บทที่ 240 ซี…เจ้าสบายดีหรือไม่?
‘นี่หรือคือสถานที่พำนักของเซียน?’
บิดาของหยวนอีและบรรพจารย์ต่างงอกความคิดนี้ขึ้นมาในใจ
ของที่ตั้งวางอย่างไม่ใส่ใจยังสูงส่งน่าทึ่งเยี่ยงนี้ วัตถุเซียนก็ตั้งอยู่เต็มห้อง ท่านเซียนสมเป็นท่านเซียนจริง ๆ อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขาไปมาก!
จะฝ่าฝืนข้อห้ามของท่านเซียนไม่ได้เด็ดขาด!
พวกเขาเตือนตัวเองในใจอย่างจริงจัง ท่านนี้คือท่านเซียนตัวจริง ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ!
ผ่านไปไม่นาน หลี่จิ่วเต้าก็เข้ามาพร้อมกับยกชาเย็นมาด้วย
หยวนอีตาเป็นประกาย ในใจเต็มตื้นเหลือแสน
นางลืมภาพเมื่อครั้งดื่มชาเย็นคราวก่อนไม่ได้ ชาเย็นลงท้องแก้วเดียว พลังเยือกแข็งคณานับตกผลึกอยู่ในกายของนาง จนบัดนี้นางยังกลั่นพลังเยือกแข็งนั้นไม่เสร็จเลย
นางรู้สึกว่าถ้านางกลั่นพลังเยือกแข็งนั้นจนเสร็จ การบรรลุขอบเขตเทวามิใช่ปัญหาสำหรับนางเลย!
นอกจากนี้ ไม่ต้องพูดถึงผลพลอยได้ของชาเย็น ลำพังความเลิศรสของชาเย็นนางก็รำลึกถึงมิรู้วายแล้ว!
พูดกันตามประสาทั่วไป ชาเย็นนี้อร่อยมาก!
บิดาของหยวนอีและบรรพจารย์ตาเป็นประกายเช่นเดียวกัน
ถึงแม้พวกเขายังไม่เคยดื่ม แต่พวกเขาเคยได้ยินจากหยวนอีว่านี่คือชาเย็นที่ท่านเซียนปรุงด้วยตนเอง ไม่เพียงแต่มีรสชาติล้ำเลิศเป็นหนึ่ง ซ้ำยังให้ผลแสนน่าทึ่งอีกด้วย!
หลี่จิ่วเต้าเห็นสีหน้าตื้นตันของพวกหยวนอี
เขาหัวเราะในใจ นึกไปว่าชาเย็นอร่อยใช่หรือไม่ ดูจากท่าทางหยวนอีก็รู้ว่านางลืมความเลิศรสของชาเย็นไม่ได้
คิดแล้วบิดาของหยวนอีรวมถึงผู้อาวุโสของหยวนอีคงเคยได้ยินจากหยวนอีว่าชาเย็นอร่อย ถึงได้คาดหวังและตื้นตันกับชาเย็นถึงเพียงนี้กระมัง
“ทุกท่านเชิญ…”
หลี่จิ่วเต้ายิ้ม วางชาเย็นบนโต๊ะแล้วให้พวกหยวนอีคนละแก้ว
หนนี้เป็นชาแดงเย็น น้ำชาสีแดงบวกกับน้ำแข็งในแก้ว แค่เห็นก็รู้สึกเย็นสดชื่นน่าดื่ม
อืม ต่างจากครั้งก่อน…
หยวนอีสังเกตเห็นว่าชาเย็นหนนี้ต่างจากที่นางดื่มหนก่อน
“เชิญ”
หลี่จิ่วเต้ายกแก้วชาขึ้นดื่มชาแดงเย็น รสชาติอร่อยกว่าเครื่องดื่มชาแดงเย็นที่ขายในดาวเคราะห์สีฟ้ามาก
เขาคิดอยู่ว่าหากเขากลับไปได้แล้วเปิดโรงงานเครื่องดื่ม มิขายดีจนเครื่องดื่มชาแดงเย็นต้องล้มละลายปิดโรงงานไปเลยหรือ…
ท่านเซียนดื่มแล้ว พวกหยวนอีถึงกล้ายกแก้วขึ้นดื่ม
ชาแดงเย็นเข้าปากเพียงอึกเดียว พวกเขาก็รู้สึกเหมือนรายล้อมไปด้วยความเย็นสดชื่น กลิ่นหอมของชาแดงว่ายวนอยู่ในช่องปากของพวกเขา ประโยคเดียว อร่อยเหลือล้น!
