ภายในหอไจซิงเงียบสงัด ก่อนหน้านี้ได้ยินฮ่องเต้เรียกขานทีละรายชื่อ ไม่ว่าจะเป็นสามัญชนหรือชนชั้นสูง ทุกคนต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ อย่างไรก็เป็นการเข้าเฝ้า อีกทั้งเป็นการประลองที่ทุกคนเข้าร่วม ย่อมต้องยินดีปรีดา
เวลานี้ได้ยินฮ่องเต้เรียกขานชื่อของจางเหยา ทุกคนต่างมองไปยังทิศทางเดียวกัน สีหน้าและสายตาต่างแปลกประหลาดเล็กน้อย
คนผู้นั้นนั่งอยู่ท่ามกลางหมู่คนที่ดูเหมือนบัณฑิตแสนธรรมดาเป็นสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คุณหนูเฉินตันจูพังประตูใหญ่ของกั๋วจื่อเจี้ยน ก่นด่าสวีลั่วจือมีตาแต่หามีแววไม่ ไม่รู้จักรักษาผู้มีปัญญาด้วยความโกรธเพื่อเขา
แต่นับจากการประลองเริ่มต้นขึ้น ผู้มีความสามารถนี้ราวกับไม่เคยขึ้นประลองแม้แต่ครั้งเดียว เวลานี้
สวีลั่วจือทูลกลับฮ่องเต้ไปตามตรงว่าจางเหยาไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้โดดเด่น…
เรื่องนี้คงจะน่าอับอายยิ่งนัก?
สหายข้างตัวของจางเหยาอดถามเสียงเบาไม่ได้ “เจ้าเขียนบทกวีแล้วหรือไม่ ข้าเห็นเจ้าก้มหน้าเขียนอยู่ทุกวัน เจ้าไม่ได้ส่งขึ้นไปหรือ”
นอกจากเวลาขึ้นอภิปรายแล้ว ยังสามารถนำส่งบทกวีโดยตรง เด็กในร้านของหอไจซิงและหอเหยาเย่ว์ไม่ต้องทำสิ่งอื่นในหลายวันนี้ เพียงแค่รับผิดชอบจัดการบทกวีเหล่านั้นให้เป็นเล่มตำรา กระจายไปทั่วทุกที่ บทกวีเหล่านี้สุดท้ายย่อมถูกวางไว้ตรงหน้าของเหล่าอาจารย์หยูผู้รับผิดชอบในการตัดสิน
จางเหยาพูดอย่างเก้อเขิน “ส่งแล้ว”
สหายยิ่งกระอักกระอ่วน พร้อมทั้งระอาเล็กน้อย “เจ้า คงไม่แม้แต่บทเดียวก็ไม่ได้กระมัง”
จางเหยาพูด “ข้าคิดว่าข้าได้ แต่เหล่าอาจารย์หยูคงคิดว่าข้าไม่ได้”
สหายหมดคำพูด คนที่เงี่ยหูฟังอยู่บริเวณรอบด้านเมื่อได้ยินดังนี้ สีหน้ายิ่งกระจ่าง ภายในสายตามีความเหยียดหยามเพิ่มมากขึ้น…ถึงแม้จางเหยาจะเป็นบัณฑิตสามัญชน แต่ผู้ที่ไม่มีความสามารถ ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงนั้น ช่างละอายที่จะคบหาด้วยเสียจริง
ฮ่องเต้ที่อยู่บนเวทีสูงสายตาเย็นชาลงไป เขาเหลือบมองเฉินตันจู ครานี้ไม่ได้มองไปยังองค์ชายสามอีก
องค์ชายห้าเบิกบานใจอย่างมาก สามัญชนได้รับชัยชนะแล้วอย่างไร เฉินตันจูเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายสามก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาเช่นนี้แล้วอย่างไร เจ้ายังคงผิดพลาดอยู่ดี เจ้ายังคงมีโทษอยู่ดี เจ้ายังคงทำให้กั๋วจื่อเจี้ยนขุ่นเคือง ทำให้เหล่าบัณฑิตหยูทั่วแผ่นดินไม่พอใจ
เช่นนั้นองค์ชายสามที่มีส่วนร่วมกับเฉินตันจูย่อมไม่มีชื่อเสียงอันดีแต่อย่างใด
“เฉินตันจู เหล่าสามัญชนได้รับชัยชนะเป็นผลงานของเหล่าบัณฑิตสามัญชน” องค์ชายห้าพูดด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด “บัณฑิตสามัญชนชนะ แต่ไม่ได้หมายความว่าจางเหยาเป็นผู้ชนะ ก่อนหน้านี้เจ้าก่นด่าสวีซินแส ก่นด่ากั๋วจื่อเจี้ยน เห็นได้ชัดว่าเจ้าผิด”
เฉินตันจูมองไปยังองค์ชายห้า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พบองค์ชายท่านนี้ อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่รับรู้ถึงความไม่เป็นมิตรของเขา แต่เพียงแค่ครุ่นคิดก็กระจ่าง องค์ชายห้าเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับองค์รัชทายาท องค์รัชทายาท…
“หม่อมฉันไม่ผิดเพคะ” เฉินตันจูพูด เดินหน้าขึ้นหนึ่งก้าวเรียกขานฝ่าบาท “ความรู้ของจางเหยาดีมากเพคะ! ฝ่าบาทไม่เชื่อ เรียกเขามาถามได้เพคะ”
ฮ่องเต้หัวเราะเสียงเย็น “เฉินตันจู หากข้าไม่เชื่อ เจ้าจะก่นด่าว่าข้ามีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักผู้มีปัญญาด้วยหรือ ข้ามีตาไร้แวว สวีซินแสมีตาไร้แวว บัณฑิตทั่วทั้งแผ่นดินต่างมีตาไร้แวว มีเพียงเจ้ามีตาดีมองเห็นคนที่เก่งได้!”
