ตอนที่ 188 ทัณฑ์พิบัติเซียน หมื่นเผ่าบรรพกาล
“ไม่! เป็นไปไม่ได้!!!”
“เพียงมนุษย์ต่ำต้อย จะกลายเป็นอำนาจเช่นนี้ได้อย่างไร!”
บนอากาศเคว้งคว้าง ทั้งราชาปีศาจวิถีสวรรค์และราชาปีศาจปฐพีวินาศต่างคำรามออกมาอย่างสิ้นหวัง ใบหน้าของพวกมันบิดเบี้ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากผ่านไปกว่าหลายล้านปี ราชาปีศาจแห่งบรรพกาลทั้งสองต้องการกลับสู่โลก ทว่ากลับถูกจัดการโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เคยเป็นเพียงทาสรับใช้และอาหาร สิ่งนี้ทำให้พวกมันรับไม่ได้!
“เหอะ!”
“บาปแห่งสวรรค์ได้รับการอภัย แต่บาปที่ก่อขึ้นด้วยตนเองไม่อาจถูกลบล้าง แล้วยังคิดกล้าหาญออกมาสร้างความปั่นป่วนในโลกา จึงมีเพียงความตายเท่านั้นที่จะมอบให้!”
หนิงฝานกล่าวคำเย็นชา ก่อนจะกระชับกระบี่ในมือเพื่อสังหารทั้งสอง
เมื่อฟังคำแล้ว ราชาปีศาจทั้งสองเร่งรีบตะโกนด้วยความหวาดหวั่น “ไม่! ได้โปรดอย่าลงมือ! เพราะพวกเราทราบถึงความลับโบราณอย่างหนึ่ง มันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของมนุษย์ทั้งหมด!”
“หืม?!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว หนิงฝานก็หยุดมือชั่วขณะ แม้จะสัมผัสได้ว่าทั้งสองกำลังหวาดกลัว แต่เมื่อนึกถึงต้นตอที่ทำให้ปีศาจบรรพกาลทั้งสองกลับสู่โลกใบนี้ เขาจึงถามกลับด้วยความสนใจ “ความลับอะไรกัน? บอกกล่าวกับข้า!”
ราชาปีศาจทั้งสองไม่ได้กล่าวตอบในทันที ก่อนจะกล่าวคำอย่างเคร่งขรึม “เราสามารถพูดคุยกันดี ๆ ได้ แต่เจ้าต้องสาบานต่อหน้าฟ้าดินว่าจะปล่อยปีศาจบรรพกาลทั้งหมดไป!”
“ฮึ่ม… เจ้าคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติเพียงพอจะต่อรองงั้นหรือ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนิงฝานยกยิ้มเย็นชาก่อนจะสับฟันกระบี่ออกไป ปีศาจบรรพกาลด้านล่างนับล้านถูกกวาดล้างออกในทันที
“อ๊าก! เจ้า!”
ดวงตาของราชาปีศาจบรรพกาลทั้งสองเบิกกว้าง ความโกรธเกรี้ยวและหวาดหวั่นปรากฏขึ้นในรูม่านตาของพวกมันทั้งสอง
เมื่อเห็นว่าหนิงฝานจะลงมืออีกครั้ง สีหน้าของพวกมันบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด เช่นนี้จึงรีบตะโกนทันที “ทัณฑ์พิบัติเซียน! มันคือทัณฑ์พิบัติเซียน!”
“ทัณฑ์พิบัติเซียน!”
เมื่อได้ยินคำนี้ จิตใจของหนิงฝานวูบไหว เขารีบถามกลับทันที “ทัณฑ์พิบัติเซียนคืออะไร?”