สบายนัก สาแก่ใจนัก
หลังจากดื่มชาแดงเย็นแล้ว พวกเขาอิ่มเอมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง รสชาตินี้ส่งผลให้พวกเขาถวิลหาจนยากจะลืมเลือน!
พวกเขาดื่ม ‘อึกอึก’ เข้าไปอีกหลายคำอย่างอดไม่ได้
ชาแดงเย็นเข้าท้องแล้ว พวกเขาพลันรู้สึกถึงพลังดุดันยิ่งใหญ่ที่ซัดสาดอยู่ภายในร่าง พลังนั้นบริสุทธิ์อย่างที่สุด หากพวกเขากลั่นจนละลายได้หมด ระดับพลังย่อมก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด!
โอกาสวาสนา!
โอกาสวาสนาสูงสุด!
พวกเขาสะท้อนใจเหลือแสน เห็นหรือไม่ นี่แหละคือฝีมือของท่านเซียน ชาแดงเย็นแก้วเดียวก็สามารถสร้างประโยชน์ให้พวกเขาได้อย่างคณานัป!
หลี่จิ่วเต้าเห็นภาพพวกหยวนอีดื่มชาแดงเย็นอึกใหญ่แล้ว
ก็นึกลำพองใจอยู่บ้าง
ถึงแม้ผู้ฝึกตนจะเก่งกาจกว่าปุถุชน ฝีมือของพวกเขาเรียกได้ว่ามหัศจรรย์ดั่งเทพเจ้า เรียกลมเรียกฝน พลิกแผ่นดินมหาสมุทร อภินิหารยิ่งใหญ่เป็นล้นพ้น
ทว่าของบางอย่างผู้ฝึกตนก็ทำไม่เป็นเช่นกัน
อย่างเช่นชาแดงเย็นแก้วนี้ที่เขาปรุง
ชาแดงที่ผู้อื่นต้มเสร็จ ใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้รสชาติเช่นเดียวกับชาแดงเย็นแก้วนี้ของเขาหรือ?
หามิได้
ชาแดงของเขามีการจัดเตรียมด้วยวิธีพิเศษ อันเป็นใบชาที่เขาทำเอง นอกจากชาแดงของเขาแล้ว ชาแดงอื่น ๆ ไม่อาจให้รสชาติเหมือนของเขา
พวกหยวนอีดื่มกันอึกใหญ่เยี่ยงนี้ สะท้อนให้เห็นว่าชาแดงเย็นของเขาอร่อย พวกหยวนอีชอบดื่มมาก
คราวก่อนเลี้ยงชาเย็นไป อีกทั้งมอบเครื่องหยกแกะสลักให้ด้วย
คราวนี้ก็เลี้ยงชาแดงเย็นอีก
หลี่จิ่วเต้าคิดไปว่าหยวนอีอย่าทำให้เขาผิดหวังนะ กระถางดอกไม้ที่นำมาด้วยอย่าเป็นของกระจอกเลย…
หลังดื่มชาแดงเย็นเข้าไปแล้ว พวกหยวนอีมีสีหน้ายังไม่หนำใจ
ทว่าพวกหยวนอีรู้ขอบเขต
ได้ดื่มชาแดงเย็นเยี่ยงนี้แก้วหนึ่งนับเป็นวาสนาสูงสุดของพวกเขาแล้ว จึงมิกล้าร้องขอดื่มอีกหนึ่งแก้ว
