บทที่ 238 เยี่ยม กระถางดอกไม้ที่รอคอยมาถึงแล้ว!
ณ เหยียนโจว แดนบูรพาทิศ
นอกเมืองชิงซาน
หยวนอี บิดาของนาง และบรรพจารย์เดินทางจากเกาะมังกรชิงโจวมายังที่นี่
“คุณชายอยู่ในเมืองนี้หรือ”
ท่านบรรพจารย์ถามเสียงประหม่า ไม่กล้าเรียกขานด้วยคำว่า ‘ท่านเซียน’
เขารู้ว่าท่านเซียนพเนจรโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน มิกล้าฝ่าฝืนข้อห้ามของท่านเซียน
“ใช่แล้ว”
หยวนอีพยักหน้า พวกเขาไม่กล้าเหินตั้งแต่ยังห่างจากเมืองชิงซานตั้งไกล เพื่อแสดงความเคารพที่มีต่อท่านเซียน
“ไปเถิด ไปพบคุณชาย”
หยวนอีเอ่ย เดินเท้าไปยังเมืองชิงซาน
ทว่านางเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าว บิดาของนางก็เรียกนางไว้
“เอ่อ เดี๋ยวก่อน…ให้ข้าเตรียมใจก่อน!”
บิดาของหยวนอีประหม่าเป็นพิเศษ ร่างกายสั่นระรัวอย่างหยุดไม่อยู่
กำลังจะได้พบผู้ที่เป็นถึงท่านเซียน เขาไฉนเลยจะไม่ประหม่า
เซียน… ตัวตนอันเลือนรางไม่อาจได้พบ อยู่เหนือชนใต้หล้า ดำรงอยู่ตลอดกาล เป็นเป้าหมายที่สิ่งมีชีวิตฝึกตนทั้งหมดเพียรพยายามให้ได้เป็น!
อนิจจา เซียนนั้นยากจะได้เป็น ผู้กล้าเกินคณานับฟันฝ่าจนร่างเหลือเพียงผุยผง กระนั้นลงท้ายก็มิอาจบรรลุเป็นเซียน!
แค่คิดเขาก็ตื่นเต้นแล้ว หัวใจเต้น ‘ตึกตัก’ ราวกับมีใครกำลังรัวกลอง
“ดูท่าทางไม่เอาไหนของเจ้าสิ!”
ท่านบรรพจารย์ถลึงตาใส่บิดาหยวนอี พร้อมส่งเสียงตำหนิ
“ท่านบรรพจารย์ ท่าน…”
หยวนอีไม่รู้ควรอยู่ในอารมณ์ไหน ท่านบรรพจารย์ยังจะว่าท่านพ่อของนางอีกหรือ ขาของท่านบรรพจารย์ยังสั่นระรัวอยู่เลย!
“ข้าไม่เหมือนกับเขา ข้าแก่แล้ว เดินทางมาทั้งวัน ขาแก่ ๆ ของข้าย่อมทนไม่ไหว!”
“เข้าใจแล้ว ท่านบรรพจารย์ต่างจากท่านพ่อ!”
หยวนอีเอ่ยยิ้ม ๆ รู้ว่าท่านบรรพจารย์เพียงปากแข็งไปอย่างนั้น ไม่เต็มใจยอมรับ แท้จริงแล้วเขาเองก็ประหม่ามากเช่นกัน
นึกถึงตัวนางในครานั้นมิใช่เช่นนี้เหมือนกันหรอกหรือ?