ราชาปีศาจบรรพกาลทั้งสองมองหน้ากันอย่างเข้าอกเข้าใจ มันทราบดีว่าเวลานี้เผ่าปีศาจบรรพกาลตกอยู่ในกำมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์เสียแล้ว หากพวกมันกล่าวออกไป เผ่าปีศาจบรรพกาลทั้งหมดอาจจะมีโอกาสอยู่รอด แต่หากว่ามันปิดปากเงียบ สิ่งที่รออยู่มีเพียงความตายเท่านั้น
ในที่สุด ราชาปีศาจทั้งสองก็ยอมจำนนต่อโชคชะตาและกล่าวต่อว่า “ทัณฑ์พิบัติเซียน… หรือเรียกอีกอย่างว่าทัณฑ์พิบัติแห่งโลกา มันคือภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้ ภัยพิบัตินี้จะก่อเกิดเมื่อพลังจิตวิญญาณฟ้าดินเวลาของโลก เก้าวันเป็นหนึ่งวัน และเวลานี้ก็ใกล้ถึงเวลาของทัณฑ์พิบัติเซียนที่จะคืบคลานสู่โลกใบนี้แล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว หนิงฝานเงียบงันไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวอย่างเหยียดหยาม “แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าทัณฑ์พิบัติเซียนที่เจ้ากล่าวถึงเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
เวลานี้ราชาปีศาจทั้งสองยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น ในแววตากังวลอย่างถึงที่สุด พวกมันกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียง “เป็นเพราะเผ่าปีศาจบรรพกาลของพวกเราได้เผชิญหน้ากับทัณฑ์พิบัติเซียนแล้ว!”
“เจ้าได้พบเจอ? เมื่อใด!” หนิงฝานขมวดคิ้วแน่น
“ในสมัยโบราณกาล หลายล้านปีก่อน!”
ราชาปีศาจทั้งสองยังกล่าวเสริม “อาณาเขตของโลกในเวลานั้นไม่เล็กจ้อยเท่าตอนนี้ มันยิ่งใหญ่กว่านี้นับร้อยเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคนั้นมีเซียนมากมายหลายเผ่าพันธุ์ที่แก่งแย่งชิงดีเพื่อที่จะขึ้นปกครองเป็นจ้าวแห่งโลกา นับว่านั่นคือยุคทองแห่งความรุ่งโรจน์ไร้ที่เปรียบ!”
เมื่อกล่าวถึงสิ่งนี้ แววตาของราชาปีศาจทั้งสองเปล่งประกายราวกับหวนคิดถึงเรื่องราวที่น่ายินดีในอดีต
แต่แล้วความหวาดกลัวฉายชัดขึ้นบนใบหน้าของพวกมัน ทั้งสองรีบกล่าวต่อ “แต่เวลานั้นที่หมื่นเผ่าบรรพกาลของเรากำลังเผชิญหน้ากับความรุ่งโรจน์อย่างถึงที่สุด หายนะอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่อาจต่อต้านก็ปรากฏขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว”
“ในวันนั้น… ท้องฟ้าทั้งหมดวิปริตแปรปรวน ทั้งดวงอาทิตย์และจันทรากลายเป็นมืดมน ความสยดสยองไม่อาจจินตนาการมาเยือนโลกทั้งใบ มนุษย์อย่างพวกเราเปราะบางไม่ต่างจากกระดาษเมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งเหล่านั้น แม้แต่เซียนธุลีสีชาดขั้นเก้ากัลป์ซึ่งได้รับการยอมรับจากคนทั้งโลกว่าแข็งแกร่งที่สุดยังต้องหลั่งโลหิตสู่พื้นดิน ชีวิตของเขาถูกพรากไปอย่างง่ายดาย เช่นนี้ข้าคงไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งมีชีวิตภายใต้พลังอำนาจของเซียนธุลีสีชาด… โลกทั้งใบในเวลานั้นนองด้วยโลหิต มีเพียงซากศพเกลื่อนกลาดนับร้อยล้านตน ข้าไม่ทราบเลยว่าเผ่าพันธุ์ใดบ้างที่ต้องสูญสิ้นไปตลอดกาล และไม่ทราบว่ามีสิ่งมีชีวิตมากมายเท่าใดที่ต้องจากโลกไปนี้ไป!”
เมื่อได้ยินคำพูดของราชาปีศาจทั้งสอง หนิงฝานก็ขมวดคิ้วแน่นพร้อมถามกลับว่า “ทัณฑ์พิบัติเซียนที่เจ้ากล่าวถึงนับว่าน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง แล้วเผ่าปีศาจบรรพกาลของเจ้าอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร!”