ฮ่องเต้ยิ่งพูดยิ่งเสียงดัง สุดท้ายตบโต๊ะดังปังด้วยความโมโห โอรสแห่งสวรรค์โกรธทำให้บริเวณรอบด้านเงียบสงัด
เฉินตันจูคุกเข่าลง “หม่อมฉันมีโทษเพคะ”
ฮ่องเต้พูดเสียงเย็น “ในใจของเจ้าคิดอันใดข้ารู้ เจ้าไม่คิดว่าตนเองมีโทษ…”
องค์หญิงจินเหยาอดไม่ได้ที่จะเดินออกมา “เสด็จพ่อ มีเรื่องใดพูดกันดีๆ เถิดเพคะ…”
“เจ้าเงียบปาก” ฮ่องเต้ตะโกน “เจ้าด้วย คบสหายไม่ระวัง มีตาไร้แวว”
องค์ชายห้ายืนมองอยู่ด้านข้างด้วยหัวใจที่เบิกบาน เห็นได้อย่างชัดเจนตอนที่ฮ่องเต้ตำหนิองค์หญิงจินเหยานั้น เขาเหลือบมององค์ชายสามด้วย คบสหายไม่ระวังก็เป็นการตำหนิเขาเช่นเดียวกัน เสียดายองค์ชายสามไม่ได้พูดสิ่งใด อีกทั้งยังดึงองค์หญิงจินเหยาที่ดวงตาแดงก่ำกลับไป…พี่สามคนนี้ ฉลาดอย่างมาก
ฮ่องเต้ตำหนิเฉินตันจูต่อหน้าสาธารณชน ตำหนิองค์หญิงจินเหยาอย่างเข้มงวด ถือเป็นการลงโทษต่อเรื่องในวันนั้น วันที่เฉินตันจูอาละวาดที่กั๋วจื่อเจี้ยน องค์หญิงจินเหยาวิ่งออกมาจากพระราชวังเพื่อมามีส่วนร่วม เรื่องเหล่านี้ฮ่องเต้ไม่ใช่ไม่สนใจ ข้ามผ่านไปเช่นนี้
เหล่าบัณฑิตและอาจารย์หยูรอบด้านถูกปลอบประโลมไฟโกรธที่สั่งสมมาจากวันนั้น พวกเขามองฮ่องเต้ด้วยสีหน้าเคารพอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้ตำหนิเฉินตันจูเสร็จสิ้น เขามองไปยังเหล่าบัณฑิตยี่สิบกว่าคนบนเวทีอีกครั้ง พูดด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ถึงแม้โอกาสนี้ไม่สง่างามนัก แต่ความรู้ของพวกเจ้า เป็นการเติมเต็มความงดงามให้แก่เหล่าบัณฑิตและบรรพบุรุษ เปลี่ยนเรื่องที่เหลวไหลนี้ให้กลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ของลัทธิหยู ข้าปลาบปลื้มใจยิ่งนัก”
เหล่าบัณฑิตที่กังวลในเดิมที เกรงว่าฮ่องเต้จะระบายอารมณ์ต่อพวกเขาด้วยนั้น เวลานี้ได้ยินเช่นนี้จึงดีใจยิ่งนัก พวกเขาต่างคำนับขอบพระทัย
ฮ่องเต้มองสวีลั่วจืออีกครั้ง “คนเหล่านี้มอบให้ซินแส ซินแสสั่งสอนให้ดี ให้พวกเขากลายเป็นเสาหลักของบ้านเมือง”
