เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยได้ยินคำว่า ‘ผู้สนับสนุนทางการเงิน’ มุมปากของนางก็กระตุกทันที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความสัตย์จริงว่า “หากในอนาคตเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกข้าได้”
“ตกลง” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยกริมฝีปากบางขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่ใบหน้าของเขาดูมีเสน่ห์อย่างมาก
“อ้อ จริงสิ” เฮ่อเหลียนเวยเวยวางร่มลง “เมื่อวานเจ้าไปไหนมาหรือ ข้าตามหาเจ้าอยู่ตั้งครึ่งวัน เพราะอยากจะชวนเจ้าไปดูงานประมูลด้วยกัน”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหยุดชะงัก ก่อนจะตอบไม่ตรงคำถาม “งานประมูลหรือ งานประมูลอะไรเช่นนั้นหรือ”
เงาทมิฬที่ยืนอยู่ด้านข้างถอนหายใจอย่างหนัก ฝ่าบาท พอเถอะพ่ะย่ะค่ะ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าฝ่าบาทอยู่ในงานประมูลเมื่อวานนี้ด้วย
ท่านลืมไปแล้วหรือว่ายังมอบอาวุธจำนวนมากเป็นของหมั้นหมายให้กับคุณหนูอีกด้วย แต่ผลปรากฏว่านางกลับไม่ชอบมัน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกวาดสายตาไปทางเขาอย่างเรียบเฉย
เงาทมิฬยืนตัวตรงทันที และทำหน้านิ่ง
เฮ่อเหลียนเวยเวยประหลาดใจกับผู้ชายและข้ารับใช้คนนี้ “เจ้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับงานประมูลของเวยเจ๋อเลยหรือ”
“ช่วงนี้ ข้าอยู่ที่บ้านตลอดเวลา” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดตามความจริง สองวันที่ผ่านมาเขาอยู่แต่ในวัง และคิดหาวิธีที่จะหักกรงเล็บของคนที่ดูถูกเหยื่อของเขา
แต่…
เห็นได้ชัดว่าคำตอบนั้น ทำให้คนที่ได้ยินเกิดความเข้าใจผิดที่คลุมเครือ
เขาช่างเป็นคนสองหน้าที่ร้ายกาจจริงๆ
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ซักไซ้เขาอีก และพูดเพียงแค่ว่านางจะพาเขาไปที่นั่นเมื่อมีโอกาสในภายหลัง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยฟังอย่างเงียบๆ แต่เมื่อเขากำลังจะส่งเงาทมิฬออกไป ก็มีเสียงตะโกนถึงข่าวดีดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ
“ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูเวยเวยด้วย”
ยินดีด้วยเช่นนั้นหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยหมุนตัว และเห็นหญิงชราที่สวมชุดแม่สื่อคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าสำนักไท่ไป๋ เสื้อผ้าของนางดูดี และผมของนางก็ห้อยเครื่องประดับเอาไว้ เมื่อนางเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวย นางก็รีบเดินเข้าไปหา “คุณหนูเวยเวย ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้จักผู้หญิงคนนี้ นางเป็นแม่สื่อที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ชื่อว่าแม่เฒ่าจาง นางสามารถจัดการทุกอย่างได้ตราบใดที่ท่านมีเงิน ชีวิตของเด็กสาวจำนวนมากถูกทำลายด้วยฝีมือของนาง ตัวอย่างหนึ่งในหลายๆ เรื่อง คือนางหลอกพ่อแม่ของเด็กสาวเหล่านั้น แล้วปล่อยให้เด็กสาวแต่งงานกับชายชราอายุเกินหกสิบ
ตอนที่นางกับมู่หรงฉางเฟิงหมั้นหมายกัน ผู้หญิงคนนี้ก็มักจะมาให้คำแนะนำนางที่คฤหาสน์ผู้พิทักษ์อยู่บ่อยครั้ง อันที่จริง ต้องขอบคุณผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้การหมั้นหมายของนางถูกยกเลิกก่อนกำหนด เพราะเดิมที ตระกูลมู่หรงเสนอเงื่อนไขมากมายผ่านทางนาง ว่าแต่ เจ้าสารเลวคนนี้มาที่สำนักไท่ไป๋เพื่อจุดประสงค์อะไรกัน