ราชาปีศาจทั้งสองรีบอธิบาย “เพราะบรรพชนของเผ่าปีศาจบรรพกาลของพวกเราเห็นว่าไม่สามารถต้านทานภัยพิบัตินี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดขาดส่วนเล็ก ๆ ของโลกมนุษย์อย่างเด็ดเดี่ยวด้วยพลังยิ่งใหญ่ ก่อนจะหลบหนีออกสู่โลกใบน้อยนั้นพร้อมกับปีศาจเพียงไม่กี่ตอน พวกเราจึงกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่รอดชีวิต!”
“นี่คือโลกใบนั้น?”
“ถูกต้องแล้ว!”
หนิงฝานขมวดคิ้ว ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อเขาเข้าสู่โลกใบนี้ เขาสัมผัสได้ว่าพลังจิตวิญญาณฟ้าดินของโลกนี้ไม่แตกต่างจากภายนอกเลย นั่นเป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้คือส่วนหนึ่งของโลกนั่นเอง!
ในเวลานี้เขาจึงกล่าวถามอีกครั้ง “แล้วหากสิ่งที่เจ้ากล่าวเป็นความจริง เจ้าทราบว่าทัณฑ์พิบัติเซียนกำลังจะมาถึงในไม่ช้า แล้วเหตุใดจึงคิดกลับสู่โลก?”
“เพราะความรุ่งโรจน์จะนำพาสู่อันตราย! ทัณฑ์พิบัติเซียนจะเข้าปกครองโลกทั้งใบเมื่อพลังจิตวิญญาณฟ้าดินเข้าสู่ระดับสูงสุด แต่ก่อนหน้านั้นพลังจิตวิญญาณฟ้าดินของโลกที่ฟื้นคืนกลับมานั้นมีประโยชน์มากสำหรับการฝึกฝน และแน่นอนว่าโลกใบเล็กนี้คือส่วนหนึ่งของโลก มันจึงมีพลังจิตวิญญาณแบบเดียวกัน พลังจิตวิญญาณฟ้าดินของโลกใบเล็กนี้ยิ่งหาพบได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเราจึงต้องการพลังจิตวิญญาณฟ้าดินของโลกใบเดิมเพื่อมาเติมเต็ม เช่นนี้แผนของพวกเราคือ ออกปล้นสะดมพลังจิตวิญญาณฟ้าดินของโลก แล้วค่อยกลับคืนสู่โลกใบเล็กนี้ภายหลัง!”
“หึ ๆ แล้วมีเผ่าพันธุ์ใดทำเช่นพวกเจ้าบ้าง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว หนิงฝานอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน
ในที่สุดเขาก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าปีศาจบรรพกาล โลกมนุษย์ และทัณฑ์พิบัติเซียน มันเปรียบเสมือนลูกอกตัญญู มารดา และอันธพาล… บุตรชายผู้อกตัญญูคิดกลับมาปล้นชิงสมบัติของมารดาเมื่อตนเองจนตรอก ก่อนจะรีบตบเท้าจากไปโดยไม่สนใจว่าอันธพาลจะรังแกมารดาของตนอย่างไร!
และเวลานี้เองที่หนิงฝานตระหนักได้ถึงภัยพิบัติร้ายแรง!
หากเป็นตามที่ราชาปีศาจทั้งสองกล่าวคำ ในสมัยโบราณกาล หมื่นเผ่าบรรพกาลและอาณาเขตของมนุษย์กว้างใหญ่กว่านี้หลายเท่า เขาเกรงว่าอาจจะมีมากมายหลายเผ่าพันธุ์ที่หาทางออกเช่นเดียวกับเผ่าปีศาจบรรพกาลนี้หลบหนีออกสู่โลกภายนอกเพื่อหลบซ่อนตัว!
