หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 850 ผีแก่ผู้รอบรู้!

บทที่ 850 ผีแก่ผู้รอบรู้!

แรงกัดนั้นกระชากเอาพลังวิญญาณก้อนใหญ่ออกจากร่างของผีแก่ โทสะและความเจ็บปวดแล่นแปลบไปทั่วร่าง เขารีบสะกดความเจ็บปวดนั้นเอาไว้ ก่อนพยายามกลืนกินดวงวิญญาณของหวังเป่าเล่ออีกครั้ง

ในตอนนั้นเอง ฝักกระบี่และเมล็ดดูดกลืนที่หวังเป่าเล่อเรียกออกมาก็สั่นอย่างรุนแรงจนดูราวกับจะระเบิด ภาพนั้นทำให้ผีแก่ตกใจกลัวเป็นอย่างมาก เขารีบส่งพลังงานส่วนหนึ่งของตนออกไปเพื่อสะกดอาวุธทั้งสองไว้ ขณะที่ผีแก่วอกแวกไปชั่วขณะนั้นเอง เปลวไฟสีดำก็จุดประกายสว่างจ้าขึ้นในดวงวิญญาณของหวังเป่าเล่อ และพวยพุ่งออกสู่บรรยากาศภายนอก

เจ้าคิดว่าจะสิงร่างบิดาของเจ้าคนนี้ได้เช่นนั้นหรือ ตาแก่ ฝันไปเถิด! เปลวไฟสีดำระเบิดออกจากตัวหวังเป่าเล่อ ส่งแรงกดดันเข้าครอบงำวิญญาณทุกดวง ทำให้ผีแก่รู้สึกราวกลับไปเป็นปุถุชนคนเดินดินที่ถูกสาดด้วยน้ำมันร้อน เขากรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด โทสละและความบ้าคลั่งทวีความรุนแรงขึ้นอีก

เขาสืบเสาะทุกช่องทางเท่าที่จะทำได้ และทำการวิเคราะห์มาแล้ว จนมั่นใจว่าหวังเป่าเล่อเป็นศิษย์จากสำนักแห่งความมืด ด้วยเหตุนี้ผีแก่จึงคิดแผนการหนึ่งขึ้นมาได้ เขาตั้งใจจะยัดดวงวิญญาณมากมายใส่ร่างหวังเป่าเล่อ เพื่อส่งสายเลือดและพื้นเพดั้งเดิมของตนเข้าไปในกายชายหนุ่ม หลังจากนั้น ต่อให้หวังเป่าเล่อปล่อยเปลวไฟสีดำออกมากำราบ เขาก็ยังมั่นใจว่าจะตอบโต้กลับได้สำเร็จ

แต่แผนการนั้นก็ถึงคราวเป็นหม้ายไปเสียแล้ว จึงเหลืออยู่ทางเดียวคือการกลืนกินดวงวิญญาณของหวังเป่าเล่อ ความบ้าคลั่งเข้าครอบงำผีแก่ ขณะที่เขาร้องคำรามและพยายามต่อสู้กับความเจ็บปวดจากการถูกเผาไหม้วิญญาณโดยการใช้พลังปราณของตนเข้าช่วย การต่อสู้ระหว่างวิญญาณของผีแก่และวิญญาณของหวังเป่าเล่อยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น ท่ามกลางความเจ็บปวดและเสียงกรีดร้อง

ผีแก่เปลี่ยนรูปร่างเป็นดวงตาดวงหนึ่ง เขาพุ่งเข้าใส่วิญญาณของหวังเป่าเล่ออีกครั้ง แต่แทนที่จะโจมตีดวงวิญญาณโดยตรง เขากลับล้อมมันเอาไว้แทน

“เคล็ดเวทผสานดวงเนตรสวรรค์!”

ผีแก่คำรามก้อง เคล็ดเวทผสานดวงเนตรสวรรค์คือวิชาที่เขาเตรียมมาเพื่อใช้ในกรณีที่แผนการหลักของเขาพังครืน และต้องใช้กำลังเข้าสิงร่างหวังเป่าเล่อแทน ดังนั้นแทนที่จะกลืนกินวิญญาณของชายหนุ่มเข้าไป ผีแก่กลับห่อหุ้มดวงวิญญาณของเขาเอาไว้ เพื่อกักขังมันและผสานเข้ากับตัวเขาเอง

พลังเทพนี้ทำให้เขาใช้กำลังและพลังปราณของตนได้อย่างเต็มที่ แม้อาการบาดเจ็บจากเปลวไฟสีดำจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่พลังเทพจะทำให้เขาเข้าสิงร่างของหวังเป่าเล่อได้อย่างรวดเร็วภายในครั้งเดียว ผีแก่รู้ดีว่าการปล่อยให้หวังเป่าเล่อปล่อยเปลวไฟสีดำออกมาเรื่อยๆ ในขณะที่เขากำลังค่อยๆ กลืนกินวิญญาณของชายหนุ่มคงไม่ใช่สิ่งที่ทำได้นาน ยิ่งยืดระยะเวลาออกไปมากเท่าไหร่ ชะตากรรมของเขาก็จะยิ่งยุ่งยากขึ้นเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้ว ผีแก่จึงตัดสินใจว่าจะต้องจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด!

