“…”
เขาเอ่ยปากพูดไม่ได้ง่ายๆ เขาไม่สามารถพูดว่าผมทำแบบนั้นเพราะคุณไปเจอผู้หญิงคนอื่นได้ และก็กลัวที่จะได้ยินคำตอบว่าแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่อะไรจากอีอูยอนด้วยเช่นกัน
“คุณอินซอบ”
อีอูยอนเอ่ยเรียกอินซอบ แต่อินซอบไม่สามารถสบตาอีกฝ่ายได้ เขาเพียงเอ่ยตอบกลับไปเบาๆ ว่า “ครับ” เท่านั้น
“ไม่เป็นไรครับ ลองพูดมาเถอะ ผมจะรับฟังทุกอย่างเลยครับ”
เขาเอาแต่ก้มหน้าเหมือนเด็กจนหายใจไม่ออกและไม่พูดอะไร แต่เขาต้องพูดอะไรสักอย่าง อินซอบควบคุมลมหายใจ
“คือว่า…”
อินซอบเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะตอบ แต่ก็นิ่งไปแบบนั้น เนื่องจากฟังแค่เสียงของอีกฝ่าย เขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธ เพราะน้ำเสียงนั้นสุภาพและอ่อนโยนมา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ ผมถามเพราะเป็นห่วงนะ”
อีอูยอนเอ่ยถามอีกครั้ง รอยยิ้มที่รับกับใบหน้าอย่างสมบูรณ์แบบถูกประดับไว้ที่ริมฝีปากของเขา แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ต่างออกไป
แล้วอินซอบก็ได้รู้ว่าทั้งน้ำเสียง รอยยิ้ม และดวงตาที่อ่อนโยนของเขาล้วนแต่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมา ตอนนี้เขากำลังแสดงเหมือนว่าเป็นเช่นนั้นอยู่
“ผม ผม…คือผม…”
ภายในสมองของอินซอบยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก
อีอูยอนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แล้วอะไรคือความจริงใจของเขา
“ผมไม่รู้เลยครับว่าต้องทำยังไง ผมไม่รู้ เพราะนี่เป็นครั้งแรก…”
อินซอบค่อยๆ เอ่ยคำพูดที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากออกมาทีละคำ
“คนแต่ละคนล้วนแตกต่างกันไปก็จริง แต่ผมไม่ค่อยเข้าใจคุณอีอูยอนเลยครับ”
“ไม่เข้าใจเหรอครับ ผมน่ะเหรอ”
อินซอบพยักหน้าน้อยๆ อีอูยอนหัวเราะสั้นๆ ดัง “เหอะ” จากนั้นก็เอียงคอและสบตากับอินซอบ
“การไม่เข้าใจมันเป็นปัญหาใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
อีอูยอนเอ่ยถามเหมือนไม่รู้จริงๆ มีบางครั้งเหมือนกันที่เขาพูดกับอีอูยอนอยู่ แต่กลับรู้สึกเหมือนพูดอยู่กับกำแพง
“ขอโทษครับ”
อินซอบค้อมศีรษะพลางเอ่ยขอโทษ
“ผมก็ไม่ได้เข้าใจคุณไปหมดทุกอย่าง”
เสียงหัวเราะที่นุ่มนวลเหมือนฝนในฤดูใบไม้ผลิดังขึ้นตามมา แต่ปลายนิ้วของอินซอบกลับเย็นเฉียบ ตอนนั้นเองอีอูยอนก็เห็นอะไรบางอย่าง และค่อยๆ หันไปมอง
“เอามันมาด้วยเหรอครับ”