ครั้งแรกที่นางได้ล่วงรู้ตัวตนของท่านเซียน หากมิใช่ว่ากลัวฝ่าฝืนข้อห้ามของท่านเซียนจึงต้องกลั้นเอาไว้ นางคงเต็มตื้นจนหมอบอยู่กับพื้น ลุกไม่ขึ้นแล้ว
เซียนท่านหนึ่งเชียวนะ ผู้ใดเห็นแล้วไม่เต็มตื้นบ้าง…
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน บิดาของหยวนอีและบรรพจารย์ถึงสงบอารมณ์เต็มตื้นนั้นลงได้
“ไปเถิด”
บรรพจารย์กล่าว
“อืม”
หยวนอีพยักหน้า “พวกเราไปทักทายผู้อาวุโสอีกสองท่านก่อน”
“ต้นหลิวกับก้อนหินหรือ”
บรรพจารย์ถาม เขาได้ยินจากหยวนอีว่าต้นหลิวกับก้อนหินนั้นทรงพลังและน่าหวาดหวั่นมาก เป็นที่ชื่นชอบของท่านเซียนอย่างยิ่ง
หยวนอีนำทางอยู่ด้านหน้าจนมาอยู่ริมลำธาร
“สวัสดีผู้อาวุโสต้นหลิว สวัสดีผู้อาวุโสก้อนหิน!”
นางคารวะทักทายต้นหลิวและก้อนหินอย่างเคารพนอบน้อม
ต่อให้นางมีกระบี่หยกที่ท่านเซียนประทานให้ แข็งแกร่งระดับมังกรดำยังไม่อาจทำร้ายนาง นางก็มิกล้าเสียมารยาทต่อต้นหลิวและก้อนหินสักนิด
เทียบกันแล้ว ช่วงเวลาที่ต้นหลิวและก้อนหินได้อยู่กับท่านเซียนนานกว่านางมาก…
“อืม”
“แม่หนูนี่ไม่เลว มีมารยาทยิ่ง”
ต้นหลิวและก้อนหินส่งเสียง ประทับใจในตัวหยวนอีมาก
หยวนอีไม่เลว ก่อนเข้าเมืองยังรู้จักทักทายพวกมัน ข้อนี้พวกมันชอบใจมาก
“สวัสดีผู้อาวุโสทั้งสอง!”
บิดาของหยวนอีและบรรพจารย์รีบคารวะต้นหลิวกับก้อนหินเช่นกัน
ต้นหลิวกับก้อนหินตอบรับคำทักทายของบิดาหยวนอีและบรรพจารย์ จากนั้น พวกหยวนอีบอกลาต้นหลิวกับก้อนหิน เดินเข้าไปในเมืองชิงซาน
เมืองชิงซานยังคงรุ่งเรืองดังเก่า ผู้คนสัญจรกันขวักไขว่ ทั้งหมดล้วนเป็นปุถุชน กลิ่นอายมนุษย์หนาแน่นยิ่ง
พวกเขามาอยู่หน้าร้านท่านเซียน หลังได้เห็นป้ายบนร้าน แม้ว่าบิดาหยวนอีและบรรพจารย์เตรียมใจมาแล้ว กระนั้นยังต้องตกตะลึง หัวใจสั่นสะท้าน
อักษร ‘เต๋า’ คำเดียวนั้น สูงส่งวิเศษเกินไป จังหวะแห่งเต๋าที่ไหลเวียนอยู่เป็นผลให้พวกเขารู้สึกต่ำต้อย ราวกับสรรพสิ่งในใต้หล้านี้ เอกภพทั้งมวลก็เป็นเพียงฝุ่นผงเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน…
“สมบัติล้ำค่าที่มังกรดำสั่งสมมาทั้งชีวิต เทียบไม่ได้กับเสี้ยวหนึ่งของอักษร ‘เต๋า’ นี้เลย!”
บรรพจารย์สะท้อนใจอย่างยิ่งยวด
“คุณชายอยู่หรือไม่?”