“ข้าไม่รู้ถึงเรื่องน่ายินดีที่ท่านกำลังพูดถึงได้อย่างไรกัน” เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาลง ราวกับมีสายฟ้าแลบผ่านดวงตาของนาง
แม่สื่อจางไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยคนปัจจุบันแตกต่างจากคนก่อน นางคิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยแค่แกล้งทำเป็นสุขุมและเยือกเย็นกว่าเมื่อก่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นคนโง่เหมือนแต่ก่อน จากนั้นนางก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “เมื่อครู่นี้ ข้าเพิ่งได้รับข่าวเรื่องการแต่งงานนี้มา คุณหนูเวยเวยจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกันเล่า แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหา ข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวดีให้ท่านรู้ล่วงหน้า และคุณชายกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า”
เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยได้ยินเช่นนั้น นางก็หัวเราะเย้ยหยันออกมา “เขาไม่จำเป็นต้องมาที่นี่หรอก ข้ารู้สึกหมดความอยากอาหารไปตั้งแต่ที่เจ้ามาที่นี่แล้ว วันนี้ข้าไม่อยากใช้กำลัง เจ้ากลับไปเสียดีกว่า”
“คุณหนูเวยเวย ระวังคำพูดของท่านด้วย” แม่เฒ่าจางทำตัวกล้าแกร่ง
หลังจากได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย ใบหน้าของหญิงชรายังคงยิ้มแย้มและไม่เปลี่ยนสีหน้าเลย อย่างไรก็ตาม มุมปากของนางก็แข็งเกร็งขึ้น “ข้ารู้ว่าคุณหนูเวยเวยตำหนิข้าเพราะมาบอกเรื่องไม่สำคัญต่อหน้าท่าน แต่ข้าหวังดีกับท่านอย่างจริงใจ การเข้าสู่ตระกูลของมู่หรงอ๋องนั้นเป็นเรื่องยากเกินไป ท่านจะทำเช่นไรหากถูกรังแกที่นั่นเล่า ในความเป็นจริงแล้ว คุณหนูเวยเวยมีดวงชะตาที่ถูกกำหนดให้ผูกพันกับตระกูลฮว๋ายที่เมืองหลวง บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นถึงขุนนาง และสถานะของพวกท่านก็เหมาะสมกันยิ่งนัก ที่สำคัญคือหัวใจของคุณชายฮว๋ายหนานก็อยู่กับท่านแล้ว เขาสอบถามหญิงชราคนนี้เกี่ยวกับคุณหนูมามากมายเลย รูปร่างหน้าตาของเขาก็หล่อเหลาเอาการ นอกจากนี้ กิริยามารยาทของเขาก็ดูสง่างามเช่นกัน ทั่วทั้งเมืองหลวง เขาอยู่ในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมิใช่หรือ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เงาทมิฬก็จ้องตาเขม็ง โดยที่เฮ่อเหลียนเวยเวยยังไม่ทันจะอ้าปากพูด
คนๆ นี้มาทำตัวราวกับเป็นแม่สื่อให้งานแต่งงานของว่าที่พระชายาในอนาคตของเขาก็ไม่ปาน
เขาชะงักชั่วขณะ แล้วมองไปทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เงาทมิฬอ่านสีหน้าของเขาไม่ออก เพราะดวงตาของเขาถูกผ้าปิดเอาไว้ แต่ก็ยังเห็นริมฝีปากบางๆ ของเขา
เฮ่อเหลียนเวยเวยเริ่มทำตัวเย็นชามากขึ้น “เจ้าพูดถึงคุณชายฮว๋ายหนาน แต่ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน แล้วมันจะเป็นเรื่องน่ายินดีได้อย่างไรกันเล่า”
แม่เฒ่าจางร้องอุทาน “คุณหนูเวยเวยไม่ต้องกังวล คุณชายฮว๋ายหนานจะมาถึงเร็วๆ นี้แล้ว”
อีกฝ่ายไม่เพียงแค่จงใจตีความคำพูดของนางแบบผิดๆ แต่ยังตะโกนเสียงดังอีกด้วย ทำให้ทั่วทั้งสำนักไท่ไป๋รับรู้เรื่องนี้
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองนาง และทันใดนั้น นางก็พ่นลมหายใจแรง ก่อนจะเตะร่างของหญิงชราคนนี้!