“คุณชาย เชิญท่านมาที่ลาน นี่คือกระถางดอกไม้ที่ข้านำมาให้ท่าน”
หยวนอีเอ่ยต่อท่านเซียนอย่างเคารพ
นางได้กระถางดอกไม้มาทั้งหมดยี่สิบหกใบ หากนำออกมาหมดทีเดียว พื้นที่ในห้องคงไม่พอ
“ได้”
หลี่จิ่วเต้าเดินออกไปยิ้ม ๆ
เมื่อมาอยู่นอกห้องแล้ว หยวนอีนำกระถางดอกไม้ยี่สิบหกใบออกมาทั้งหมด
กระถางดอกไม้ยี่สิบหกใบนี้ล้วนประณีตงดงามกันทั้งนั้น ฝีมือประดิษฐ์ละเมียดละไม ลวดลายโบราณ หลี่จิ่วเต้าเห็นแล้วชอบทันที
ฮ่า ๆ
เขาหัวเราะในใจ ชาเย็นนั้นมิได้เลี้ยงอย่างสูญเปล่า เครื่องหยกแกะสลักก็มิได้ยกให้อย่างสูญเปล่า กระถางดอกไม้เหล่านี้คุ้มค่ามาก ดีกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ
ใช้ได้ ไม่เลวเลย!
หลี่จิ่วเต้าพึงพอใจสุด ๆ
กระถางดอกไม้เหล่านี้ดูก็รู้ว่าเป็นของโบราณ เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งกาลเวลา เขาค่อนข้างชื่นชอบของโบราณซึ่งผ่านพิธีกรรมของกาลเวลามาแล้ว มีความตกตะกอนบางอย่างที่ของใหม่เทียบไม่ได้
“ต้องให้แม่นางหยวนอีลำบากแล้ว…”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยยิ้ม ๆ
“คุณชายชอบก็ดีแล้ว!”
หยวนอียิ้มอย่างมีความสุข นางมิได้ทำพัง นางบรรลุภารกิจที่ท่านเซียนมอบให้แล้ว
ของโบราณล้วนมีมูลค่าสูง มิหนำซ้ำยังเป็นของโบราณที่เก็บรักษาเป็นอย่างดีเช่นนี้ หลี่จิ่วเต้าชอบมาก จึงมอบชาแดงจำนวนหนึ่งให้พวกหยวนอีเป็นการขอบคุณ
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
พวกหยวนอีชื่นมื่นสุด ๆ
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าท่านเซียนจะมอบใบชาแก่พวกเขา!
รสชาติและผลลัพธ์ของชาแดงเย็นพวกเขาได้ลิ้มรสมาก่อนแล้ว เหล่านี้คือใบชาสูงส่ง เลอค่ายิ่งนัก!
“ใบชานี้นำไปต้มดื่มได้ ใส่น้ำแข็งแล้วค่อยดื่มดั่งที่ข้าทำก็ได้ เช่นนี้จักได้น้ำชาที่รสชาติแตกต่างกันถึงสอง ทว่าอร่อยทั้งคู่”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม
“ได้!”