หยวนอีก้าวเข้าไปเคาะประตูร้าน มิกล้าบุ่มบ่ามเข้าไป
“อ้อ แม่นางหยวนอีมาหรือ”
ภายในร้าน หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าเป็นหยวนอี จึงเข้ามาต้อนรับหยวนอีด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
เขาไม่คิดเลยว่าหยวนอีจะว่องไวเยี่ยงนี้ ผ่านไปไม่ถึงสองวันหยวนอีก็กลับมาแล้ว
เขายังเฝ้ารอกระถางดอกไม้ที่หยวนอีบอกจะนำมาให้เขาอยู่เลย
สองวันนี้ เขาเตรียมอุปกรณ์ปลูกผักไว้หมดแล้ว รอเพียงหยวนอีนำกระถางดอกไม้มาให้แล้วโยกย้ายดอกไม้ต้นหญ้า พร้อมเริ่มปลูกผัก
ทว่าพื้นที่ในลานเล็กมีจำกัด พื้นที่ที่ใช้ปลูกผักได้ยิ่งมีจำกัด สองวันนี้เขาจึงยังคิดไม่ตกว่าควรปลูกผักชนิดใด
ผักที่เขาชอบกินมีเยอะมาก หากปลูกพร้อมกันมีพื้นที่ไม่พอแน่ เขาจึงตัดสินใจไม่ได้…
เขาอยากเช่าลานเล็กไว้ปลูกผักโดยเฉพาะด้วยซ้ำ
แต่เมืองชิงซานในตอนนี้เจริญรุ่งเรืองมาก ยากจะหาลานเล็กที่ยังว่างอยู่ ลานเล็กว่างที่หาได้ก็อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ในหลืบในซอก ห่างจากลานเล็กของเขามาก
ถ้าต้องเดินทางไปกลับไม่สะดวกเท่าใด
อีกอย่าง หลังจากนี้อากาศจะเริ่มหนาวแล้ว ไม่เหมาะที่จะปลูกผักอีก
บ้านที่เขาอยู่ไม่เท่าไหร่ มีลูกแก้วญาณที่ท่านกู่มอบให้ สามารถปรับอุณหภูมิได้ตามใจนึก รักษาวสันตฤดูไว้ได้เรื่อย ๆ ปลูกผักได้เสมอ
แต่ถ้าเช่าลานเล็ก ที่นั่นคงทำไม่ได้แน่ เขามีลูกแก้วญาณแบบนี้อยู่ลูกเดียว ย่อมไม่สามารถเก็บไว้ในลานเล็กนั้นได้
ถึงอย่างไรเมื่ออากาศหนาวแล้ว เขายังหวังพึ่งความอบอุ่นจากลูกแก้วญาณลูกนี้อยู่ จะยอมหนาวเองเพื่อปลูกผักคงไม่ได้
อุตส่าห์มีลูกแก้วญาณเช่นนี้ในครอบครอง สามารถปรับอุณหภูมิได้ตามใจนึก ดีเลิศยิ่งกว่าเครื่องปรับอากาศ เขาไม่อยากต้องทนหนาวในเหมันตฤดูหรอกนะ
คนเราก็ต้องดื่มด่ำเพลิดเพลินกันบ้างสิ…
เพราะอย่างนั้น ต่อมาเขาจึงไม่คิดเช่าลานเล็กที่ไหนอีก
หยวนอีเข้าไปในร้าน บิดาของนางและบรรพจารย์ก็ตามเข้าร้านไปด้วย
“แม่นางผู้นี้มิได้เพิ่งมาครั้งแรก! คราวก่อนข้าก็เห็นนางกลับมากับคุณชายหลี่ นี่มาอีกแล้ว ดูจากสองคนข้างกายนาง คนหนึ่งมีหน้าตาคล้ายคลึงกับแม่นางผู้นี้ เกรงว่าคงเป็นบิดาของนาง!”
ภายในร้านค้าข้างร้านหลี่จิ่วเต้า ป้าหวังแอบมองขณะพวกหยวนอีเข้าไปในร้าน
ตั้งแต่นางจัดแจงให้หลี่จิ่วเต้าและหลิงอินได้ดูตัวกัน นางก็ห่วงใยเรื่องนี้อยู่ตลอด แม่นางคนใดที่มาเยือนร้านของหลี่จิ่วเต้า นางล้วนเก็บมาใส่ใจจดจำ
นางสังเกตว่าหยวนอีกลับมาพร้อมหลี่จิ่วเต้าตั้งแต่คราวก่อน
“แย่แล้ว!”