เหล่าบัณฑิตยี่สิบคนบนเวทีต่างตกใจเล็กน้อย ถึงแม้บัณฑิตชนชั้นสูงเข้ากั๋วจื่อเจี้ยนไม่ใช่เรื่องยาก แต่การคัดเลือกขุนนางยังคงมีความซับซ้อน อาทิตำแหน่งขุนนางเล็กใหญ่ และสถานที่ล้วนเป็นปัญหา เวลานี้มีคำพูดของฮ่องเต้ อนาคตของพวกเขาก้าวไกลอย่างไม่อาจคาดเดาได้ ตำแหน่งยิ่งต้องสูงมากกว่าเดิมทีที่จะได้ สำหรับบัณฑิตสามัญชนแล้ว เรื่องนี้ช่างเปรียบเสมือนการก้าวกระโดด เปรียบเสมือนการถอนรากเปลี่ยนกระดูกนับจากนี้ มีบางคนที่อดหลั่งน้ำตาลงมาไม่ได้
สวีลั่วจือตอบรับ ก่อนจะมองบัณฑิตเหล่านี้ “กระหม่อมไม่มีทางปล่อยให้ผู้มีความสามารถพเนจรอยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ไม่ได้มองเฉินตันจู แต่ทุกคนต่างรู้ว่าเขากำลังด่าผู้ใด
เฉินตันจูเงยหน้าถลึงตาใส่สวีลั่วจือ
โจวเสวียนที่ดูอยู่ด้านข้างด้วยความเงียบหัวเราะขึ้นมา “คุณหนูตันจู ท่านยังกล้าไม่ยอมอีกหรือ? ท่านคิดจะทำอย่างไร ประลองอีกครั้งหรือ”
ฮ่องเต้ถลึงตาใส่เขา “เจ้าก็เงียบปาก! หากเจ้าไม่มีสิ่งใดทำ เอาแต่ก่อเรื่อง เจ้าก็กลับค่ายทหารไปเสีย”
โจวเสวียนเบะปากไม่พูด
ขันทีจิ้นจงเดินขึ้นหน้าอย่างทันเวลา ผลประกาศก็ดูแล้ว อากาศหนาวเย็นยิ่งนัก เสด็จออกมาเป็นเวลานานเกินไปแล้ว เหล่าราษฎรต่างรู้ข่าว มุงดูด้วยความคับคั่งอาจไม่ปลอดภัย อีกทั้งยังมีงานมากมาย ขอเชิญฮ่องเต้เสด็จกลับพระราชวัง
สวีลั่วจือพูด “ฝ่าบาทเสด็จออกจากพระราชวังกะทันหัน ไม่เหมาะสมยิ่งนัก”
ฮ่องเต้จึงหัวเราะ ก่อนจะกำชับให้ตั้งขบวนกลับพระราชวัง เหล่าบัณฑิตด้านในและด้านนอกของหอไจซิงและหอเหยาเย่ว์ อีกทั้งบนท้องถนนต่างส่งเสียงสรรเสริญส่งเสด็จ
องค์หญิงจินเหยา โจวเสวียน องค์ชายห้า และองค์ชายสามต่างตามกลับไป ตามเสียงสรรเสริญที่ดังก้องไปทั่วฟ้า ขบวนเสด็จจากไปอย่างเชื่องช้า
หอเหยาเย่ว์ และหอไจซิงเงียบลงในทันทีตามการจากไปของฮ่องเต้ ก่อนจะคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ผู้ชนะทั้งยี่สิบคนนั้นถูกเหล่าบัณฑิตรายล้อม ส่งเสียงยินดี คารวะด้วยสุรา อีกทั้งยังมีคนตะโกนให้จัดงานเลี้ยง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานในเวลาหนึ่ง ไม่แบ่งแยกระหว่างชนชั้นสูงและสามัญชน…เนื่องจากภายในหอไจซิงมีเฉินตันจูนั่งอยู่ เหล่าบัณฑิตสามัญชนคนอื่นต่างเดินจากไป วิ่งไปยังหอเหยาเย่ว์ฝั่งตรงข้าม
“พวกเนรคุณ!” อาเถียนยืนด่าอยู่ภายในหอ “ทั้งที่กินดื่มไม่เสียเงินอยู่ในนี้มาครึ่งเดือน!”