การกลืนกินนั้นคือการทำลายดวงวิญญาณและเปลี่ยนสภาพของมันให้กลายเป็นพลังบำรุง จัดเป็นวิธีการที่ดีในการเข้าสิงร่าง แต่วิญญาณที่ถูกทำลายไปนั้นก็จะกลายเป็นเพียงพลังหล่อเลี้ยงเช่นเดียวกับการกินโอสถ แน่นอนว่าการผสานวิญญาณเข้าด้วยกันเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หากทำสำเร็จ ไอ้เจ้าหวังเป่าเล่อนี่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของข้า เหมือนเป็นร่างอวตารร่างหนึ่งที่ข้าครอบครอง แล้วไอ้พวกตัวประหลาดในกายมันก็จะเป็นของข้าด้วย!

ผีแก่พยายามปลอบใจตนเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่มีทางเลือกอื่นมากกว่านอกจากต้องใช้วิชาผสานวิญญาณ ดวงจิตของเขายังคงกระจายออกสู่บรรยากาศภายนอกขณะปล่อยพลังของเคล็ดเวทผสานดวงเนตรออกมาเรื่อยๆ วิญญาณของเขาเปลี่ยนสภาพไปเป็นดวงตาที่เข้าคลุมร่างของหวังเป่าเล่อ… ในตอนนั้นเองที่สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในศีรษะของชายหนุ่ม เขาคิดขยับร่างกายส่วนที่ยังพอควบคุมอยู่ทันทีโดยสัญชาตญาณ หมายทำลายแผ่นหยกแผ่นใดแผ่นหนึ่งที่ถืออยู่ในมือ

แผ่นหยกที่ได้มาจากเซี่ยไห่หยางมีราคาพอตัว และหากเขาทำลายแผ่นหยกจากปรมาจารย์แห่งไฟละก็ เขาจะต้องเปลี่ยนสำนักที่ตนเองสังกัด ซึ่งตัวเขาเองในฐานะบุตรแห่งความมืดจากสำนักแห่งความมืด ย่อมไม่ต้องการให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

แต่นี่มันแค่ร่างอวตารของข้ามิใช่รึ จะกลัวบ้าบออะไรกัน ด้นสดเอาก็แล้วกัน พนันได้เลยว่าไอ้ผีแก่ต้องไม่รู้แน่นอนว่านี่เป็นเพียงร่างอวตารของข้า ข้าเดาว่าถึงอย่างไรมันก็สิงร่างอวตารไม่ได้แน่ๆ ! หวังเป่าเล่อตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด เขาโยนความคิดที่จะทำลายแผ่นหยกทิ้ง และใช้พละกำลังทั้งหมดไปกับการปล่อยเปลวไฟสีดำแทน จนทำให้เพลิงพัดโหมขึ้นอีก ทว่า…ผีแก่ยังคงใช้พลังปราณของตนเองสะกดเขาเอาไว้ได้อยู่ อำนาจของเคล็ดเวทผสานดวงเนตรสวรรค์สำแดงออกมาอย่างเต็มที่

แม้ร่างของผีแก่จะกำลังทุกข์ทรมานด้วยเปลวไฟสีดำที่เผาไหม้และกำลังสั่นเทาอย่างรุนแรง แต่ก็ยังเข้าล้อมดวงวิญญาณของหวังเป่าเล่อเอาไว้ได้ พร้อมทั้งปล่อยพลังปราณและพลังเทพเต็มรูปแบบ

วิญญาณของชายหนุ่มมลายหายไปพร้อมเสียงระเบิดกึกก้อง โดยมีผีแก่ในคราบดวงตายักษ์เข้ามาแทนที่ ดวงตานั้นเข้าครอบงำวิญญาณของหวังเป่าเล่อได้เป็นที่เรียบร้อย ภาพนั้นทำให้ผีแก่ถึงกับตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น เขากำลังจะผสานรวมกับหวังเป่าเล่ออย่างสมบูรณ์ในอีกเพียงอึดใจเดียว แต่ตอนนั้นเอง…บางสิ่งที่เหนือจินตนาการก็บังเกิดขึ้น!