เมื่อหนิงฝานกล่าวออกไปเช่นนั้น ทำให้ราชาปีศาจทั้งสองตื่นตระหนก
“หมื่นเผ่าบรรพกาลส่วนใหญ่ถูกทัณฑ์พิบัติเซียนกำจัดออกไป แต่ก็มีหลายเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังพอจะตัดขาดแผ่นดินของโลกใบนี้แล้วหนีออกไปเช่นเดียวกับเผ่าปีศาจบรรพกาล!”
เวลานี้ใบหน้าของหนิงฝานพลันหนักอึ้ง
หากเป็นเช่นนี้ จึงนับว่าเผ่าปีศาจบรรพกาลคือเผ่าพันธุ์แรกที่หวนคืนสู่โลกมนุษย์ และมันจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์สุดท้าย!
โลกทั้งใบ… กำลังประสบปัญหาแล้ว!
“บอกข้ามา มีเผ่าพันธุ์ใดบางในหมื่นเผ่าบรรพกาล!”
หนิงฝานเร่งรีบกล่าวคำ
ราชาปีศาจทั้งสองไตร่ตรองก่อนจะกล่าวกระชับ “หมื่นเผ่าบรรพกาลมีลำดับชั้นที่เคร่งครัด เราแบ่งออกตามลำดับความแข็งแกร่ง จึงแบ่งออกเป็นสิบราชวงศ์ใหญ่ มีราชานับร้อย จากนั้นค่อยแยกออกเป็นเผ่าพันธุ์ธรรมดาและต่ำต้อยภายหลัง!”
เมื่อกล่าวแล้ว ราชาปีศาจทั้งสองชำเลืองมองหนิงฝาน!
ดวงตาของหนิงฝานเผยความเย็นชา และเขาเข้าใจว่าในบรรดาเผ่าพันธุ์ที่ต่ำต้อยจากปากของมันคือเผ่าพันธุ์มนุษย์แน่นอน!
“บอกกล่าวให้ละเอียด!”
“ราชวงศ์ทั้งสิบคือ เผ่ามังกรแห่งรังหมื่นมังกร เผ่าหงส์เพลิงแห่งถ้ำอมตะ เผ่ากิเลนแห่งกิเลนโพรงบรรพกาล…”
“ส่วนเผ่าของราชานับร้อยก็มี… เผ่ายักษา เผ่าทูตสวรรค์ เผ่าสายฟ้าอินทนิล เผ่าโลหิตสีเงิน เผ่าปีศาจกระทิงจอมพลัง…”
“ส่วนเผ่าธรรมดาก็จะมี… เผ่าศักดิ์สิทธิ์ เผ่าหินทองคำ เผ่าเหมันต์ เผ่าเลื้อยคลาน เผ่าภูตผี เผ่าผึ้งสายฟ้า เผ่าตะเภาปีศาจ เผ่าแมลงโบราณ เผ่าภูตมัจฉา”
“…”
หลังจากราชาปีศาจทั้งสองกล่าวจบแล้ว หนิงฝานตกอยู่ในความเงียบงันเนิ่นนาน
สุดท้ายเขาจึงกล่าวถามว่า “แล้วเผ่าปีศาจบรรพกาลของพวกเจ้าอยู่ในระดับใดภายในหมื่นเผ่าบรรพกาล?”
ราชาปีศาจทั้งสองเงียบอยู่นานก่อนจะกล่าวตอบ “เผ่าพันธุ์ธรรมดา!”
“อะไรนะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ใบหน้าของหนิงฝานเผยความเคร่งเครียดในทันที
เผ่าปีศาจหมื่นบรรพกาลนี้มีเซียนธุลีสีชาดถึงสาม แต่กลับอยู่ในระดับธรรมดาภายใต้อำนาจของหมื่นเผ่าบรรพกาล แล้วราชวงศ์ทั้งสิบควบรวมกับเหล่าราชานับร้อยจะทรงพลังเพียงใด!
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ… ทัณฑ์พิบัติเซียน!
ภัยพิบัติเช่นใดกันที่สามารถทำลายความรุ่งโรจน์ไร้ที่เปรียบในสมัยโบราณกาลได้ กระทั่งบีบให้หลายเผ่าพันธุ์ต้องหลบหนีออกจากโลกใบเดิมออกสู่โลกใบอื่น!