ทันใดนั้น นางตบต้นขาตัวเอง ท่าทางร้อนรุ่ม “แม่นางผู้นี้มาเฉย ๆ ก็ได้ แต่ไยต้องพาผู้ใหญ่ในบ้านมาด้วย มาเพื่อคุยเรื่องเกี่ยวดองกันเห็น ๆ!”
นางและมารดาของหลิงอินเป็นเพื่อนสนิท ไม่อยากให้สัมพันธ์ของหลี่จิ่วเต้ากับหลิงอินต้องจบสิ้น
ครั้งก่อน นางจงใจเอ่ยเรื่องแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าหลี่จิ่วเต้าและหลิงอิน น่าเสียดาย หลิงอินหน้าบาง พูดไม่ออก หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น…
ต่อมา นางยังตั้งใจไปเยือนบ้านของหลิงอิน ขอให้มารดาของหลิงอินหาเวลารีบไปตกลงเรื่องเกี่ยวดองกับหลี่จิ่วเต้า
ทว่าหลิงอินกลับมาแล้วไม่ยอมลูกเดียว บอกว่าทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็พอ และรั้งมารดาของนางไว้ ไม่ยอมให้มารดาของนางไปหาหลี่จิ่วเต้า
“ยายหนูซื่อบื้อ ปล่อยไปตามธรรมชาติกระไร แม่นางผู้นั้นถึงขั้นพาบิดาของนางมาแล้ว! คุณชายหลี่เลิศเลอถึงเพียงนี้ ขืนไม่รีบต้องโดนผู้อื่นแย่งไปแน่!”
ป้าหวังมีท่าทีหัวเสียกับความไม่เอาอ่าว หากหลิงอินทำตามที่นางบอก ป่านนี้ได้แต่งงานกับคุณชายหลี่ไปนานแล้ว!
“ไม่ได้! เรื่องนี้ข้าไม่ยุ่งไม่ได้!”
ป้าหวังตะโกนใส่ลานหลังบ้าน “ถั่วเหลืองน้อย มาช่วยดูร้านให้แม่ที แม่จะออกไปทำธุระนิดหน่อย!”
นางไม่กล้าไปพูดกับคุณชายหลี่ นางตั้งใจจะไปบ้านหลิงอินและบอกข่าวนี้แก่หลิงอิน ให้หลิงอินรีบไปบ้านคุณชายหลี่
“ท่านแม่ ช่วยเลิกเรียกข้าด้วยชื่อเล่นสักทีได้หรือไม่ ข้าอายุสามสิบห้าปีแล้ว หลานชายของท่านก็อายุหกขวบเข้าไปแล้ว ท่านเรียกข้าว่าถั่วเหลืองน้อยเช่นนี้ไม่เหมาะกระมัง…”
ภายในลานหลังบ้าน บุรุษวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำผู้หนึ่งเดินออกมาด้วยใบหน้าระอา
เขาดูไม่เกี่ยวข้องกับชื่อถั่วเหลืองน้อยเลยสักนิด เพียงแต่ท่านแม่ของเขาชอบกินถั่วเหลือง หลังจากให้กำเนิดเขาจึงตั้งชื่อเล่นให้เขาว่าถั่วเหลืองน้อย
และเรียกมาจวบจนบัดนี้…
“พูดมากจริง! แม่ของเจ้าชอบเรียกว่าถั่วเหลืองน้อย เจ้าจะทำไม”
ป้าหวังง้างมือตีไปบนตัวของบุรุษวัยกลางคนหนึ่งที “อย่าว่าแต่เจ้าสามสิบห้าเลย ต่อให้เจ้าห้าสิบห้าแล้ว แม่ของเจ้าผู้นี้ก็จะเรียกเจ้าว่าถั่วเหลืองน้อย!”
หลังจากนั้น นางก็รีบร้อนวิ่งออกจากร้าน ไปยังบ้านของหลิงอิน
“ท่านแม่ มีเหตุผลหน่อยไม่ได้หรือ…”
บุรุษวัยกลางคนพึมพำ ทว่าดวงตาของเขาทอประกายความสุขอยู่เต็มเปี่ยม