ดวงวิญญาณของหวังเป่าเล่อที่ถูกห่อหุ้มด้วยดวงเนตรสวรรค์กลับผ่านทะลุดวงตานั้นไป… ราวกับวิญญาณของผีแก่หมดสิ้นหนทางจะรั้งดวงจิตของหวังเป่าเล่อเอาไว้ได้ และต้องปล่อยให้หลุดมือไปอย่างช่วยไม่ได้

เกิดบ้าอะไรขึ้น ผีแก่ตกใจแทบสิ้นสติ นี่ไม่อยู่ในแผนการของเขาแม้แต่น้อย จนทำให้ถึงกับเสียศูนย์ ส่วนวิญญาณของหวังเป่าเล่อก็ลื่นไหลออกจากการเกาะกุมของผีแก่ และมาปรากฏตัวอีกครั้งด้วยดวงตาวาวโรจน์

ไอ้แก่นี่ไม่รู้จริงๆ เสียด้วยว่านี่มันร่างอวตารของข้า ทุกอย่างในร่างกายนี้เกิดขึ้นจากการสร้างด้วยสารัตถะของร่างจริงข้า แม้ว่าร่างอวตารเช่นนี้จะถูกสิงและผสานรวมได้… แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ไอ้ผีแก่จะทำได้ด้วยระดับพลังปราณเพียงเท่านี้!

ชายหนุ่มท่วมท้นไปด้วยความตื่นเต้น เขามั่นใจว่าตนเองจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน แต่ก็ยังมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลอยู่ดี ผีแก่นี่ซ่อนตัวอยู่นานหลายปี จนรู้หลายเรื่องเกี่ยวกับหวังเป่าเล่อ รวมถึงเรื่องที่เขามาจากสำนักแห่งความมืดด้วย เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้านั่นจะไม่รู้ว่านี่ไม่ใช่ร่างจริงของหวังเป่าเล่อ นอกเสียจากว่า…

มีผู้ฝึกตนผู้ทรงพลังแก่กล้าช่วยข้าอยู่ โดยการทำให้จิตสัมผัสของผีแก่นี่อ่อนกำลังลง ทำให้มันมีความเชื่อแบบผิดๆ !

ลูกไม้นี้… ดูคุ้นๆ ชอบกล ปรมาจารย์แห่งไฟไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องเช่นนี้ ไม่จำเป็นสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย มันดูเหมือนเป็นสิ่งที่… ศิษย์พี่น่าจะทำต่างหาก!

หวังเป่าเล่อนึกย้อนไปถึงตอนที่ศิษย์พี่ของตนพาตนออกมาโดยให้นอนหลับในโลงศพ หากนี่เป็นฝีมือของศิษย์พี่จริงๆ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่เขาหลับอยู่แน่ๆ

นั่นเพราะร่างอวตารหลักของเขาที่สร้างโดยกระบวนท่าสารัตถะเกิดขึ้นหลังจากนั้น

ความคิดเหล่านี้ผ่านเข้ามาในสมองของหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็ว แม้จะดูเหมือนเป็นการวิเคราะห์ที่ต้องใช้เวลานาน แต่ชายหนุ่มก็ได้ข้อสรุปนี้มาภายในพริบตาเดียว นอกจากนี้เขายังสังเกตได้อีกด้วยว่าวิญญาณเสี้ยวเล็กๆ ของผีแก่ที่เขากลืนกินเข้าไปนั้นไม่ได้หายไปไหน แต่รวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเขาต่างหาก

หวังเป่าเล่อระเบิดเสียงหัวเราะ ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโลภ เขาจ้องผีแก่ตาเป็นมันราวกับกำลังมองโอสถล้ำค่าหายาก วิญญาณของชายหนุ่มทะยานไปข้างหน้าหาผีแก่ เปลวไฟสีดำพวยพุ่ง สะกดผีแก่เอาไว้ด้วยอำนาจแห่งไฟที่เผาไหม้ กัดกินร่างกายของอีกฝ่ายอย่างดุเดือด

ในเวลาเดียวกันนั้น…หวังเป่าเล่อก็ไม่ลืมที่จะโบกบังคับให้เมล็ดดูดกลืนและฝักกระบี่ลอยวนรอบกาย เพื่อหันเหความสนใจและสร้างความหวาดกลัวให้คู่ต่อสู้อีกด้วย

