคิดแล้วก็กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ข้าจะไปฆ่าเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทำคุณไถ่โทษ”
ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ ได้แต่ต้องทำเช่นนี้แล้ว
จางปี้เยียนได้ฟังหลี่เหวินปินก็รีบหันไปมองนายผู้เฒ่าตระกูลเหลียง “นายผู้เฒ่าเหลียง ท่านดู ตอนนี้เขายังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง”
จางปี้เยียนกล่าวจบก็หันไปมองท่านปู่ตน นายผู้เฒ่าตระกูลจางรีบเดินมาโอบไหล่นายผู้เฒ่าตระกูล เหลียงด้วยท่าทีราวกับสนิทสนมยิ่ง
“ไป ไป ข้ามอบของขวัญให้เจ้าสองชิ้น ถือเป็นการไถ่โทษ”
นายผู้เฒ่าตระกูลเหลียงโดนลากไปอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ คนตระกูลเหลียงได้แต่เดินตามไป
ในห้องโถง จางปี้เยียนโบกมือให้คนรับใช้ทุกคนถอยออกไป แม้แต่เด็กรับใช้หลี่เหวินปินก็ถอยออกไป
จางปี้เยียนเดินไปตรงหน้าหลี่เหวินปินก้มลงมองพลางเอ่ยเยาะเย้ยเสียดสี “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เล่นลูกไม้ ใช้อุบายโง่เง่าของเจ้าอีก อย่าคิดว่าผู้อื่นล้วนโง่เง่า มีแต่เจ้าที่ฉลาด”
“ข้าให้เวลาเจ้าสามวัน อีกสามวันหากเจ้าฆ่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่สำเร็จ ข้าก็จะบอกเรื่องที่เจ้าทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ แล้วก็มอบเจ้าให้นายผู้เฒ่าตระกูลเหลียง”
จางปี้เยียนกล่าวจบ แววตาหลี่เหวินปินก็มีไฟโทสะพวยพุ่งขึ้นมา จางปี้เยียนแค่นหัวเราะเยียบเย็น “ทำไม คิดฆ่าข้า เจ้าลองดูสิ”
หลี่เหวินปินพูดไม่ออก สุดท้ายได้แต่ก้มหน้าเอ่ยงึมงำ “ข้าจะไปฆ่าเขา”
จางปี้เยียนพยักหน้าเล็กน้อย “ดีมาก ข้าจะรอข่าวดีจากเจ้า”
นางกล่าวจบก็หันหลังออกไป หลี่เหวินปินส่งเสียงเรียก “หากข้าฆ่าเขาได้ เจ้าจะมอบข้าให้นายผู้เฒ่าตระกูลเหลียงไหม”
น่าเสียดายจางปี้เยียนไม่คิดสนใจเขา
บ้านตระกูลเซี่ย ลู่เจียวกำลังเลือกผ้าให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นและเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ อากาศเริ่มหนาวแล้ว ดังนั้นต้องตัดเสื้อบุใยฝ้ายเพิ่มให้ทุกคนในครอบครัว
คนรับใช้ก็ต้องตัดเสื้อผ้าเพิ่ม ลู่เจียวให้ช่างที่ร้านตัดเสื้อผ้าสำเร็จรูปนำผ้ามาให้เลือก
เสื้อผ้าพวกนางให้ยายเฒ่าชิวกับหลิ่วอันตัด เสื้อผ้าคนรับใช้ก็ให้คนที่ร้านตัดเสื้อตัดให้
ในห้องโถงมีกองผ้ากองเต็มไปหมดให้พวกเขาเลือก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมอบให้ลู่เจียวตัดสินใจ ลู่เจียวเลือกผ้าที่ดูเรียบสง่าออกมาสองสามพับ มาทาบกับตัวเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“เป็นอย่างไรบ้าง ท่านพ่อเจ้าสวมแล้วต้องดูดีมากเลยใช่ไหม”
ตอนลู่เจียวทาบตัวดู ก็ไม่ลืมถามเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พยักหน้าหงึกๆ เอ่ยชมว่า “อืม ท่านพ่อสวมต้องดูดีมากอย่างแน่นอน”
ซานเป่ารีบกล่าวว่า “ข้าเอาด้วย”
ลู่เจียวเหลือบมองไปแล้วก็ยิ้มกล่าวว่า “ได้สิ แม่จะตัดให้พวกเจ้าพ่อลูกห้าคนคนละชุดดีไหม”
ลู่เจียวกล่าวจบหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “เจ้าว่าดีไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “ได้”
กล่าวจบก็จ้องมองลู่เจียว “หรือเจ้าใช้ผ้านี้ทำเสื้อบุใยฝ้ายด้วยดีไหม เช่นนี้เราทั้งครอบครัวออกไปข้างนอก ทุกคนจะได้มองพวกเราไหม”
ลู่เจียวถูกเขาหยอกจนหัวเราะดัง นี่ไม่ใช่ชุดครอบครัวหรือ เจ้าหมอนี่สมองไวดีแท้
“ได้ งั้นข้าตัดเสื้อบุใยฝ้ายตัวเล็กๆ สักตัว”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็พากันตื่นเต้นยินดี แย่งกันพูดจาไม่หยุด
“ท่านแม่ งั้นครั้งหน้าครอบครัวพวกเราออกไปท่องเที่ยว ก็แต่งตัวเหมือนกัน ดีไหม”
“ได้”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูลู่กุ้ยก็เดินเข้ามารายงานว่า “พี่เจียว พี่เขย หลี่ซิ่วไฉมา เขา…”
ลู่กุ้ยมีสีหน้าลำบากใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสบตากันทันที จากนั้นก็ทั้งสองคนก็ถามลู่กุ้ย “เขาเป็นอะไรหรือ”
ลู่กุ้ยทำท่าทำทางบอกว่า “เขามีแต่บาดแผลไปทั้งตัว ดูแล้วเหมือนโดนทำร้ายมา น่าอนาถมาก รันทดจริง”
ลู่กุ้ยไม่รู้เรื่องหลี่เหวินปินทำร้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่น ดังนั้นจึงเห็นใจหลี่เหวินปิน