พวกหยวนอีพยักหน้ารับ
“พวกท่านมาจากชิงโจวหรือ…”
หลี่จิ่วเต้านึกบางอย่างขึ้นมาได้ ถอนหายใจเบา ๆ พลางกล่าว “ชิงโจว เฮ้อ…”
คราวก่อนที่เขาได้พบหยวนอี หยวนอีเคยแนะนำตัวให้เขาฟัง
ท่ามกลางสิบแปดแคว้นในดินแดนหยิน เขารู้ว่าชิงโจวอยู่ที่ใด อยู่ติดกับเหยียนโจว
ชิงโจว…มีคนที่เขาคิดถึงอย่างมากอยู่
นั่นเป็นเมื่อครั้งเขาเพิ่งทะลุมิติมายังโลกแห่งการฝึกตนแห่งนี้ ครานั้น เขาไม่มีสิ่งใด และทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
จนยิ่งกว่าจน ไม่มีสิ่งใดในครอบครอง ไม่มีความสามารถใด หลับตาตื่นมาอีกทีก็อยู่ในโลกแห่งการฝึกตนแห่งนี้เสียแล้ว ช่วงเวลาแรกเริ่มของเขามิได้สุขสบายนัก
ทว่ายังดี เขาได้พบสตรีจิตใจดีนางหนึ่ง จนผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
เด็กสาวผู้นั้นมีนามว่าซี เขาถามว่าแซ่อะไร เด็กสาวเพียงแต่ยิ้มน้อย ๆ พร้อมบอกว่านางไม่มีแซ่ มีเพียงชื่อนามว่าซีเท่านั้น
ช่วงเวลานั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด ซีใช้ชีวิตเพียงลำพัง มีบ้านไม้ไผ่หลังเล็กกลางเขาหลังหนึ่ง เขาใช้ชีวิตกับซีในนั้นอยู่เนิ่นนาน
อนิจจา งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา วันหนึ่ง ซีบอกว่านางต้องไปแล้ว
เขาถามซีว่าต้องไปที่ใด
ซีตอบว่าไปชิงโจว
เขาถามซีว่าพาเขาไปด้วยได้หรือไม่
ซีส่ายหัวบอกว่าไม่ได้ บอกว่านี่คือเส้นทางของนางเอง มีเพียงนางที่ไปได้
ซ้ำยังบอกว่านางมิได้พำนักอยู่ในชิงโจวนาน สถานที่ที่นางต้องไปหลังจากนั้นยังมีอีกมาก
‘ซี…เจ้าสบายดีหรือไม่ ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว เจ้าลืมข้าไปหรือยัง คิดแล้วเจ้าคงมิได้อยู่ที่ชิงโจวอีกแล้วกระมัง…’
หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจกับตัวเองอย่างหนักหน่วง
ความรู้สึกที่เขามีต่อซีนั้นพิเศษมาก นางคือคนแรกที่เขาได้พบหลังทะลุมิติมายังโลกแห่งการฝึกตนแห่งนี้ เขาไม่เคยลืมเลือนซีเลย ในใจของเขา ซีมีตำแหน่งสำคัญมาก
“คุณชาย…?”
หยวนอีมองท่านเซียนด้วยความฉงน
ท่านเซียนเอ่ยว่าชิงโจวแล้วยังถอนหายใจ ชิงโจว…เป็นอะไรหรือ
“อ้อ ไม่มีอะไร”
หลี่จิ่วเต้าได้สติ มิได้เอ่ยสิ่งใดกับพวกหยวนอีไปมากกว่านี้
นี่คือเรื่องที่เขาซ่อนอยู่ในใจ ไม่ต้องการเล่าให้ผู้อื่นฟัง
ท่านเซียนไม่พูด พวกหยวนอีย่อมไม่กล้าถาม
ทว่าพวกเขาล้วนจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจ
พวกเขาบอกลาท่านเซียน ก่อนไปยังได้เห็นจอบที่ตั้งพิงกำแพง
บิดาของหยวนอีและบรรพจารย์คิดในใจว่าดาบมารอมตะโดนท่านเซียนเปลี่ยนเป็นจอบไปแล้วจริง ๆ หรือนี่!
“หากมีเวลาว่างทุกท่านมาเยือนบ่อย ๆ ก็ได้”
หลี่จิ่วเต้าออกมาส่งพวกหยวนอีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
จากนั้นเขาก็กลับเข้ามาในร้าน แล้วถอนหายใจหนักหน่วงในใจอีกครั้ง “ซี เจ้ารู้หรือไม่ ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน…”
ฝีมือวาดภาพของเขาน่าทึ่งกว่าผู้ใด สามารถวาดภาพของซีได้อย่างไร้ที่ติ
ทว่าเขามิเคยวาดภาพของซีสักภาพ
เขากลัวว่าหากได้เห็นภาพวาดของซีแล้วจะยิ่งชวนให้คิดถึงซีอย่างอดไม่ไหว…