แม่เฒ่าจางจะรู้ได้อย่างไรว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนโมโหร้ายเช่นนี้ หน้าผากของนางกระแทกกับต้นไม้จนเกิดเสียงดัง มันเจ็บปวดมากจนนางทำได้แค่จับหน้าท้องและร้องไห้คร่ำครวญ
เฮ่อเหลียนเวยเวยบีบคางของผู้หญิงคนนั้น และพูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “อย่าให้ข้าได้ยินเจ้าพูดอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่เช่นนั้น ข้าจะตัดลิ้นของเจ้ามาแขวนไว้ในงานแต่งงานนั่น และป้อนมันเป็นอาหารสุนัขซะ!”
แม่เฒ่าจางถูกเฮ่อเหลียนเวยเวยข่มขู่ หญิงสาวมีแววตาเช่นนั้นได้อย่างไรกัน มันดูราวกับกำลังต้องการจะฆ่าอีกฝ่ายก็ไม่ปาน
แม่เฒ่าจางตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง นางรู้สึกหนาวราวกับร่างกายของนางถูกโยนลงไปในถ้ำน้ำแข็ง นั่นทำให้นางไม่กล้าพูดอะไรอีก และถึงกับรู้สึกเสียใจที่รับทำงานนี้
ในขณะนั้นเอง มีชายคนหนึ่งเดินมาแต่ไกล เขาแต่งตัวในชุดผ้าไหม พร้อมกับถือพัดแบบพับได้อยู่ในมือ รูปลักษณ์ของเขาดูสง่างามอย่างมาก เมื่อเห็นว่าแม่สื่อกำลังนอนอยู่บนพื้น สายตาของเขาก็มองมาทางเฮ่อเหลียนเวยเวย และพูดขึ้นอย่างสุภาพราวกับสายน้ำ “คุณหนูเวยเวย เจ้ายังคงเป็นเหมือนกับครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้า เจ้าเป็นคนที่อารมณ์รุนแรง โดยไม่คำนึงถึงเรื่องกฎระเบียบหรือศีลธรรมใดๆ เลย แต่โปรดอย่าตำหนิแม่สื่อคนนี้เลย ตำหนิข้าแทนเถิดที่รีบร้อนเกินไป และให้นางมาที่นี่เพื่อแจ้งเรื่องนั้นให้ทราบ ข้าเกรงว่าคุณหนูเวยเวยจะลืมข้าไปแล้ว เพราะในตอนนั้น มีเพียงมู่หรงซื่อจื่อเท่านั้นที่ครอบครองหัวใจของท่านได้”
หลังจากพูดจบ ชายคนนั้นก็ทำท่าราวกับว่าเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก และถอนหายใจยาว
ในตอนนั้น มีศิษย์จากสำนักไท่ไป๋รวมตัวกันอยู่รอบพวกเขาเป็นจำนวนมาก
ทุกคนต่างก็มองดูฉากนี้ และรู้สึกประทับใจกับคำพูดของชายหนุ่ม
ไม่ว่าอย่างไร ทั้งเฮ่อเหลียนเวยเวย รวมถึงเหล่าศิษย์จากสำนักไท่ไป๋ต่างก็เป็นเพียงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง พวกเขาอยู่ในวัยที่เพิ่งจะมีความรักครั้งแรก จึงมักจะจินตนาการถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่ถูกกล่าวถึงอยู่ในหนังสือเสมอ นอกจากนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าพูดเรื่องความรักอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ดังนั้น คำพูดสองสามประโยคนั้นจึงสามารถกินใจเหล่าเด็กสาวได้เป็นอย่างดี
ผู้ชายคนนั้นมองไปรอบๆ ตัว และรู้ว่าคำพูดของตนเองมีผลต่อจิตใจของเหล่าหญิงสาว เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดการกับหญิงสาว แล้วนับประสาอะไรกับคนโง่ที่ยึดติดกับความรักอย่างเฮ่อเหลียนเวยเวยเล่า…