หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 856 ไปช่วยสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์!

บทที่ 856 ไปช่วยสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์!

ภาพนั้นทำเอาหวังเป่าเล่อผู้ยืนตระหง่านอยู่บนอวกาศต้องหรี่ตาลง ชายหนุ่มก้มศีรษะมองไปยังดาวเอกดวงเนตรสวรรค์จากที่ไกลๆ พลางจับจ้องไปยังเศษฝุ่นและซากปรักหักพังที่กระจายอยู่กลาดเกลื่อน เขามองไม่เห็นผู้รอดชีวิต ในเวลาเดียวกัน ก็ยังมีร่องรอยจางๆ ของพลังแทรกแซงของคาถาอยู่ในบริเวณนั้น หวังเป่าเล่อเรียกใช้พลังปราณ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นโบกรุนแรงอย่างเงียบงัน

การโบกนั้นปลดปล่อยพลังเทพ หนึ่งในเคล็ดวิชาการฝึกปราณที่เขาร่ำเรียนมาจากสำนักวังเต๋าไพศาล พลังเทพนั้นไม่ได้ใช้เพื่อจู่โจม แต่มีไว้เพื่อใช้กระบวนท่าย้อนคืนที่คล้ายคลึงกับเครื่องย้อนเวลา

ผู้อยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณก็ใช้ทักษะนี้ได้เช่นกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับระดับปราณของผู้ที่คนผู้นั้นจะย้อนเวลาดูด้วย หากเป้าหมายมีระดับปราณสูงกว่าผู้ใช้กระบวนท่า คาถาก็จะล้มเหลว และจะมีแรงสะท้อนกลับตามมา

แต่หวังเป่าเล่อก็ค่อนข้างมั่นใจว่าต่อให้เขาใช้มันกับผู้อยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ เขาก็จะยังทานรับแรงสะท้อนกลับไหว และหากไม่มีผู้อยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ การย้อนเวลาก็จะสำเร็จลุล่วงแน่นอน

ในวินาทีต่อมา เมื่อหวังเป่าเล่อโบกมือเสร็จ จักรวาลตรงหน้าก็แปรเปลี่ยนไป ชายหนุ่มมองเห็นผู้ฝึกตนจากสามสำนักหลักที่เคยมาประจำอยู่ที่นี่ เขายังเห็นไปยังจักรวาลห่างไกล…มีเรือบินรบอยู่ราวหมื่นลำส่องแสงสีรุ้ง ขณะที่ผู้ฝึกตนนับแสนพุ่งทะยานเข้าไปที่ดาวเอกดวงเนตรสวรรค์อย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น…ก็เกิดการต่อสู้กันครั้งใหญ่ ในบรรดาผู้ฝึกตนสีรุ้งมีผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นสมบูรณ์อยู่หลายต่อหลายคน แต่ละคนทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า และกำจัดผู้ฝึกตนของสามสำนักหลักที่อยู่ที่นั่นทั้งหมด ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีผนึกล่องลอยอยู่โดยรอบอีกด้วย

เห็นได้ชัดว่า ผนึกเหล่านั้นมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล จากความรู้สึกของหวังเป่าเล่อ ผนึกเหล่านั้นเริ่มจะเสื่อมสมรรถภาพลง แปลว่า…อารยธรรมครามทองคำไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดข้อมูลอีกต่อไป

และหากดูจากภาพที่สร้างขึ้นมาจากคาถาย้อนเวลานี้ หวังเป่าเล่อก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเพราะเหตุใด

การต่อสู้นี้เกิดขึ้นเมื่อเก้าวันที่แล้ว!

หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง หลังจากสลายภาพย้อนเวลาไปแล้ว ชายหนุ่มก็พอจะคาดเดาสถานการณ์ได้ในใจ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ก้มศีรษะลงมองดาวเอกดวงเนตรสวรรค์ เรื่องที่หวังเป่าเล่อกังวลที่สุดในตอนนี้คือร่างจริงของเขา…

แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้รู้สึกว่าร่างจริงกำลังประสบปัญหา แต่ก็อดกังวลไม่ได้ ขณะนี้เมื่อเขายืนอยู่ในจักรวาลและกวาดตามองไปรอบๆ หวังเป่าเล่อก็กระจายสัมผัสเทพออกไป ให้ครอบคลุมดาวเอกของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ทั้งดวงในพริบตา หลังจากที่ได้เห็นว่าร่างจริงของเขาไม่ได้รับผลกระทบเพราะถูกฝังอยู่ห่างไกลออกไป ชายหนุ่มจึงค่อยเบาใจได้ระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ดี…จากการกวาดตามอง ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นว่าสำนักเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนดาวเอกของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เสียสมาชิกไปมากล้น แม้ว่าจะมีร่องรอยการต่อสู้เพียงเล็กน้อยก็ตาม จำนวนศิษย์ที่ลดลงนั้นทำเอาหวังเป่าเล่อต้องหรี่ตาเล็กน้อยอย่างข้องใจ

พวกเขาเสียสมาชิกในสำนักไปร่วมร้อยละแปดสิบ…มันเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ในระยะเวลาหลายปีที่ข้าไม่อยู่ หรือเป็นเพราะอารยธรรมครามทองคำกันแน่ หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอย่างหนักจนอยากจะใช้กระบวนท่าย้อนคืนอีกครั้ง ทว่าในวินาทีต่อมา สายตาของชายหนุ่มก็หยุดนิ่ง และสัมผัสเทพของเขาก็กลับมารวมกันที่…สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ที่เขาเคยอาศัยอยู่เมื่อครั้งก่อน!

พัฒนาการของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์บนดาวเอกดวงเนตรสวรรค์ก้าวล้ำไปไกลกว่าแต่ก่อนมาก เรียกได้ว่าอยู่ในช่วงยุคทองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แน่นอนว่าความเจริญรุ่งเรืองนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับสถานะของหวังเป่าเล่อ จากความก้าวหน้าของชายหนุ่มในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์เองก็ได้รับผลประโยชน์เช่นกัน ทั้งอำนาจและอิทธิพลก็พุ่งสูงขึ้นเป็นอันมาก

เต๋อคุนจื่อ ผู้ที่เชื่อฟังหวังเป่าเล่ออย่างไม่มีข้อกังขา ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเช่นกัน การขึ้นสู่อำนาจของหวังเป่าเล่อทำให้พลังปราณของเต๋อคุนจื่อสูงขึ้นไปด้วย จนบรรลุไปถึงขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นกลาง

ขณะนี้เต๋อคุนจื่อยืนสับสนอยู่กลางสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ เนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยความบาดเจ็บจากการต่อสู้ สายตาที่สิ้นหวังและสับสนจ้องมองไปยังสำนักอันว่างเปล่าที่อยู่รอบกาย ร่างกายของชายหนุ่มสั่นเทิ้ม

“เต๋อคุนจื่อ!” จนกระทั่งมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากความว่างเปล่าและสะท้อนก้องอยู่ในใจ จู่ๆ ร่างกายของเต๋อคุนจื่อก็สะดุ้งก่อนที่ลมหายใจของเขาจะห้วนถี่ขึ้น

“นายท่าน!” ชายวัยกลางคนขณะนี้เหมือนคนจมน้ำที่จู่ๆ ก็จับเชือกชูชีพเอาไว้ได้ หรือไม่ก็คนที่ขยาดกลัวอันตรายซึ่งวิ่งมาจนถึงที่ปลอดภัย เต๋อคุนจื่อลิงโลดใจเสียจนมองไปรอบกายไม่หยุด

“ไม่ต้องมองหาข้า เล่าให้ฟังทีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

“ท่านอาจารย์ พวกเราแย่แล้วขอรับ สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ก็ด้วย อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ก็ด้วย ราชวงศ์ปฏิเสธที่จะรับรู้ความเกี่ยวข้องระหว่างเราและตัดสินใจสังหารพวกเราเสีย…” เต๋อคุนจื่อถึงกับคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่จนต้องร้องไห้ออกมา

“องค์ชายทั้งสามแห่งราชวงศ์ไปร่วมมือกับอารยธรรมครามทองคำและเปิดประตูมิติให้พวกเขา ปล่อยให้คนของอารยธรรมครามทองคำลงมา…เรื่องนี้เกิดขึ้นราวสองสัปดาห์ก่อนและไม่เป็นความลับอีกต่อไป