สิ่งที่อีอูยอนชี้คือกระถางต้นไม้ที่คังยองโมส่งมาให้ อีอูยอนคว้าต้นไม้เหมือนกับจับหัวใครสักคน และปาลงบนพื้นโดยที่อินซอบไม่ทันได้มีโอกาสตอบอะไร
ชิ้นส่วนของกระถางต้นไม้กระจายไปทั่วสารทิศพร้อมกับเสียงดัง เพล้ง การกระทำที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของอีกฝ่ายทำให้อินซอบหน้าซีดเผือด
“ขอโทษครับ”
อีอูยอนเอ่ยขอโทษขึ้นมาง่ายๆ
“ผมพยายามแทบบ้าถึงจะได้มาที่นี่ แต่การที่ไอ้ต้นไม้นั่นได้เข้ามาอยู่ที่นี่ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย มันทำให้ผมหงุดหงิดฉิบหาย”
อีอูยอนเดินเข้ามาหาอินซอบ ดวงตาของเขาดำมืด อินซอบเคยเห็นแววตาแบบนั้นมาก่อน เป็นแววตาที่อีกฝ่ายใช้ตอนเค้นถามตนที่ฮาวาย
อินซอบเผลอขยับถอยหลังโดยไม่รู้ตัว และหลังของเขาก็ชนเข้ากับอ่างล้างจาน อีอูยอนเอื้อมมือออกมาและขังร่างของอินซอบไว้แบบนั้น
“คุณอินซอบ”
อินซอบกลั้นหายใจ แม้จะพยายามที่จะไม่เป็นแบบนั้น แต่ตัวของเขาก็สั่นสะท้าน
“คุณอินซอบ เงยหน้าหน่อยครับ”
อินซอบค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาตามที่อีอูยอนสั่ง
“ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะครับ”
“…”
“ผมถามว่าทำไมถึงทำให้คนอื่นกลายเป็นคนโง่ แล้วจากไปแบบนั้น หืม? เหตุผลจริงๆ คืออะไรเหรอครับ”
“พูดมาสิครับ” อีอูยอนขู่อินซอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนราวกับเป็นคนรักที่กำลังกระซิบคำหวาน แต่เส้นเอ็นกลับปรากฏบนแขนที่ค้ำอ่างล้างจานไว้ต่างจากน้ำเสียงที่ใจเย็น
“ผม…ผมไม่เข้าใจในการกระทำของคุณอีอูยอนครับ ก็เลย…”
“แล้วทำไมถึงคบกับคนที่ไม่เข้าใจตั้งแต่แรกล่ะครับ”
อีอูยอนตะคอกใส่อย่างเย็นชา
อินซอบพูดไม่ออก เขาเชื่อว่าเขาจะสามารถเข้าใจอีกฝ่ายได้ และก็พอใจแล้วกับความพยายามที่อีอูยอนแสดงให้เห็นเพื่อตน
“ไม่มีเหตุผลอื่นเหรอครับ”
อินซอบพยักหน้า อีอูยอนหัวเราะ จากนั้นก็เอ่ยถามในทันที
“4783 คือใครเหรอครับ”
“ครับ?”
“ 4783 ครับ วันนี้คุณโทรศัพท์คุยกับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์สองครั้งใช่ไหมล่ะ คนที่คุณคุยโทรศัพท์ด้วยระหว่างนั้นน่ะ”
อินซอบลองนึก และก็ได้รู้ว่าหมายเลข 4783 ที่อีอูยอนพูดถึงคือเลขท้ายเบอร์โทรศัพท์ของยุนอารึม
ใบหน้าของอินซอบซีดเผือด
“ใคร?”
อีอูยอนเอ่ยถาม
“…เป็นคนที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยครับ”
“เรื่องนั้นผมจะตัดสินเองครับ บอกมาครับว่าใคร”
อินซอบส่ายหน้า เขาไม่อยากลากยุนอารึมเข้ามาในเรื่องของคนสองคน
“เป็นคนที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยจริงๆ ครับ เพราะฉะนั้น…!”
อินซอบตกใจกลัวและรั้งอีอูยอนไว้ อีอูยอนที่กำลังจะต่อสายโทรศัพท์ก้มลงมองอินซอบด้วยสายตาที่เย็นชา
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”
อีอูยอนกดปุ่มโทรออก อินซอบกระวนกระวายใจ เพราะเขาไม่รู้เลยว่าอีอูยอนในตอนนี้จะทำอะไร เขาจึงยื่นมือออกไปแย่งโทรศัพท์มือถือมาจากอีอูยอนอย่างร้อนรน อีอูยอนที่โดนแย่งโทรศัพท์มือถือไปอย่างกะทันหันก็ก้มลงมองอินซอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เอามาครับ”
อีอูยอนยื่นมือออกมา แต่อินซอบกลับซ่อนโทรศัพท์มือถือไว้ด้านหลัง
“เอามาครับคุณอินซอบ”
“อย่าทำแบบนี้เลยครับ ได้โปรด…”
“‘ได้โปรด’”
อีอูยอนค่อยๆ พูดคำที่อินซอบพูดออกมาอย่างช้าๆ จากนั้นเขาก็ฝังหน้าของตัวเองลงกับไหล่ของอินซอบ และพึมพำ
“งั้นผมก็ขอร้องเหมือนกันครับ ได้โปรดเอามาให้ผมเถอะครับ”
ทุกครั้งที่น้ำเสียงทุ้มต่ำถูกส่งออกมากับไหล่ อินซอบก็ตัวสั่นสะท้าน อีอูยอนถามซ้ำอีกครั้งว่า “นะ?”
อินซอบกำโทรศัพท์มือถือแน่นพร้อมกับส่ายหน้า อีอูยอนถอนหายใจดัง “เหอะ” ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา รอยยิ้มบิดเบี้ยวถูกประดับไว้ที่ริมฝีปากของเขา
“คุณยุนอารึมบอกว่าชอบที่นี่เหรอครับ”
“ครับ?”
“ก็ 4783 เป็นเลขท้ายของเบอร์คุณยุนอารึมนี่”
“…รู้อยู่แล้วเหรอครับ”
“ผมเห็นที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์ตอนนั้นน่ะครับ ถ้าไม่ใช่คนโง่ จะไม่รู้ได้เหรอครับ”
ยุนอารึมเขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองไว้เป็นเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน และอีอูยอนก็เหลือบมองเบอร์นั้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น อินซอบตกใจกับความจริงที่ว่าอีกฝ่ายแกล้งทำเป็นไม่รู้ แม้จะรู้ตั้งแต่แรกแล้วเพื่อดูปฏิกิริยาของตนมากกว่าที่จะตกใจกับความสามารถในการจำที่น่ากลัวของอีกฝ่ายเสียอีก
“แล้วทำไม…”
“ก็ผมอยากจะเห็นสักครั้งว่าคุณจะปกป้องเขาแค่ไหน”
อีอูยอนยื่นมือออกมา และแย่งโทรศัพท์มือถือกลับไปโดยที่อินซอบไม่ทันได้ตอบสนอง นี่เป็นความได้เปรียบของพละกำลังที่เหนือกว่า และเป็นการกระทำที่คำนวณทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แม้จะโดนแย่งโทรศัพท์มือถือไปก็ตาม
“ชอบเขาตรงไหนเหรอครับ”
อีอูยอนเอ่ยถาม
“ผมไม่ได้สนใจเขาครับ”
“ใบหน้า? หน้าผมไม่ได้ดีกว่าเหรอ งั้นก็นิสัย? เพราะใจดีก็เลยชอบเหรอครับ”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ”