เฉินตันจูยิ้มให้นาง
จางเหยาพูด “ข้าก่อปัญหาแล้วหรือไม่”
ฮ่องเต้จากไป เหล่าบัณฑิตจากไป หลิวเวยและหลี่เหลียนต่างมาถึง เวลานี้มองเฉินตันจูด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ได้ก่อปัญหา ก่อปัญหาอันใด” เฉินตันจูยิ้ม
ราวกับเพื่อเป็นการพิสูจน์คำพูดของนาง ขันทีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน “คุณหนูตันจู องค์ชายสามให้ข้ามาบอกท่าน องค์ชายจากไปอย่างรีบร้อน เนื่องจากฝ่าบาทกำลังโกรธ องค์ชายไม่อาจทันได้พูดคุยกับท่าน ท่านวางใจ ถึงแม้ฝ่าบาทจะดูเหมือนโกรธ ตำหนิท่าน แต่เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ไม่มีผู้ใดตำหนิท่านอีก สวีซินแสก็ไม่อาจทำสิ่งใดท่านได้”
เฉินตันจูพยักหน้าต่อเขา “ข้ารู้ เจ้ารีบกลับไปทูลองค์ชาย ข้ารู้”
ขันทีอดหัวเราะไม่ได้ “องค์ชายตรัสว่าคุณหนูตันจูรู้ คุณหนูตันจูท่านก็บอกว่าท่านรู้ เหตุใดองค์ชาย ต้องให้ข้าวิ่งมารอบนี้”
เฉินตันจูยิ้ม “ย่อมเป็นเพราะองค์ชายอยากให้ข้าวางใจยิ่งขึ้น”
ขันทีจากไปแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดขององค์ชายสาม จางเหยา หลิวเวยและหลี่เหลียนต่างวางใจ แต่คิ้วของเฉินตันจูยังคงขมวดมุ่น
“เรื่องนี้ไม่อาจจบสิ้นแค่นี้” นางพูด “สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่การโจมตีกั๋วจื่อเจี้ยนระบายความโกรธ”
สิ่งที่นางต้องการคือให้จางเหยาเข้าศึกษาที่กั๋วจื่อเจี้ยนไม่ใช่หรือ หลี่เหลียนคิดภายในใจ เฮ้อ เรื่องนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว หากไม่มีเรื่องในครานี้ หากแต่ขอให้องค์ชายสามพูดกับสวีลั่วจือ อาจยังพอมีความหวัง เวลานี้ทุกคนต่างรู้เรื่อง ภายใต้สายตาที่จับจ้อง จางเหยาไม่ได้แสดงความสามารถที่โดดเด่น ถึงแม้จะเป็นฮ่องเต้มาขอร้อง กั๋วจื่อเจี้ยนยังคงมีเหตุผลไม่ให้เขาเข้ามา
หลี่เหลียนเกลี้ยกล่อม “อันที่จริงสถานศึกษาที่ดี อาจารย์หยูที่ดียังมีอีกมาก”
จางเหยาพยักหน้าอยู่ด้านข้าง “ใช่ๆ”
ใช่ๆ เฉินตันจูยิ้มให้พวกเขา แต่สิ่งที่จางเหยาต้องการไม่ใช่การศึกษา หากแต่เป็นตำแหน่งขุนนางที่มีอำนาจ สามารถบรรลุเป้าหมายของตนเองได้
เดิมทีนางคิดจะใช้โอกาสครั้งนี้ทำให้ฮ่องเต้ได้พบกับจางเหยา ไม่คิดว่า ฮ่องเต้เสด็จมาจริงแต่ไม่ยอมพบจางเหยา
ส่วนตอนนี้ฮ่องเต้กำลังโกรธและมีอคติ ขอให้องค์ชายสามขอร้องแนะนำให้ฮ่องเต้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้
เฮ้อ ทำอย่างไรดี หรือว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของจางเหยาได้แล้วจริงๆ เขาทำได้เพียงออกจากเมืองหลวง รอหลังจากนั้นเป็นเวลานานถึงได้เป็นที่รู้จักของฮ่องเต้และผู้คน?
ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก นางแทบอยากให้จู๋หลินแบกจางเหยาส่งไปถึงหน้าของฮ่องเต้ บังคับให้ฮ่องเต้ฟังจางเหยาแสดงความสามารถในการจัดการน้ำ…
จู๋หลินที่ห้อยหัวอยู่บริเวณหน้าต่างรู้สึกตัวสั่นเทาอย่างแปลกประหลาด เขาออกห่างจากหน้าต่างตามสัญชาตญาณ