ผีแก่กำลังจะเป็นบ้าตาย เขาคิดคำนวณความเป็นไปได้ทั้งหมดของสิ่งที่จะเกิดขึ้นเอาไว้แล้ว แต่ไม่ได้คิดเลยว่าผลสุดท้ายจะมาลงเอยเช่นนี้ ทั้งที่ดูเหมือนตนทำสำเร็จไปแล้วแท้ๆ เขาคำรามกู่ก้อง สิ่งแรกที่คิดได้คือตนเองต้องทำอะไรพลาดไปก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน

ต้องใช่แน่ๆ ! ผีแก่ยังคงกู่ร้องต่อไป พยายามต่อต้านความเจ็บปวดจากเปลวไฟสีดำที่เผาไหม้ และหาช่องโหว่จากการโจมตีของหวังเป่าเล่อเพื่อปล่อยพลังเทพของตนเองออกมาอีกครั้ง สิ่งที่เขาต้องเสียไปคือเศษของวิญญาณที่ถูกหวังเป่าเล่อกลืนกินเข้าไป เพื่อที่จะไม่เกิดความผิดพลาดเช่นนั้นขึ้นอีก ผีแก่จึงปล่อยเคล็ดเวทผสานดวงเนตรสวรรค์ออกมาถึงสามครั้งด้วยกัน

เคล็ดเวทผสานดวงเนตรสวรรค์ระเบิดออกมาพร้อมเสียงดังกึกก้อง วิญญาณของหวังเป่าเล่อถูกผีแก่กักขังเอาไว้อีกครั้ง เขากำลังจะผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณของหวังเป่าเล่อ ทว่า…ชายหนุ่มก็หลุดมือเขาไปได้อีกครา

เป็นไปไม่ได้! ดวงตาของจักรพรรดิโบราณแทบถลนออกจากเบ้า ความมุ่งมั่นเริ่มสั่นคลอน ภาพประหลาดตรงหน้าทำให้ขนลุกชันขึ้นอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ

เหตุใดข้าจึงพลาดอีกครั้งกัน มันไม่มีทางที่จะสิงร่างไอ้หวังเป่าเล่อนี่ได้เลยหรือ ข้าต้องใช้กระบวนเวทผิดเป็นแน่ ลองใช้อีกอันดูก็แล้วกัน! ผีแก่บันดาลโทสะจนแทบพ่นไฟ วิญญาณของเขายังคงสั่นสะท้านขณะที่หวังเป่าเล่อพยายามกลืนกินเขาเข้าไป ผีแก่รีบปล่อยเคล็ดเวทผสานวิญญาณอื่นๆ ออกมาทันที

“กระบวนเวทปันกายาคุ่นหลุน!”

“บัดซบ ทำไมไม่ได้ผลกัน กระบวนเวทรวมร่างมหาปีศาจ!”

“เกิดบ้าอะไรขึ้นกัน เคล็ดเวทพิภพเชื่อมสวรรค์!”

ผีแก่เป็นบ้าไปแล้วเรียบร้อย เขาปล่อยกระบวนเวทสิงกายาออกมาห้าถึงหกวิชาด้วยกัน แต่ก็ไม่มีวิชาใดใช้ได้ผล ราวกับว่าวิญญาณของหวังเป่าเล่อไม่มีอยู่จริงอย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าจะพยายามสิงร่างของชายหนุ่มมากเท่าใดก็ไม่สำเร็จเสียที

เปลวไฟสีดำของหวังเป่าเล่อยังคงเผาไหม้อย่างต่อเนื่องขณะที่ผีแก่ก็ยังพยายามไม่หยุด ความเจ็บปวดมหาศาลทำให้ร่างของเขาเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ หวังเป่าเล่อเองก็ยังไม่ผ่อนกำลังการกลืนกินลงแม้แต่น้อย แม้จะดึงวิญญาณของผีแก่ออกมาได้ครั้งละเสี้ยวเล็กๆ แต่มันก็ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จนวิญญาณของผีแก่หายไปแล้วกว่าร้อยละสามสิบ

จิตและวิญญาณที่ถูกทำลายทำให้ผีแก่ใกล้คลั่ง แต่เขาเคยมีศักดิ์เป็นถึงจักรพรรดิผู้บุกเบิกอาณาจักร จึงย่อมมีนิสัยพากเพียรและมุ่งมั่นเป็นอย่างมากโดยธรรมชาติ แม้จะทำพลาดหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แต่อย่างใด ผีแก่คำรามก้องด้วยโทสะ ก่อนพยายามสิงร่างหวังเป่าเล่ออีกครั้ง

“กระบวนเวทกลืนกินเก้าเมฆาสวรรค์!”

“เคล็ดเวทปัดเป่าวิญญาณไร้จิต!”

……………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท