หลังจากวางสาย อีอูยอนก็วางโทรศัพท์ลงด้านข้างทันที จากนั้นก็หยิบถ้วยรางวัลที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา มันคือถ้วยรางวัลใหญ่ที่เขาได้รับ ไม่สิ ที่เขาต้องได้รับในเทศกาลภาพยนตร์ครั้งนี้
อีอูยอนปาถ้วยรางวัลทิ้งไปอย่างนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถ้วยรางวัลที่ปลิวออกไปปักเข้ากับจอทีวีแขวนผนังพร้อมกับเสียงร้าว
“…อีอูยอน”
กรรมการผู้จัดการคิมที่มองภาพเหตุการณ์นั้นอยู่ข้างๆ หน้าซีดพร้อมกับพึมพำชื่อของเขา
“อ้าว กรรมการผู้จัดการ”
แม้จะทำโทรทัศน์ราคาสามสิบล้านวอนแตกเป็นเสี่ยงๆ ในคราวเดียว อีอูยอนก็ยังพูดต่อด้วยท่าทีสบายๆ
“ได้เวลากินข้าวแล้วสินะครับ”
“นาย…ใช่ๆ กินกันเถอะ”
กรรมการผู้จัดการคิมทำหน้าเหมือนแก่ลงไปสิบปีในคราวเดียว และจัดอาหารที่ซื้อมาจากชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าลงบนโต๊ะกินข้าว
“ได้นอนหรือเปล่า”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ได้นอนหรือเปล่านะ”
อีอูยอนตอบอย่างไม่สำคัญอะไรก่อนจะฉีกตะเกียบไม้ออกจากกันอย่างคล่องแคล่ว กรรมการผู้จัดการคิมสะดุ้งพร้อมกับเสียงดัง เป๊าะ
“ฮ่าฮ่า ผมก็ยังไม่ตายนี่ครับ”
แม้จะเป็นรอยยิ้มที่สดใสมากในสายตาของคนที่ไม่รู้จักอีกฝ่ายดี แต่ในสายตาของกรรมการผู้จัดการคิมกลับเห็นว่าน่าขนลุกเป็นที่สุด เขาไม่เข้าใจเลยว่าจู่ๆ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันได้อย่างไร
มันเพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เอง พอเขาเอาถ้วยรางวัลที่ไปรับแทนมาให้ อีอูยอนก็เงียบสนิทและเอาแต่มองถ้วยรางวัลราวกับจมอยู่ในความคิด ไม่รู้ทำไมพอเห็นสายตาของอีอูยอนที่จมอยู่ในห้วงความคิด เขาถึงรู้สึกทุกข์ใจขึ้นมา และในวินาทีที่กำลังจะเอ่ยปากชวนไปดื่มเหล้าด้วยกันสักแก้ว ชเวอินซอบก็โทรศัพท์มาหา อีอูยอนจ้องมองโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
‘…ให้รับแทนไหม’
อีอูยอนกดปุ่มรับสายแทนคำตอบ และเริ่มคุยโทรศัพท์ การคุยโทรศัพท์ดำเนินต่อไปอย่างสงบต่างจากที่เขากังวล กรรมการผู้จัดการคิมวางใจ เพราะคิดว่ายาอาจจะได้ผลขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่เขาก็โล่งใจอยู่ได้ครู่เดียว
ทันทีที่คุยโทรศัพท์เสร็จ อีอูยอนก็หยิบถ้วยรางวัลที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาปาใส่โทรทัศน์
…น่ากลัว
กรรมการผู้จัดการคิมนั่งให้ห่างอีอูยอนที่สุดเท่าที่จะห่างได้ และฉีกตะเกียบออกจากกัน
“กรรมการผู้จัดการครับ ผมรบกวนอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”