“เพราะเธอเลี้ยงทั้งหมาและแมวใช่ไหม เพราะแบบนั้นก็เลยชอบเหรอครับ ถ้าคุณอินซอบไม่ว่าอะไร ต่อให้เป็นช้าง ผมก็มีความตั้งใจที่จะเอามาเลี้ยงเหมือนกัน”
ใบหน้านั้นยิ้มจางๆ เนื่องจากรู้สึกเหมือนถูกทำให้ตกใจ อินซอบจึงเริ่มคลื่นไส้ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขากลับหายใจได้อย่างยากลำบากมากกว่าเมื่อสักครู่นี้
“ผมจะพูดอีกครั้งนะครับ ไม่ใช่แบบนั้นเด็ด…”
“ไม่สิ เพราะเธอคนนั้นทำได้ดีกว่าผมเหรอครับ”
รอยยิ้มของอีอูยอนจางหายไป ไม่สิ ไม่มีสีหน้าแบบไหนอยู่บนใบหน้าของเขาอยู่แล้วต่างหาก แววตาที่เหมือนกับความรู้สึกได้สลายไปแล้วทอดมองมาอย่างเย็นชา
“ลองนอนด้วยแล้วเลยชอบเหรอครับ ถูกใจกับการมีอะไรกับผู้หญิงมากกว่าเหรอครับ ฮ่าฮ่า แล้วคุณยุนอารึมรู้ไหมครับว่าต้องกระแทกตรงไหนคุณอินซอบถึงเสร็จ”
“…อย่าพูดแบบนั้นนะครับ”
“งั้นจะให้พูดแบบไหนดีล่ะครับ”
อีอูยอนยิ้มน้อยๆ
“ผมรักคุณอินซอบนะครับ”
“…”
การสารภาพรักที่กะทันหันทำให้อินซอบนิ่งไป
“ผมรักคุณที่สุดในโลก รักจนรับใครเข้ามาไม่ได้แล้วครับ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำสารภาพความรู้สึกที่ซาบซึ้งของตัวเองออกมา แต่กลับไม่มีความรู้สึกแบบไหนซึมผ่านสีหน้าของอีอูยอนออกมาได้เลย
“พูดแบบนี้ได้ไหม”
“…”
อินซอบถอนหายใจก่อนจะทำคอตก การมองเห็นของเขาพร่าเลือน และท้องไส้ก็รู้สึกไม่ดีจริงๆ
“แบบนี้ก็ไม่ชอบเหรอครับ งั้นจะให้ทำแบบไหนดีครับ”
อินซอบไม่สามารถตอบอะไรกับคำถามของอีอูยอนได้
“ผมถามอยู่นะครับว่าอยากให้ทำยังไง หืม? เงยหน้าขึ้นมาหน่อยครับคุณอินซอบ”
อินซอบปิดปากเงียบอย่างดื้อรั้น และไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมาเลย
“ทำไมล่ะ ตอนนี้ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ไม่ชอบงั้นเหรอ เพราะแบบนั้นเลยทำแบบนี้เหรอครับ ฮ่าฮ่า แล้วจะทำยังไงดีล่ะครับ ผมไม่มีความคิดที่จะปล่อยคุณอินซอบไปซะด้วย”
คำพูดของอีอูยอนที่เหมือนกับกัดฟันพูดทำให้ของอุ่นๆ ตีตื้นขึ้นมาตามลำคอของอินซอบ
เขาไม่เคยโกรธเกลียดอีอูยอนเลย เขาแค่หวังว่าอยากจะยอมรับการที่ความรู้สึกของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปให้ได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลที่สุดเท่านั้น
“ผมจะไม่ปล่อยคุณอินซอบไปหรอกนะครับ แล้วคุณก็ทำกับไอ้อีคนไหนไม่ได้ด้วย ไม่ได้เด็ดขาดครับ”
อีอูยอนพูดราวกับกำชับ
“…ทำไมครับ”
“อะไรนะ?”
