ป้าเถาค่อยๆ คุกเข่าลงตรงหน้าสืออีเหนียง
สีหน้าของนางเหม่อลอย “เรื่องนี้บ่าวผิดเองเจ้าค่ะ ฮูหยินจะลงโทษบ่าวเช่นไรก็ได้ แต่ท่านโปรดไว้หน้าบ่าวต่อหน้าจุนเกอ บ่าวจะซาบซึ้งในพระคุณของท่านไปตลอดชีวิต” นางเม้มริมฝีปากแน่น
“ท่านป้ารู้ว่ายังต้องมีหน้ามีตาก็ดี” สืออีเหนียงจ้องมองป้าเถาอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก ท่านป้าออกไปพักผ่อนเถิด!”
ป้าเถาคำนับสืออีเหนียงแล้วเดินออกไป
สืออีเหนียงถอนหายใจเบาๆ
นางอยากจะปรองดองกับคนของหยวนเหนียงจริงๆ ส่งต่อหน้าที่นี้ให้ภรรยาของจุนเกออยางราบรื่น แต่บางครั้ง เรื่องราวกลับไม่เป็นดั่งที่ตัวเองหวัง
ช่วงบ่ายของวันต่อมา อู่เหนียงก็ปรากฏตัว
สืออีเหนียงได้ยินสาวใช้เข้ามารายงาน นางก็บอกหู่พั่ว “เจ้าจับตาดูให้ดี หากนางมาชวนข้าทำกิจการใดอีก เจ้าก็หาข้ออ้างเรียกข้าออกไป”
หู่พั่วกลั้นหัวเราะแล้วพยักหน้า “ฮูหยินไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ บ่าวจะจับตาดูให้ดี”
สืออีเหนียงเดินออกไปต้อนรับอู่เหนียง
“พี่หญิงห้าไม่ได้มาหาข้านานแล้ว มีเรื่องอันใดก็ให้ท่านป้ามารายงานก็ได้นี่เจ้าคะ เหตุใดถึงต้องมาด้วยตัวเอง” จากนั้นก็มองดูท้องที่ใหญ่โตของนาง ครุ่นคิดในใจ หรือว่าเป็นฝาแฝด!
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” อู่เหนียงยิ้ม “พี่เขยของเจ้าเป็นพ่อคนครั้งแรก เขาตื่นเต้นมาก อีกตั้งสามสี่เดือนกว่าจะคลอดก็เชิญหมอตำเเยมาที่จวนแล้ว หมอตำเเยคนนั้นบอกว่า ให้ข้าเดินบ่อยๆ พี่เขยของเจ้าไม่ยอมให้ข้าเย็บปักถักร้อย วันนี้ไปอารามเมฆขาว พรุ่งนี้ไปวัดฮู่กั๋ว ไปๆ มาๆ ช่วงนี้ข้าเวียนหัวไปหมด วันนี้ก็บอกอีกว่าจะไปวัดฮู่กั๋ว บอกว่าครั้งแรกที่เจอกับข้าก็เจอที่วัดฮู่กั๋ว...” พูดจบก็ปิดปากยิ้มด้วยสีหน้าที่ดีใจและเขินอาย
สืออีเหนียงไม่ใช่คนที่ชอบขัดบรรยากาศอันสวยงามของคนอื่น จึงยิ้มแล้วพูดว่า “พี่เขยห้าดีกับพี่หญิงห้าเสียจริงเจ้าค่ะ!”
“ไอ๊หยา ดีอะไรกัน!” อู่เหนียงพึมพำ “ข้าไม่ได้เป็นเหมือนที่เขาพูด เดินไปเดินมาไม่ดูแลจวน วันนี้ข้าเห็นว่าอากาศดี จึงอ้างว่าเดินเหนื่อยแล้ว ถือโอกาสมานั่งที่เรือนของเจ้า ข้าจำได้ว่าเจ้ามีลายปักตั้งมากมาย ข้าจึงอยากทำสายรัดเข่าให้พี่เขยเจ้า”
“พี่หญิงห้าดีกับพี่เขยห้าเสียจริง!” สืออีเหนียงยิ้มแล้วประคองนางเข้าไปข้างใน พานางไปนั่งบนเตียงเตา จากนั้นก็บอกให้สาวใช้ไปเรียกปินจวี๋มา “…บอกว่าคุณนายห้ามา อยากได้ลายปัก ให้นางนำกล่องลายปักมาให้ข้า”
สาวใช้ตอบรับแล้วเดินออกไป
หู่พั่วพาสาวใช้ยกชาและของว่างมาให้อู่เหนียงด้วยตนเอง
อู่เหนียงมองไปที่หู่พั่ว ”เด็กคนนี้ ตั้งแต่ติดตามเจ้ามาก็หน้าตาสะสวยขึ้นไม่น้อย หรือว่าอาหารของจวนสกุลสวีนั้นบำรุงดี?”
“คุณนายห้าชมเกินไปเจ้าค่ะ” หู่พั่วยิ้มตอบอย่างนอบน้อม
อู่เหนียงเห็นเช่นนี้ก็พยักหน้า พูดคุยกับสืออีเหนียง ”ข้าได้ยินมาว่าตงชิงจะแต่งงานแล้ว กำหนดวันแล้วหรือยัง”
“ยังเจ้าค่ะ” สืออีเหนียงพูด “ช่วงนี้เอาแต่ยุ่งเรื่องของพี่หญิงสิบ จึงทำให้เรื่องนี้ล่าช้า”
“ล่าช้าอะไรกัน ให้ป้าเถาเป็นคนจัดการก็ได้”
“นางเป็นคนแรกในเรือนที่แต่งออกไป ต้องมีหน้ามีตามากกว่าคนอื่น แต่พวกเรื่องสินสอดทองหมั้นก็ให้ป้าเถาเป็นคนช่วยจัดการ”
พวกนางสองคนพูดคุยกันสองสามประโยค ปินจวี๋ก็นำกล่องลายปักเข้ามา ทุกคนพากันเลือกอยู่ครู่หนึ่ง อู่เหนียงเลือกลายประโยคมงคลอย่างเช่น ‘เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป’ และ ‘สอบได้ลำดับที่หนึ่ง’ จากนั้นก็หันมาขยิบตาให้สืออีเหนียง “พี่น้องอย่างเรา ไม่จำเป็นต้องให้คนมารับใช้มากขนาดนี้ ให้พวกนางออกไปเถิด ถือเสียว่าข้ามาให้รางวัลพวกนาง”
สืออีเหนียงรู้ว่านางจะเข้าประเด็นหลักแล้ว จึงถอนหายใจอย่างเอือมระอาในใจ จากนั้นก็ไล่สาวใช้ออกไป
อู่เหนียงวางศอกลงบนโต๊ะ เอนตัวเข้ามาแล้วพูดว่า “อะไรกัน ข้าได้ยินมาว่าเฉียวอี๋เหนียงของพวกเจ้าตั้งครรภ์แล้วหรือ” นางพูดเบาลงราวกับว่าเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่
สืออีเหนียงพยายามไม่ขมวดคิ้ว “พี่หญิงห้ารู้ได้เช่นไร”
อู่เหนียงเม้มปากยิ้ม “จริงหรือไม่” ทำท่าทีราวกับว่าใครบอกเจ้าไม่ต้องถาม อย่างไรข้าก็ไม่มีทางบอกเจ้า
นอกจากสกุลหลัวแล้วจะมีใครอีก
สืออีเหนียงก็เกียจคร้านเกินกว่าจะสนใจ ถึงแม้ว่าจะสนใจก็ไม่มีความหมายอะไร เป้าหมายที่อู่เหนียงมาหาตัวเองนั้นสำคัญกว่า
นางพยักหน้า “เฉียวอี๋เหนียงพึ่งจะตรวจเจอว่าตั้งครรภ์”
“เฮ้อ!” อู่เหนียงถอนหายใจ “แล้วเจ้าจะทำเช่นไร”
“ดูแลเฉียวอี๋เหนียงให้ดี ให้นางคลอดบุตรออกมาอย่างราบรื่น”
“แล้วเรื่องในเรือนของเจ้าเล่า” อู่เหนียงถามด้วยความเป็นห่วง
หรือว่ามาพูดเหมือนที่นายหญิงใหญ่พูด?
สืออีเหนียงคาดเดา แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไรแล้วถามว่า “เรื่องในเรือนข้า? ในเรือนของข้าจะมีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”
“เจ้านี่จริงๆ เลย ไม่ใช้สมองเสียบ้าง” อู่เหนียงทำท่าทีไม่พอใจที่สืออีเหนียงไม่เอาถ่าน “ฉินอี๋เหนียงและเหวินอี๋เหนียงล้วนแต่อายุมากแล้ว ตอนนี้เฉียวอี๋เหนียงก็ตั้งครรภ์ รับใช้ท่านโหวเข้านอนไม่ได้…เจ้าไม่คิดว่าจะทำอย่างไรบ้างเลยหรือ หากเป็นข้า ไม่สู้รับสาวใช้ห้องข้างที่อายุยังน้อยมาไว้ในเรือนสักสองสามคน ถือโอกาสรับใช้ท่านโหวให้ดี...”
สืออีเหนียงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเบื่อหน่าย ทำเป็นยุงบินร่อนอยู่ข้างหู ตอบกลับไปอย่างส่งๆ
และเมื่อตอนที่นางรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะทนไม่ไหวแล้ว หู่พั่วก็เข้ามาพอดี “คุณนายห้า บ่าวชงชาใหม่มาให้เจ้าค่ะ”
อู่เหนียงหยุดพูดแล้วพยักหน้าให้หู่พั่ว
หู่พั่วรินชาให้พวกนาง จากนั้นก็ยกผลไม้เข้ามา “คุณนายห้าลองชิมดูเจ้าค่ะ ผิงกั่วจากซานตง ส้มจากกั้นหนาน”
อู่เหนียงยิ้มแล้วหยิบส้มมาดม
เมื่อหู่พั่วออกไปแล้ว นางก็เริ่มพูดอีกครั้ง “…เช่นนั้น ข้าให้พี่เขยของเจ้าซื้อหญิงงามสักสองสามคนจากหยางโจวมาให้เจ้า? บอกว่าผ่านการฝึกมาแล้ว แล้วยังไปเป็นอนุของบรรดาสกุลเศรษฐี ทั้งหน้าตาดีทั้งอ่อนโยน แล้วยังเชื่อฟัง…”
ดูเหมือนว่า นางแต่งงานกับเฉียนหมิงแล้วฉลาดขึ้นไม่น้อย
สืออีเหนียงปอกผลไม้ให้นาง “พี่หญิงห้า ทานผลไม้เยอะๆ เถิด!”
“อืม!” นางรับมาทานคำหนึ่งแล้วพูดต่อ “…ไม่เช่นนั้นก็รับคนของเจ้าเข้ามา เอาใจใส่แล้วยังช่วยเจ้าได้ ข้าเห็นว่าหู่พั่วก็ไม่เลว ปินจวี๋ก็ซื่อสัตย์ แต่น่าเสียดายตงชิง เจ้าเลือกคนให้นางแล้ว ไม่เช่นนั้น นางก็เป็นคนที่เหมาะสม อายุกำลังพอดี แล้วยังเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง…”
แม้แต่ทานยังไม่หยุดพูด
อู่เหนียงพูดไม่รู้จักจบ แต่หู่พั่วที่แอบฟังอยู่หลังม่านกลับกำลังหวาดกลัว
ได้ยินเพียงคุณนายห้าบอกว่าเฉียวอี๋เหนียงตั้งครรภ์ สาวใช้ห้องข้าง สุดท้ายยังพูดถึงชื่อตัวเองและตงชิง…แล้วยังได้ยินสืออีเหนียงเอาแต่พูดว่า ‘อืมๆ’
นางจึงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
เมื่อวานตอนที่สืออีเหนียงกลับสกุลเดิมนางก็กลับไปด้วย แล้วยังเจอกับซานหู ตอนนั้นซานหูลากนางไปพูดที่โรงเก็บฟืน “…คุณหนูสิบเอ็ดพูดอะไรกับเจ้าหรือไม่ นายหญิงใหญ่กำลังจะเลือกพวกเราไปเป็นสาวใช้ห้องข้างให้ท่านโหว ตอนนั้นนายหญิงใหญ่ให้เจ้าไปอยู่ที่เรือนของคุณหนูสิบเอ็ด ทำไมตอนนี้ถึง…เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
“พี่หญิงไม่ต้องเป็นห่วง ฮูหยินดีกับข้ามากเจ้าค่ะ!” หู่พั่วยิ้ม “ข้าเป็นคนดูแลเรื่องในเรื่อน” พูดจบนางก็ขมวดคิ้ว “แต่ว่าเรื่องที่นายหญิงใหญ่หาสาวใช้ห้องข้างให้ท่านโหว ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน” นางครุ่นคิดแล้วก็แย้มยิ้ม “ไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าท่านโหวอยากจะรับสาวใช้ห้องข้าง ก็ต้องให้ฮูหยินของเราเห็นด้วย!” จากนั้นก็เห็นซานหูขมวดคิ้ว นางจึงยิ้มแล้วหยอกล้อ “หรือว่ามีใครอยากไปรับใช้ฮูหยินของข้า จึงขอร้องให้พี่หญิงมาพูดกับข้า?”
“เหลวไหล!” ซานหูยิ้มแล้วจับหน้านาง “ยัยเด็กโง่ ข้าเป็นห่วงเจ้าอยู่”
ใช่สิ คนที่เป็นสาวใช้ห้องข้าง มีไม่กี่คนที่มีจุดจบที่ดี ถูกเลื่อนขั้นให้เป็นอี๋เหนียง แต่ต้องโชคดีจริงๆ เท่านั้น คนที่ไม่กล้าเดิมพันอย่างพวกนาง เป็นเพียงสาวใช้ธรรมดาจะดีกว่า
นางนึกถึงคำพูดที่ฮูหยินพูดกับตัวเองคืนนั้น คิดว่าฮูหยินอยากให้นางเป็นแขนเป็นขาให้ตัวเองมากกว่า แต่ไม่ใช่เป็นอนุหรือสาวใช้ห้องข้างที่คอยรับใช้คนอื่น ทุกครั้งที่คิดเช่นนี้ นางก็จะรู้สึกภาคภูมิใจ รู้สึกว่าตัวเองแตกต่างไม่เหมือนใคร
แต่เรื่องนี้จะบอกซานหูไม่ได้ เพราะว่าไม่ใช่คำพูดที่นางได้ยินกับหูหรือเขียนไว้บนกระดาษสีขาวด้วยหมึก
เรื่องที่ตัวเองเชื่อมั่นในตอนนั้น กลับกลายเป็นเรื่องที่ตัวเองไม่มีความมั่นใจในตอนนี้
ตอนนี้ฮูหยินต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นไร ไม่มีใครรู้ดีไปกว่านาง สองเดือนนี้ ถึงแม้ว่าท่านโหวจะนอนที่เรือนของฮูหยิน แต่เตียงของฮูหยินกลับสะอาดสะอ้าน
คิดเช่นนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปตรงโต๊ะยาวในห้องโถง พนมมือไปทางพระโพธิสัตว์กวนอิมแล้วสวดมนต์ว่า อมิตาพุทธ
แค่หวังว่าฮูหยินจะอายุครบสิบห้าเร็วๆ
เมื่ออายุครบสิบห้าแล้ว เรื่องพวกนี้ก็จะจบลง
บางทีอาจจะถือโอกาสตอนที่เฉียวอี๋เหนียงรับใช้ท่านโหวเข้านอนไม่ได้แล้วตั้งครรภ์ขึ้นมา…
“หู่พั่ว เจ้าทำอะไรอยู่” ในห้องโถงที่ว่างเปล่า จู่ๆ ก็มีเสียงของป้าเถาดังขึ้นมา “ขอพระโพธิสัตว์กวนอิมให้เจ้าได้แต่งกับคนดีหรือ”
หู่พั่วตกใจแล้วหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ป้าเถาเดินมาทำไมไม่ส่งเสียงล่ะเจ้าค่ะ” นางพึมพำ “ข้าตกใจหมด” จากนั้นก็มองไปข้างหลังนาง เห็นว่ามีแค่นางคนเดียวจึงรู้ว่าสาวใช้ที่เฝ้าอยู่นอกประตูห้ามนางเอาไว้ไม่ได้ ก็รีบพูดว่า “คุณนายห้ามาเจ้าค่ะ กำลังพูดคุยกับฮูหยินอยู่ในห้อง”
ป้าเถาได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มมุมปาก “พูดคุยอะไรกัน หากไม่ใช่ยืมเงิน ก็คงมาชวนฮูหยินของเราไปทำกิจการกับนาง”
หู่พั่วออกความคิดเห็นไม่ได้
“ท่านป้ามาหาฮูหยินมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ฮูหยินบอกให้ข้าไปบอกโรงครัวเตรียมอาหารเย็น เกรงว่าคงจะเชิญคุณนายห้าทานข้าวที่นี่ ตอนนี้คงยังพูดคุยกันไม่เสร็จ ต้องการให้ข้าไปรายงานให้ท่านหรือไม่” นางยิ้ม พูดกับป้าเถาแล้วเดินออกไปจากห้องโถงพร้อมกับนาง
“ไม่ใช่เรื่องที่รีบร้อนอะไร” ป้าเถายิ้ม “ฮูหยินให้ข้าช่วยจัดการเรื่องสินสอดทองหมั้นของตงชิง ข้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ร่างรายการออกมาอยากนำไปให้ฮูหยินตรวจดู”
หู่พั่วนึกถึงคำพูดของสืออีเหนียง นางไม่กล้าเดินออกไปไกล จึงยืนคุยกับนางอยู่ใต้ชายคา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าฮูหยินว่างแล้ว ข้าส่งสาวใช้ไปรายงานท่าน ท่านคิดว่าดีหรือไม่เจ้าคะ”
ป้าเถาครุ่นคิดแล้วพูดว่า “เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าแล้ว”
“รบกวนอะไรกันล่ะเจ้าคะ” หู่พั่วพูดคุยกับนางสองสามประโยค ป้าเถาก็กลับไปยังเรือนหลัง
หู่พั่วเรียกสาวใช้และท่านป้าที่ทำงานในเรือนของสืออีเหนียงมารวมตัวกันที่ลานทันที
ยืนกวาดตามองผู้คนที่อยู่ในลานบนบันไดห้าขั้น จากนั้นก็ชี้ไปที่สาวใช้ที่เฝ้าประตู “ส่งนางไปให้ป้าไช่ที่โรงซักล้าง บอกว่าข้าเป็นคนบอก ให้นางซักผ้าปูที่นอนทั้งหมดในเรือน ข้าจะดูว่านางยังจะแอบอู้อยู่หรือไม่!”
“พี่หญิง ข้าไม่ได้…”
สาวใช้น้อยคนนั้นหน้าซีดขาว นางตกใจจนตัวสั่น
“เจ้าไม่ได้อู้งาน? แล้วที่ฮูหยินบอกว่าให้ทุกคนออกไป แต่ป้าเถาเข้ามาเจ้ากลับขี้เกียจห้ามนางไว้ ไม่เรียกว่าอู้งานแล้วจะเรียกว่าอะไร”
คนที่สามารถมารับใช้ที่เรือนนี้ล้วนแต่เป็นคนฉลาด แน่นอนว่าพวกนางล้วนเข้าใจว่านางกำลังก่นด่าใคร
ไม่มีใครออกหน้าขอร้องอ้อนวอน สายตาทุกคนล้วนล่อกแล่ก
เมื่อสาวใช้น้อยคนนั้นทำตามที่หู่พั่วบอก ซักผ้าปูที่นอนทั้งหมดในเรือนทั้งวันทั้งคืน บรรยากาศในเรือนของสืออีเหนียงก็เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม
หู่พั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
โชคดีที่สาวใช้น้อยที่ตัวเองไล่ออกไปสองคนนั้นเป็นสาวใช้ที่สนิทกับตน โชคดีที่วันนั้นตนนำเงินให้ป้าไช่สามตำลึง…แต่ว่า หากไม่มีเรื่องโชคดีเหล่านี้ นางคงไม่รู้ว่าจะจัดการสาวใช้น้อยคนนั้นเช่นไร
ใครบอกให้พวกนางโชคร้ายกันเล่า!
ดูเหมือนว่า ฮูหยินจะพูดถูก
ต้องเป็นมิตรกับทุกคน ถึงจะเกิดผลดี
แน่นอนว่าคำพูดพวกนี้เป็นคำพูดที่เกิดขึ้นมาทีหลัง
ความจริงแล้ว หลังจากที่จัดการสาวใช้น้อยคนนั้นในวันนั้น เมื่ออู่เหนียงออกไปแล้ว นางก็เข้าไปในห้องของสืออีเหนียง