“อือ ไม่ได้”
กรรมการผู้จัดการคิมเผลอพูดความรู้สึกจริงๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะร้องโอ๊ะแล้วรีบเปลี่ยนคำพูดเป็น “ฉันจะทำให้” เพราะบนโต๊ะเต็มไปด้วยข้าวของที่น่าจะขว้างได้
“ช่วยส่งชเวอินซอบกลับอเมริกาทีครับ”
“ว่าไงนะ”
“ช่วยซื้อตั๋วเครื่องบินให้ทีนะครับ ทำไมเขาถึงยังอยู่ที่เกาหลีอยู่อีกล่ะ”
อีอูยอนราดน้ำสลัดใส่สลัดก่อนจะพูดต่อ
“…เรื่องที่ต้องจัดการนั่นนี่คงจะมีเยอะน่ะสิ ไม่ใช่แค่นายคนเดียวนะที่อินซอบต้องตัดออกจากชีวิต เขาน่าจะมีคนรู้จักที่เจอกันที่นี่ แล้วก็เรื่องมหาวิทยาลัยด้วย”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม ส่งเขากลับอเมริกาเดี๋ยวนี้เลยนะครับ”
ตะเกียบที่อีอูยอนถืออยู่ในมือหักอย่างอ่อนแอ
กรรมการผู้จัดการคิมกลืนน้ำลาย
หากอีอูยอนคนก่อนเก็บรักษาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไว้ได้อย่างชำนาญ ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนกลับไปกลับมาอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน จะยกตัวอย่างเป็นการที่หั่นสเต๊กอยู่ แล้วก็ใช้มีดแทงคนที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็หั่นสเต๊กเข้าปากต่ออย่างหน้าตาเฉยได้ไหมนะ
“เอ่อ เข้าใจแล้ว ฉันจะช่วยจะจัดการให้เร็วที่สุด และซื้อตั๋วเครื่องบินให้ พอใจไหม”
กรรมการผู้จัดการคิมหาส้อมมายื่นให้อีอูยอนก่อนจะพูดต่อ
“ครับ รบกวนด้วยนะครับ”
ทั้งๆ ที่เป็นคำขอร้อง แต่ไม่ต่างอะไรกับการข่มขู่ กรรมการผู้จัดการคิมถูมือที่ชื้นเหงื่อกับกางเกงสุดรักสุดหวงที่ทำจากผ้าไหมก่อนจะพูดต่อ
“แต่ฉันก็มีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนนะ ถ้านายไม่ทำตาม ฉันก็จะไม่ทำตามคำขอร้องของนายเหมือนกัน”
อีอูยอนที่กินสลัดอยู่เงยหน้าขึ้นมา
ทำไมหมอนี่ถึงได้ดูเหมือนสัตว์กินเนื้อทั้งๆ ที่กำลังกินหญ้าอยู่ล่ะเนี่ย
ในระหว่างที่กรรมการผู้จัดการคิมครุ่นคิด อีอูยอนก็ทำหน้าตาหล่อเหลา และส่งสายตาเหมือนจะบอกว่า “ไหนลองพูดมาสิ”
“สภาพร่างกายของนายไม่ดี และคนส่วนใหญ่ก็คิดแบบนั้น…นายเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลดีไหม”
พออีอูยอนหายไปกลางพิธีมอบรางวัล ข่าวฉาวของแชยอนซอบก็ถูกลงในวันนั้นทั้งๆ ที่ขอร้องไว้แล้วว่าให้ลงในอีกหนึ่งวัน ไม่มีทางที่สื่อมวลชนจะปล่อยให้สกู๊ปแสนพิเศษที่จะช่วยทำให้เรื่องนั้นมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นไป ตัวข่าวมียอดการคลิกอ่านที่ดังระเบิด ส่วนในอินเทอร์เน็ตก็เต็มไปด้วยข่าวลือที่ไม่ได้รับการยืนยันเกี่ยวกับอีอูยอนและแชยอนซอ เช่น ได้ยินมาว่าแชยอนซอบคบอีอูยอนเล่นๆ ตั้งแต่แรกแล้ว รู้มาว่าเป็นอีอูยอนที่เกาะติดและคบหากันอีกฝ่ายตั้งแต่แรก และได้ข่าวว่าแชยอนซอมีลูกกับอีอูยอน แต่ไปเจอกับชายคนอื่น เป็นต้น
กรรมการผู้จัดการคิมรับมือกับทุกอย่างที่สามารถจะทำได้ในฐานะกรรมการผู้จัดการของต้นสังกัด แต่ก็ไม่อาจสยบข่าวลือที่เหมือนกับไฟไหม้กองฟางได้ง่ายๆ
ท้ายที่สุดก็มีข่าวลือที่น่าขนลุกว่าอีอูยอนที่รู้ข่าวจากคนอื่นถูกพบในระหว่างที่กำลังจะฆ่าตัวตาย และถูกหามขึ้นรถฉุกเฉินมาโรงพยาบาล
นี่ไม่ใช่เรื่องโกหกเลย เพราะเขาพาอินซอบที่หมดสติไปโรงพยาบาล กรรมการผู้จัดการคิมที่ได้ฟังเรื่องนั้นกลับคิดว่าดีเสียอีก และตั้งใจจะประกาศว่าที่เป็นแบบนั้น เพราะพาผู้จัดการส่วนตัวที่หมดสติไปส่งที่โรงพยาบาล แต่อีอูยอนกลับตัดบทอย่างเด็ดขาด เขาพูดอย่างหนักแน่นว่าถ้ามีเรื่องของชเวอินซอบถูกลงในข่าวแม้แต่บรรทัดเดียว เขาจะไม่อยู่เฉยแน่
สุดท้ายทางต้นสังกัดก็ต้องประกาศซ้ำว่าการออกจากพิธีมอบรางวัลอย่างกะทันหันของอีอูยอนเป็นเพราะปัญหาทางด้านสุขภาพ
“ถ้านายเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักสองสามวัน คนส่วนใหญ่ก็จะเงียบปากไปนะ เพราะมันเป็นการยืนยันว่ามีปัญหาทางสุขภาพจริงๆ”
“โรงพยาบาลบ้าเหรอครับ”
อีอูยอนถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ โรงพยาบาลธรรมดานี่แหละ…แต่แน่นอนว่านายสามารถบอกเรื่องอาการนอนไม่หลับ และรับการรักษาควบคู่ไปกับแผนกจิตเวชได้”
อีอูยอนหัวเราะเบาๆ สภาพของเขาดูสดชื่นเป็นพิเศษเพราะเส้นผมยังชื้นจากการอาบน้ำ
“จับผมเข้าแผนกจิตเวชแต่แรกก็ได้ครับ”
“…”
“ไม่สิ ยกเลิกสัญญาไปเลยก็ได้ครับ กรรมการผู้จัดการพูดเองนี่ครับว่าทำให้วุ่นวาย อ๋อ หรือว่ายังมีเรื่องที่จะสูบเลือดสูบเนื้ออยู่ครับเลยยังทำไม่ได้”
กรรมการผู้จัดการคิมนิ่วหน้า
“นายไม่เห็นจำเป็นต้องพูดแบบนั้นเลย…ยังไงความรัก ความผูกพันที่มีมาตลอดหลายปีของเรา…”
ไม่มี ไม่มีความรัก ความผูกพันอะไรทั้งนั้น
กรรมการผู้จัดการคิมรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ยังไงก็เข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลสักสองสามวันเถอะ คนเราต้องนอนนะถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ นายทำแบบนั้นจะล้มป่วยเอาได้นะ”
อีอูยอนตอบรับว่า “อืม อย่างนั้นเหรอครับ” ราวกับพูดเรื่องของคนอื่น
“…ถ้าอินซอบไปอเมริกาจริงๆ นายจะทำยังไงล่ะ”
“เหี้ยเอ๊ย”
อีอูยอนสบถออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง ฟันที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบทั้งข้างบนและข้างล่างทำให้รู้สึกเสียววาบ
ทำไมเราถึงเอาส้อมให้อีอูยอนถือนะ แม้จะรู้สึกเสียใจที่ทำลงไป แต่มาตอนนี้มันก็เปล่าประโยชน์แล้ว
“จะทำยังไงล่ะครับ ก็ต้องตายห่านะสิ”
“…”
“ผมล้อเล่นครับ”
อีอูยอนเริ่มกินสลัดที่เหลืออีกครั้ง เขาไม่อยากจะสนทนาต่อแล้ว กรรมการผู้จัดการคิมสังเกตอีอูยอน และหยิบซูชิขึ้นมากิน
อีอูยอนที่กินข้าวเสร็จลุกขึ้นยืน
“งั้นผมก็รบกวนทั้งสองอย่างเลยครับ”
“ว่าไงนะ”
“ตั๋วเครื่องบินกับโรงพยาบาล”
“ผมเคยคิดว่าการเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอาจไม่ได้ทำให้ผมหาย แต่มันเยี่ยมมากเลยครับ”
“ทำไมล่ะ ทำไมนายถึงคิดแบบนั้น”
หากอีอูยอนแสดงปฏิกิริยาที่ดูปกติออกมา กรรมการผู้จัดการคิมจะไม่สบายใจเป็นพิเศษ
“เพราะมันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับถูกรวมเข้าไปในความฝันน่ะครับ”
“หมายความว่ายังไงถูกรวมเข้าไปในความฝัน นายหูแว่วเหรอ หรือว่าเห็นภาพหลอน”
กรรมการผู้จัดการคิมสาดคำถามใส่ด้วยความตกใจ เขานึกถึงคำแนะนำของผู้อำนวยการชเวที่บอกว่าถ้ามีสภาพแบบนี้ก็ให้ลากตัวไปที่โรงพยาบาลโดยด่วน
“…”
อีอูยอนไม่ตอบอะไร และก้มมองมือของตัวเองนิ่งๆ
“อีอูยอน!”
การกระทำที่ไม่เหมือนกับปกติทำให้กรรมการผู้จัดการคิมหวาดกลัว และตะโกนชื่อของเขาออกมา
“ไม่มีโฆษณาที่โดนยกเลิกใช่ไหมครับ”
“…อือ ยัง”
การพูดเรื่องงานอย่างกะทันหันทำให้กรรมการผู้จัดการคิมตอบกลับด้วยสีหน้างุนงง
“ให้ละครที่ตัดสินใจเข้าร่วมครั้งนี้ผ่านไปก่อน ส่วนภาพยนตร์ถ้ามีบทที่พอใช้ได้ก็รับไว้นะครับ เพราะยังไงก็ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งอยู่แล้วกว่าจะเริ่มถ่ายทำ แล้วถ้าสภาพจิตใจย่ำแย่จริงๆ ผมว่าการไปจีนหรือญี่ปุ่นสักพักก็ไม่ได้แย่อะไร”
“ถูกต้อง”
พออีอูยอนพูดทิศทางที่ตัวเองคิดไว้ในใจออกมา กรรมการผู้จัดการคิมก็มองอีกฝ่ายเหมือนคนที่ลุ่มหลงในอะไรสักอย่าง แม้เจ้าตัวจะพูดเองว่าจะเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็ตัดสินสถานการณ์ได้อย่างใจเย็นและสมบูรณ์แบบเกินไป
“…นายโอเคใช่ไหม”
กรรมการไล่มองอีอูยอนอย่างรอบคอบพลางเอ่ยถาม
“ถ้าไม่โอเคแล้วจะยังไงล่ะครับ”
อีอูยอนยืดแขนไปด้านหลังก่อนจะตอบอย่างไม่สำคัญอะไร จากนั้นก็พูดว่า “ผมขอตัวก่อนนะครับ” และเดินไปทางห้องนอนก่อนจะนอนลงบนเตียง
“จะนอนเหรอ”
กรรมการผู้จัดการคิมปิดผ้าม่านให้พลางเอ่ยถาม พออีอูยอนไม่ตอบอะไรและหลับตาลง กรรมการคิมจึงปิดประตูลงเงียบๆ และออกจากห้องไป