“ทำไมผมถึงทำไม่ได้ล่ะครับ”
สายตาของเขาพร่าเลือน และน้ำตาก็ไหลลงมาก่อนที่จะได้คลอเบ้า หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวด มันเจ็บมากจนเขาไม่สามารถหายใจได้
“ทำไมผม…ถึงทำกับคนอื่นไม่ได้ล่ะครับ”
นอกจากอีอูยอนแล้ว เขาไม่เคยเก็บคนอื่นไว้ในใจสักครั้ง เขาเอาแต่ชอบอีกฝ่ายเพียงคนเดียว แม้จะรู้ว่าไม่สามารถบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับหัวใจที่ชอบไปแล้วได้ แม้จะจับมือ จูบปาก และมีอะไรกับอีกฝ่ายมาแล้วหลายปี แต่เขากลับชอบอีกฝ่ายขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกตื่นเต้นและใจสั่นทุกครั้ง เหนือสิ่งอื่นใดก็คือเขารักและเทิดทูนอีกฝ่ายจริงๆ
ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่อินซอบก็รู้สึกถึงความปรารถนาอันแรงกล้า ท่าทีที่เปลี่ยนกลับไปกลับมาของอีอูยอนที่บอกว่าการมีอะไรกับคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาอย่างหน้าตาเฉย แต่กลับบอกว่าตนทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาดทำให้อินซอบโมโห เขาพ่นคำโกหกที่ไม่ได้รู้สึกจริงๆ ออกมา และอยากจะทำให้ความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นแผล นี่เป็นเจตนาร้ายที่เขามีเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาก
“ก็มันเป็นเรื่องธรรมดานี่ครับ คุณบอกเองนะครับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาในวงการนี้ เพราะฉะนั้น…!”
ตอนนั้นเองมือของอีอูยอนก็โผล่เข้ามาในสายตาของอินซอบ เลือดไหลลงมาตามมือของอีอูยอนอย่างเห็นได้ชัด หน้าจอโทรศัพท์มือถืออยู่ในสภาพที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะเขากำลังกำมืออดทนเป็นอย่างมาก และหน้าจอที่แตกทิ่มเข้าไปในนิ้วของเขาจนเป็นแผลลึก
“เลือด…”
อินซอบที่เงยหน้าขึ้นมาพูดไม่ออก
อีอูยอนกำลังมองเขาอยู่ และอินซอบก็รู้ว่ารูปตาที่บิดเบี้ยวกับริมฝีปากที่เม้มสนิทของอีกฝ่ายหมายความว่าอะไร
“…”
อีอูยอนจ้องอินซอบโดยไม่พูดอะไร อินซอบสังหรณ์ถึงความสำเร็จของตัวเอง ว่าเขาได้สร้างรอยแผลลึกไว้ในความรู้สึกของอีอูยอนเรียบร้อยแล้ว
“ชอบคนอื่นแล้วเหรอครับ”
อีอูยอนทำแววตาเหมือนสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บพลางเอ่ยถาม เส้นเอ็นบนหลังมือของเขาปูดโปนอย่างเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเขาทำแบบนั้น เลือดที่ไหลลงมาตามมือก็ยิ่งเยอะขึ้น
“ชอบคนอื่นแล้วจริงๆ เหรอครับ”
อีอูยอนเอ่ยถาม เขาพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างช้าๆ ทีละพยางค์ แล้วพื้นก็กลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ จากเลือดที่ไหลลงออกมาของเขา
“อย่าทำแบบนั้นครับ เลือดมัน…”
อินซอบรั้งมือของอีกฝ่ายไว้ เลือดอุ่นๆ ของเขาทำให้มือทั้งสองข้างของอินซอบเปียก แม้อินซอบจะพยายามกางมือของอีอูยอนออก แต่เขาก็ไม่ขยับเลยสักนิด
“คุณอินซอบ”
อีอูยอนเอ่ยเรียกชื่อของอินซอบ
แล้วอินซอบก็ได้เผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่เจตนาร้ายของตัวเองทำให้เกิด
เขาไม่เคยอยากให้พ่อแม่ที่ทิ้งตัวเองไปโชคร้ายเลย และพยายามเข้าใจแม้กระทั่งเจ้าของบ้านที่ไล่ตัวเองออกจากห้องด้วยเหตุผลที่ไม่น่าเชื่อในชั่วพริบตาด้วย หรือแม้กระทั่งกระถางต้นไม้ที่คังยองโมให้ จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถดึงใบของมันทิ้งได้
“ในที่สุดก็ชอบคนอื่นที่ไม่ใช่ผมแล้วเหรอครับ”