“ทันทีที่อารยธรรมครามทองคำปรากฏตัว พวกเขาก็รวมพลังกันไปกำจัดสำนักผนึกผังดาวหกแฉกในพริบตา สามสำนักหลักไม่มีเวลากระทั่งจะได้ตอบโต้…ข้าได้ยินมาว่า ศิษย์กว่าร้อยละแปดสิบของสำนักผนึกผังดาวหกแฉกตายหมด กระทั่งปรมาจารย์หญิงอู๋อวิ๋นก็บาดเจ็บสาหัส ว่ากันว่านางถึงกับเผาผลาญพลังปราณของตนเองเพื่อหนีเอาชีวิตรอดออกมา ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่านางเป็นหรือตาย

“จากนั้นก็ถึงคราวดาวเอกดวงเนตรสวรรค์ กองทัพอารยธรรมครามทองคำมาถึงและกำจัดกองทหารของสามสำนักหลักที่ประจำอยู่ออกไป ก่อนจะระเบิดผนึกปล่อยให้ราชวงศ์ออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็จับตัวผู้ฝึกตนกว่าร้อยละแปดสิบจากสำนักอื่นๆ บนดาวเอกดวงเนตรสวรรค์ไป…หากไม่ใช่เพราะว่าข้ารีบไปซ่อนตัว ข้าเองก็คงหนีไม่พ้นเช่นกัน”

“นายท่าน ท่านเองก็เป็นเชื้อพระวงศ์ สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ก็อยู่ข้างท่าน ข้ามีความสุขมากในตอนแรก แต่ทำไมพวกเขาต้องสังหารพวกเราด้วยเล่าขอรับ” เต๋อคุนจื่อแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หวังเป่าเล่อเองก็นิ่งงันไปพลางนึกเสียใจที่หลอกเต๋อคุนจื่อไปว่าตนเป็นเชื้อพระวงศ์

แต่ถึงอย่างนั้น…ในแง่หนึ่ง ชายหนุ่มตอนนี้ก็เป็นเชื้อพระวงศ์แล้ว

“สำนักใหญ่อื่นๆ ก็คงถูกกวาดล้างไปจนสิ้นหมดแล้ว ตอนนี้อารยธรรมครามทองคำไม่จำเป็นต้องแอบทำตามแผนอีกต่อไป ทั้งอารยธรรมรู้กันหมดแล้วว่าพวกเขาแบ่งกองทัพเป็นสองส่วนออกไปโจมตีอีกสองสำนักหลักพร้อมๆ กัน!” น้ำเสียงของเต๋อคุนจื่อในยามนี้เปี่ยมไปด้วยความเศร้าสร้อย โทสะ และความรู้สึกสับสน เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดราชวงศ์จะต้องสังหารประชาชนของตนด้วย แต่ชายวัยกลางคนก็มีข้อสันนิษฐานอยู่บ้างในใจ เขารู้สึกว่าราชวงศ์เองก็คงมีสองฝ่ายเช่นกัน…

เมื่อฟังเต๋อคุนจื่อจบ หวังเป่าเล่อผู้ที่ยืนอยู่กลางอวกาศก็หรี่ตาลง พลางรู้สึกปวดหัวขึ้นมาถนัด หากว่ากันตามเวลา ชายหนุ่มก็เห็นได้ว่าเหออวิ๋นจื่อแห่งราชวงศ์พร้อมทั้งพวกอารยธรรมครามทองคำคงตัดสินใจสองเรื่องเมื่อเขาเข้าไปถึงสุสานหลวง

เรื่องแรกคือทิ้งรูปปั้นเอาไว้ในนพภูมิก่อนจะผนึกมันเอาไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าหวังเป่าเล่อจะออกมาจากในนพภูมิไม่ได้และต้องตายอยู่ที่นั่น ทว่าพวกเขาไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของชายหนุ่ม

และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ…การตัดสินใจเริ่มสงครามอย่างรวดเร็ว

พวกเขายกพลทั้งหมดไปทำลายสำนักผนึกผังดาวหกแฉก…จากนั้นจึงค่อยแบ่งกำลังพลไปโจมตีอีกสองสำนักหลักที่เหลือพร้อมกัน…ประกายเย็นเยียบสะท้อนอยู่ในดวงตาของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มรู้ดีว่าต้องไปช่วยสองสำนักหลักต่อต้านการรุกรานของอารยธรรมครามทองคำ ด้านหนึ่ง อารยธรรมครามทองคำคงไม่ยอมให้เขารอดไปได้ง่ายๆ แต่อีกด้าน…

อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เป็นสิ่งที่ข้าหมายตาไว้ ตอนนี้อารยธรรมค่อยๆ พัฒนาขึ้น ในไม่ช้ามันจะต้องตกเป็นของข้าแน่นอน หลังจากนั้น ข้าจะใช้คาถาดึงเอาดวงอาทิตย์ของสหพันธรัฐมารวมกับมันเพื่อยกระดับของสหพันธรัฐขึ้นไป เจ้า…กล้าจะมาชิงของของข้าไปซึ่งๆ หน้า! หวังเป่าเล่อกัดกรามแน่น เขาคงรู้สึกเจ็บใจมากหากจะยอมแพ้ตอนนี้ โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าระดับปราณของเขาเพิ่มขึ้นมากแล้ว แถมตอนนี้ชายหนุ่มยังมีบทบาทสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นผู้นำของดวงวิญญาณนับล้านและหุ่นเชิดจักรพรรดิอีกถึงสิบสองตัว

ไม่ใช่เรื่องเกินเลยสักเท่าใดหากจะกล่าวว่า หวังเป่าเล่อเป็นขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่ด้วยตัวคนเดียว

หลังจากวิเคราะห์สถานการณ์อย่างง่ายๆ เสร็จ หวังเป่าเล่อจึงปลอบใจเต๋อคุนจื่อผู้ที่กำลังจะเสียสติอยู่รอมร่อ จากนั้นจึงพลิกกายแปลงร่างเป็นสายรุ้งพุ่งไปยังสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์เต็มกำลัง

ขณะกำลังเดินทาง หวังเป่าเล่อหรี่ตาและหยิบแผ่นหยกสื่อสารออกมาส่งข้อความถามไปทั่ว ช่างโชคร้ายที่ไม่มีผู้ฝึกตนอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์คนใดที่เขารู้จักตอบกลับมาเลย ไม่ว่าจะเป็นเทพธิดาหลิงโยวหรือผู้บัญชาการกองทหารเกราะดำก็ตาม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถ้าไม่ถูกฆ่าก็คงถูกผนึกไว้โดยอารยธรรมครามทองคำหมดแล้ว เพื่อเป็นการถ่วงเวลาไม่ให้ข้อมูลแพร่กระจายออกไปได้ทันเวลา!

หวังเป่าเล่อเก็บแผ่นหยกสื่อสารพลางนึกตัดสินใจอยู่เงียบๆ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องไปที่นั่นเพื่อดูให้เห็นด้วยตาตนเอง

หากสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ล่มสลายไปแล้วจริงๆ ก็ไม่เป็นไร แต่หากว่ายัง…การต่อสู้ในครั้งนี้ข้าจะเป็นผู้ทำให้อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์กลับมาเอง!

เมื่อคิดถึงจุดนั้น หวังเป่าเล่อก็เร่งความเร็วขึ้นอีก คลื่นพลังแทรกแซงที่รุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ราวกับว่าไม่ได้มาจากผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายก็ระเบิดออกมาจากกายเขา ด้วยความช่วยเหลือจากเกราะมหาจักรพรรดิ หวังเป่าเล่อก็รวดเร็วราวกับว่าสามารถตัดผ่านความว่างเปล่าได้ ระหว่างที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์อย่างเต็มกำลัง

ขณะเดียวกัน ด้านนอกสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ การต่อสู้ขนาดใหญ่ที่ส่งผลต่อทั้งสำนักและสามารถตัดสินความอยู่รอดของสำนักได้ก็กำลังอุบัติขึ้น!

ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนอยู่บนดาวเคราะห์มหาทัณฑ์และดาวเคราะห์ใกล้เคียง บ้างก็อยู่บนท้องฟ้า บ้างก็อยู่ในอวกาศ ต่างก็กำลังต่อสู้ยิบตา มีเรือบินรบอยู่จำนวนหนึ่งเช่นกัน ทั้งหมดกำลังพยายามต้านทานกองทัพผู้ฝึกตนจากอารยธรรมครามทองคำ

ฝ่ายสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์กำลังเสียเปรียบอย่างหนัก ดาวเคราะห์มหาทัณฑ์ถล่มไปส่วนหนึ่งแล้ว และเหลือดวงจันทร์บริวารอยู่เพียงสามดวงเท่านั้น ขณะที่มีทั้งฝุ่น สะเก็ดดาว เศษซาก และศพกระจายเกลื่อนอยู่เต็มบริเวณ!

……………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท