หญิงชราขายชานั่งเฝ้าเตาอยู่ในโรงน้ำชา มองดูเฉินตันจูที่เดินเข้ามาอย่างไร้ชีวิตชีวา พูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่ออาลัยอาวรณ์ เหตุใดจึงไม่พูดคุยกันให้มาก หรือเดินทางไปส่งไกลนับสิบลี้”
เฉินตันจูเท้าคางถอนหายใจ “ส่งพันลี้ก็ย่อมต้องจากกัน”
ในเมื่อรู้เช่นนี้ เหตุใดสีหน้ายังคงเศร้าโศกเพียงนี้ อีกทั้งยังทำหน้าราวกับฉงน หลังจากกันใช่ว่าจะไม่กลับมาอีก อีกทั้งใช่ว่าจะไม่ติดต่ออีก ไม่เหมือนเฉินตันจูที่ดุดันและมีความคิดเอาเสียเลย หญิงชราขายชาเตือน “คุณหนูตันจูเขียนจดหมายให้คุณชายจางได้”
เขียนจดหมายหรือ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฉินตันจูรู้สึกร้อนผ่าวที่ปลายจมูก เมื่ออดีตชาตินางไม่เคยเขียนจดหมายให้เขา เสียดายและเสียใจอย่างมาก
แต่ชาตินี้…
โชคชะตาของจางเหยาเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เขาได้ยืนต่อหน้าฮ่องเต้ อีกทั้งยังได้รับพระราชโองการให้ไปฝึกฝน ภายหลังย่อมต้องมีอนาคตที่ก้าวไกล นางมีความคิดตั้งแต่เริ่มแรก แม้จะต้องมีชื่อเสียงไม่ดีก็ต้องทำให้จางเหยาเป็นที่ตกตะลึง เวลานี้จางเหยาทำสำเร็จแล้ว นางก็ไม่อาจเข้าใกล้เขาได้อีก
หากชื่อเสียงเสื่อมเสีย จะทำให้อนาคตของเขาได้รับผลกระทบ
นางหวังว่าเขาจะมีชีวิตที่ดี มีความสุข ราบรื่น แม้ว่าจะไม่มีการติดต่อกันอีก
เฉินตันจูถอนหายใจเสียงเบา ด้านนอกอาเถียนพาจู๋หลินลงมาจากบนเขา ทักทายอย่างดีใจ “คุณหนู เข้าเมืองได้แล้วหรือไม่เจ้าคะ”
เฉินตันจูพยักหน้าตอบรับ
หญิงชราขายชาถามอย่างสงสัย “ไปที่ใดกัน”
เฉินตันจูมีสหายไม่กี่คน หลิวเวยและจางเหยาต่างเดินทางออกนอกเมือง เวลานี้เข้าเมืองไปทำอันใด
เฉินตันจูไม่ได้ปิดบังหญิงชราขายชา ลุกขึ้นยิ้ม “ข้าจะไปพบองค์ชายสาม”
องค์ชายสามหรือ หญิงชราขายชามองหญิงสาวเดินขึ้นรถม้าไป ก่อนจะยิ้มอย่างกระจ่าง อาลัยอาวรณ์อันใดกัน จางเหยาจะมีอนาคตดีเพียงใด จะดีสู้องค์ชายหรือ? อีกอย่าง เมื่อเทียบกันเรื่องรูปลักษณ์ องค์ชายสามท่านนั้นรูปงามยิ่งกว่า
อีกทั้ง แขกที่เดินทางไปมาในโรงน้ำชาต่างพูดกัน ครานี้เฉินตันจูพังกั๋วจื่อเจี้ยนเพื่อบัณฑิตยากจนด้วยความโกรธ แต่องค์ชายสามเดินทางเชื้อเชิญบัณฑิตสามัญชนเพื่อเฉินตันจูโดยไม่สนใจร่างกายที่อ่อนแอ ทำให้เฉินตันจูชนะการประลองกับโจวเสวียน อีกทั้งยังขอให้ฮ่องเต้อภัยโทษให้เฉินตันจู…ช่างมีความรักมีคุณธรรมและมีใจ
แน่นอน บทสรุปสุดท้ายของเหล่าแขกทั้งหลายคือเหตุใดองค์ชายสามจึงถูกเฉินตันจูหลอกให้หลงใหลได้เช่นนี้ อาจเป็นเพราะว่าองค์ชายสามร่างกายอ่อนแอ ไม่เคยพบเห็นหญิงงามมากมาย จึงถูกเฉินตันจูหลอก น่าเสียดายเสียจริง คำพูดเช่นนี้หญิงชราขายชาไม่ใส่ใจ คุณหนูตันจูเป็นหญิงงามที่น่าเอ็นดู เพียงแค่นางเก็บความดุร้าย ยินยอมที่จะหลอกผู้อื่นให้หลงใหล ผู้ใดในแผ่นดินนี้จะไม่หลง ถูกหญิงงามหลอกให้หลงใหล ไม่มีสิ่งใดน่าเสียดาย
เฉินตันจูไม่ได้คิดว่าจะทำให้ผู้ใดหลงใหล นางแค่ต้องการขอบคุณองค์ชายสาม เรื่องของจางเหยามีผลเช่นนี้ได้ เพราะว่ามีองค์ชายสาม
เพียงแต่ก่อนหน้านี้ให้จู๋หลินไปเชิญองค์ชายสาม แต่กลับไม่ได้พบ
“เวลานี้องค์ชายสามไม่ได้เป็นคนว่างอยู่ในพระราชวังแล้ว มีบัณฑิตจำนวนมากขอเข้าเฝ้า” จู๋หลินพูด “ฝ่าบาทให้องค์ชายสามเรียกเข้าพบในกรณีที่ร่างกายอนุญาต ถกเถียงบทกลอน บทกวีกับเหล่าบัณฑิต ดีกว่านั่งอ่านคัมภีร์ศาสนาอยู่คนเดียว อย่างไรก็เป็นชายหนุ่มที่อายุยังน้อย…คุณหนูตันจู ท่านอย่ารบกวนองค์ชายสามเลย”
คำสุดท้ายจู๋หลินเติมเอง
เฉินตันจูไม่ฟังเขา ยืนกรานให้จู๋หลินไปอีกครั้ง ทางด้านองค์ชายสามส่งคนมานัดหมายเฉินตันจูให้ไปพบที่วัดถิงอวิ๋นอีกสองวัน…พอดีกับวันที่จางเหยาออกจากเมืองหลวง
องค์ชายสามไม่ได้มาพบเฉินตันจูทันที เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากแต่ก่อน อย่างไรจู๋หลินก็คิดเช่นนี้ เวลานี้องค์ชายสามคบหากับเหล่าบัณฑิต มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นในเหล่าตระกูลชนชั้นสูง ความคิดคงแตกต่างจากแต่ก่อนแล้ว
เฉินตันจูไม่ได้คิดมากมายเหมือนจู๋หลิน นางเดินทางไปตามที่นัดหมายอย่างดีใจ
เนื่องจากไม่มีพระราชโองการกักบริเวณ องค์ชายสามก็ไม่ใช่คนที่เหิมเกริม ครานี้วัดถิงอวิ๋นมิได้ปิดประตูไม่ต้อนรับผู้อื่นเพื่อพวกเขา บริเวณหน้าวัดเต็มไปด้วยรถม้า มีผู้มาสักการะมากมาย เฉินตันจูอ้อมไปทางประตูหลัง เดินเข้าตำหนักด้านหลังโดยตรง
อาจารย์ฮุ้ยจื้อยังคงไม่มองไม่ถามไม่สนใจนาง ทำเป็นว่าไม่รู้ว่านางเดินทางมา
เฉินตันจูไม่ได้ไปกวนเขา ถามตงเซิงที่ถูกผลักออกมารับแขกว่าองค์ชายสามอยู่ที่ใด ก่อนจะให้ตงเซิงพาอาเถียนไปเที่ยวเล่น ส่วนนางเดินทางไปหาองค์ชายสามคนเดียว
องค์ชายสามอยู่ที่ห้องครัวด้านหลัง
เฉินตันจูยืนมองจากหน้าประตูเข้าไปด้านใน เห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะ เขาสวมชุดปักด้ายทอง ก้มหน้ามองกระดาษหลายแผ่นตรงหน้า…
“องค์ชาย” เฉินตันจูเรียกขาน
องค์ชายสามเงยหน้ามองหญิงสาวที่ยืนยิ้มไขว้มืออยู่ด้านหลัง เขายิ้มพร้อมกวักมือ “เข้ามาเถิด”
เฉินตันจูเดินเข้ามา พลางถาม “เหตุใดท่านจึงอยู่ตรงนี้ ท่านหิวหรือ เวลานี้อาหารของวัดถิงอวิ๋นพัฒนาแล้วหรือไม่ หรือยังคงรสชาติย่ำแย่ ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ถูกกักบริเวณ หม่อมฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาเดินทางมา” พูดถึงตรงนี้ก็เศร้าโศก “ซานจาสุกแล้ว หม่อมฉันพลาดอีกแล้ว”
องค์ชายสามพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้านั่งลง”
เฉินตันจูตอบรับ นั่งอยู่ตรงข้ามเขา องค์ชายสามเก็บกระดาษหลายแผ่นตรงหน้าก่อนจะยืนขึ้น
เฉินตันจูมองเขาอย่างฉงน
องค์ชายสามพูดกับนาง “รอประเดี๋ยว” พูดพลางเดินไปทางเตาไฟ
เฉินตันจูมองเตาไฟที่จุดติดอยู่ ในหม้อราวกับกำลังต้มบางอย่าง เวลานี้นางถึงได้สังเกตถึงกลิ่นหอมที่ตลบอบอวล
“ท่านทำอันใด” นางถามด้วยรอยยิ้ม “หรือว่าอาหารรสชาติแย่เกินไป ท่านต้องทำอาหารเอง?”
องค์ชายสามยืนอยู่หน้าเตา นางมองคุณชายรูปงามที่สวมชุดไหมชั้นดีถือช้อนคนไปคนมาอยู่ในหม้อ รู้สึกว่าเหตุการณ์ตรงหน้านี้น่าขันยิ่งนัก
เฉินตันจูยืนขึ้น “ให้หม่อมฉันทำดีกว่าเพคะ หม่อมฉันทำอาหารอร่อยมาก”
องค์ชายสามส่ายหัวให้นาง บอกให้นางนั่งลง “รอครั้งหน้าเจ้าค่อยทำให้ข้ากิน”
เฉินตันจูนั่งลงด้วยรอยยิ้ม มององค์ชายสามวางช้อนลง ก่อนจะหยิบผลสีแดงพวงหนึ่งออกจากตะกร้าสานด้านข้าง…เอ๊ะ สายตาของนางชะงัก ผลซานจา?
องค์ชายสามนำผลซานจาลงไปหมุนในหม้อ ก่อนจะหยิบออกมาวางไว้ในจานอีกด้าน ทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา หลังจากนั้นไม่นาน ผลซานจาเคลือบน้ำตาลสี่แท่งถูกยกเข้ามา
องค์ชายสามพูด “พวกเราออกไปกินกันเถิด ข้าลองแล้ว ปล่อยให้เย็นลงจนแข็งตัวจะอร่อยที่สุด”
เฉินตันจูยืนขึ้น ต้องการพูดบางสิ่งแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดสิ่งใด เดินตามเขาออกไป
ทั้งสองคนเดินมาถึงริมต้นซานจา ใบไม้ของต้นไม้ในฤดูหนาวร่วงโรยจนหมด เห็นแต่กิ่งก้านที่แผ่ออก ขันทีปูสันถัตเอาไว้สองผืนบนบันไดของอุโบสถด้านข้าง องค์ชายสามวางผ้าคลุมลงไป นั่งลงบนขั้นบันได วางจานไว้บนหัวเข่า ก่อนจะมองเฉินตันจูที่ยืนอยู่ด้านข้าง ยิ้มพลางพูด “นั่งเถิด”
เฉินตันจูนั่งลงข้างตัวเขา มองจานที่วางไว้บนหัวเข่าของเขา ในฤดูหนาวเช่นนี้ เดินจากครัวมาถึงตรงนี้ ซานจาที่เคลือบน้ำตาลเย็นลงแล้ว ทำให้มันดูเงางามยิ่งขึ้น
องค์ชายสามหยิบขึ้นมาไม้หนึ่งส่งให้นาง “ชิมดู”
เฉินตันจูรับมาวางไว้ที่ริมปาก ก่อนจะกัดผลซานจาหนึ่งผลออกมา
องค์ชายสามเอ่ยถาม “อร่อยหรือไม่”
เฉินตันจูพยักหน้า มองเขา “หวานเสียยิ่งกว่าผลซานจาที่หม่อมฉันเคยกิน องค์ชาย ท่านลองชิมดู”
องค์ชายสามหยิบขึ้นมากัดหนึ่งไม้ พูด “สองวันนี้ข้าลองทำสิ่งนี้อยู่ตลอด แต่หลายครั้งก่อนล้วนไม่อร่อยนัก ติดฟัน หรือไม่ก็มีรสชาติเปรี้ยว ผลซานจาที่เดิมทีอร่อยอย่างมากกลับกลายเป็นไม่อร่อย วันนี้ลองสำเร็จแล้ว ครานี้ข้าถือว่าทำสำเร็จในครั้งเดียว…” เขาเคี้ยวผลซานจาอย่างละเอียด พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ไม่เลว ในที่สุดก็อร่อย”
องค์ชายสามพูดจบหันหน้ามายิ้ม แต่กลับพบว่าเฉินตันจูกำลังมองเขาด้วยความตะลึง
“เป็นอันใด” องค์ชายสามถาม ชี้ไปที่ไม้ซานจาในมือของนาง “ไม้นี้ทำไม่ดีหรือ”
เฉินตันจูส่ายหัว เอ่ยถาม “องค์ชาย สองวันนี้ท่านไม่พบหม่อมฉัน เพราะว่ากำลังฝึกทำสิ่งนี้หรือเพคะ”
องค์ชายสามยิ้ม “ใช่ ข้าเคยบอกว่าจะเชิญเจ้ามากินผลซานจาที่หวาน” เขาหันหน้าไปมองต้นซานจาตรงหน้า “ตอนที่ผลซานจาสุก ไม่มีเวลาได้มากิน ข้าจึงให้เหล่าสงฆ์เด็ดส่วนหนึ่งเอาไว้ให้ข้า เก็บในคลังน้ำแข็งของพระราชวัง รอจนถึงเวลานี้ แต่ไม่สดเท่าใดนัก ข้าจึงคิดนำมันมาเคลือบน้ำตาล เช่นนี้ก็คงอร่อยไม่น้อย”
“องค์ชาย” เฉินตันจูถาม “เหตุใดท่านดีต่อหม่อมฉันเช่นนี้”
องค์ชายสามหันหน้ามา เห็นหญิงสาวมองเขาด้วยความตะลึง บนใบหน้าไม่หลงเหลือความเฉลียวเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งไร้ซึ่งความระแวง ราวกับดอกถานฮวา[1] ที่แบ่งบานเพียงชั่วพริบตาในยามค่ำคืน ทั้งน่าสงสารและอ่อนแอ
“เพราะ” เขายิ้มจาง “เช่นนี้เจ้าอาจจะชอบ”
—————————————————————————–
[1] ดอกถานฮวา เป็นดอกไม้ที่บานเฉพาะตอนกลางคืนระยะเวลาที่บานและร่วงโรยเพียงค่ำคืนเดียว