เฉินตันจูคลุมผ้าคลุมเดินอยู่บนกำแพง
จวนตระกูลเฉินที่กลายเป็นจวนโหวมีการอารักขาที่เข้มงวด เฉินตันจูปีนขึ้นกำแพงเดินเข้ามาก็ถูกองครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่พบเข้า ทันใดนั้นกระโดดออกมาหลายคน ถืออาวุธพลางเอ่ยถาม “ผู้ใด”
“หากไม่ถอยไป สังหารอย่างไม่มีข้อยกเว้น”
เฉินตันจูหยุดลง ก้มมองพวกเขา “สังหารผู้ใด ข้าเป็นเพื่อนบ้านของพวกเจ้า เรียกโจวเสวียนออกมา”
บังอาจเรียกชื่อของโจวเสวียนโดยตรง เหล่าองครักษ์ไม่พอใจอย่างยิ่ง ในขณะที่กำลังจะยิงคนผู้นี้ลงมา เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นจากระยะไกล ก่อนจะตะโกนออกมา “คุณหนูตันจู!”
ลมวูบหนึ่งพัดผ่านมา ชิงเฟิงยืนอยู่ด้านหน้าของเหล่าองครักษ์ กวักมืออย่างดีใจ “คุณหนูตันจู ท่านมาได้อย่างไร” จากนั้นโบกมือให้กับเหล่าองครักษ์ “วางลง วางลง ท่านนี้คือคุณหนูตันจู”
คุณหนูตันจูหรือ ถึงแม้เหล่าองครักษ์ไม่รู้จักลักษณะของนาง แต่คุ้นเคยกับชื่อนี้อย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ได้วางอาวุธลงตามคำสั่งของชิงเฟิง...คุณหนูตันจูกับท่านโหวดุจดั่งน้ำกับไฟ
เฉินตันจูไม่สนใจความระแวงของเหล่าองครักษ์ เพียงแค่ยิ้มให้ชิงเฟิง “ข้ามาหาท่านโหวโจว ชิงเฟิง เจ้าไปรายงานให้ที”
ชิงเฟิงตอบรับพลางหันหลังเดินจากไปอย่างดีใจ ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าเหตุใดคุณหนูตันจูจึงปีนกำแพงมาหาคุณชาย…มาก็มา มาจากไหนไม่สำคัญ
โจวเสวียนเดินมาอย่างรวดเร็ว ในฤดูหนาวเขาสวมเพียงชุดยาวตัวใหญ่ ไม่มีผ้าคลุมผืนหนา ภายในดวงตายังคงมีความมึนงง ราวกับถูกปลุกจากความฝัน แวบแรกเขาก็มองเห็นหญิงสาวที่ดุจดั่งนกกระจอกตัวอ้วนคลุมผ้าคลุมยืนอยู่บนกำแพง ทันใดนั้นดวงตากระจ่างขึ้นทันที…
“เฉินตันจู!” เขาตะโกน “ท่านทำอันใด!”
เฉินตันจูขมวดคิ้ว “ท่านตะโกนอันใด ข้ามาเยี่ยมเยือน”
โจวเสวียนถลึงตา “เยี่ยมเยือนของท่านคือปีนกำแพง?”
เฉินตันจูยิ้ม “เยี่ยมเยือนไม่จำเป็นต้องไปถึงจวน ยืนอยู่ด้านนอกประตู ยืนอยู่บนกำแพง ยืนอยู่บนหลังคาล้วนได้”
“อย่ามาเหลวไหล” โจวเสวียนเชิดคางขึ้น “ลงมา!”
เฉินตันจูส่ายหัว “ไม่ต้อง ข้าแค่มาพบท่าน…”
โจวเสวียนขยับตัว ทำท่าจะกระโดดขึ้น จู๋หลินที่ยืนอยู่บนกำแพงอีกฝั่งทำท่าจะขยับตัวอย่างระอา ป้องกันโจวเสวียนทำร้ายเฉินตันจู
เฉินตันจูได้รับการป้องกัน นางยกมือสะบัดออกไป “รับไว้!”
ร่างของโจวเสวียนหมุนอยู่กลางอากาศ แขนเสื้อขนาดใหญ่สะบัด ก่อนจะรับสิ่งของบางอย่างที่ลอยมาเอาไว้ จากนั้นเท้าของเขาเหยียบลงบนพื้น ไม่สนใจดูสิ่งที่อยู่ในแขนเสื้อ กระโดดไปทางเฉินตันจูอีกครั้ง…
เฉินตันจูดึงผ้าคลุมเดินกลับไป โชคดีที่ฝึกฝนปีนเขาขี่ม้ายิงธนูฝึกกำลัง นางเคลื่อนตัวอยู่บนกำแพงอย่างรวดเร็ว พลางตะโกน “จู๋หลิน”
เสียงกระทบกันดังขึ้น
“ปัง”
จู๋หลินและโจวเสวียนกระแทกเข้าหากันบนกำแพงก่อนจะแยกออกจากกัน โจวเสวียนยืนนิ่ง มองเฉินตันจูที่กลับไปยังกำแพงที่ตั้งบันไดเอาไว้ อีกทั้งยังโบกมือให้เขา “ท่านโหวโจว ไม่ต้องส่ง”
โจวเสวียนขมวดคิ้ว “ท่านมาเพื่อสิ่งใดกันแน่”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา ยกมือขึ้นทำท่าโยน “มอบของตอบแทน”
ของตอบแทน? โจวเสวียนยกแขนเสื้อขึ้น ก่อนจะเห็นผลซานจาสีแดงสี่ลูก เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองเฉินตันจู
เฉินตันจูปีนลงบันไดไปแล้ว
โจวเสวียนยืนอยูที่เดิมไม่ได้ไล่ตาม มองหญิงสาวนั้นค่อยๆ หายลับไปบนกำแพง จู๋หลินเหลือบมองเขา ก่อนจะพลิกตัวลงไป ภายในลานเสียงดังเล็กน้อย มีคนแบกบันไดเดินจากไป เฉินตันจูและสาวรับใช้สนทนาเสียงเบา เสียงฝีเท้ามากมาย จากนั้นกลับคืนสู่ความสงบ
ชิงเฟิงพลิกตัวลงมาจากกำแพง กระโดดสองก้าวมายืนอยู่บนกำแพงของลานด้านนี้ “อ่อ ข้ารู้แล้ว คุณชาย จวนหลังนี้เป็นจวนที่องค์ชายสามพระราชทานให้คุณหนูตันจู” เขาพูดพลางยิ้ม “ไม่เลว คุณหนูตันจูกับคุณชายเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว”
โจวเสวียนหันหน้ามามองเขา “เจ้าโง่หรือไม่ ไม่เลวตรงไหน ผู้ใดที่ถูกแย่งจวนไปยังสามารถเป็นเพื่อนบ้านกับคนผู้นั้นได้อย่างดีใจกัน”
ชิงเฟิงตอบรับ “ย่อมไม่เลวสำหรับคุณชาย คุณชายดีใจ ดู คุณชายท่านยิ้มแล้ว”
โจวเสวียนถลึงตาใส่เขา “ข้ายิ้มที่ใดกัน!” ก่อนจะหุบปากลง กระโดดลงไป สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปอย่างรวดเร็ว “รบกวนฝันดีของผู้อื่น หากครั้งหน้านางกล้ามาอีก ไม่ต้องเรียกข้า ไล่นางไปโดยตรง”
เฉินตันจูกระโดดลงจากกำแพง นางไม่ได้สำรวจจวนแห่งนี้ เพียงแค่ให้คนเฝ้าประตูเฝ้าจวนเอาไว้ให้ดี กำชับอาเถียนให้เงินค่าเสบียงให้ตรงเวลา จากนั้นจึงจากไป
“คุณหนู ท่านมาเพื่อสั่งสอนโจวเสวียนหรือเจ้าคะ” อาเถียนนั่งอยู่บนรถ ถามอย่างฉงน “บอกเขาว่าต่อจากนี้ท่านเป็นเพื่อนบ้านของเขา?”
เฉินตันจูหัวเราะ “จวนของตนเองถูกแย่งชิง ตนเองไปเป็นเพื่อนบ้านกับเขา เป็นการสั่งสอนอย่างไรกัน!”
ก็จริง อาเถียนรีบตำหนิตนเองที่พูดถึงเรื่องเสียใจของคุณหนู
“ข้าแค่มาขอบคุณเขา” เฉินตันจูไม่ปิดบังอาเถียน พูดกับนางเสียงเบา
อาเถียนยิ่งสงสัย “ขอบคุณเขา? ที่แย่งจวนของพวกเรา?” ตั้งแต่โจวเสวียนนี้ปรากฏตัว เขาเป็นศัตรูกับคุณหนูเสมอมา ชอบหาเรื่องคุณหนู เขาควรค่าแก่การขอบคุณของคุณหนูที่ใดกัน
เฉินตันจูเม้มปาก “ถึงแม้เขาหาเรื่องข้า แต่ความยุ่งยากบางอย่างสำหรับข้าเป็นเรื่องดี ข้าได้รับผลประโยชน์จากเรื่องเหล่านั้น ดังนั้น ขอบคุณเขาเสียบ้าง”
เช่นนี้หรือ อาเถียนราวกับเข้าใจ
ใช่ โจวเสวียนหาเรื่องนางเสมอมา แต่วันนั้นที่กั๋วจื่อเจี้ยน ไม่ว่านางทำอย่างไร สวีลั่วจือมักเพิกเฉยต่อนาง นางจึงไม่มีวิธี แต่โจวเสวียนกระโดดออกมาในเวลานี้ บอกว่าต้องการประลอง หากเป็นผู้อื่น สวีลั่วจือคง
บอกให้ถอยไป เหล่าบัณฑิตก็คงจะเหยียดหยาม แต่โจวเสวียน เนื่องจากบิดาของเขาเป็นอวี้สื่อต้าฟู ดังนั้นเขาจึงรับสถานการณ์นี้เอาไว้ได้
จากนั้นจึงมีการประลองขึ้น มีบทกวีของจางเหยา มีการแพร่กระจายไปทั่วเมือง มีเหล่าขุนนางมองเห็นและเสนอ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของจางเหยา
อีกทั้งในเวลานั้น เฉินตันจูดูจากสีหน้าของโจวเสวียน เพียงแค่เหลือบมองในระยะเวลาสั้นๆ นางรู้สึกได้ว่าการที่เขาออกมาพูดในเวลานั้น ไม่ใช่การหาเรื่อง หากแต่กำลังช่วยนาง
การช่วยเหลือในครั้งนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ หากแต่เจตนา มิฉะนั้นหากต้องการหาเรื่องนางจริง ควรจะอยู่เฉยๆ ไม่พูดสิ่งใด มองนางควบคุมสถานการณ์ไม่ได้
ดังนั้นโจวเสวียนนี้…
ถึงแม้ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้ แต่เขาช่วยเหลือนาง นางย่อมต้องแสดงความขอบคุณของตนเอง
เฉินตันจูพิงอยู่บนเบาะนุ่ม ถอนหายใจอย่างโล่งอก เรื่องในครานี้ คนที่ช่วยเหลือนาง นางล้วนขอบคุณแล้ว วางใจได้แล้ว
โจวเสวียนที่กลับเข้าห้องไม่ได้นอนลงอีกครั้ง เขานอนอยู่บนเตียงยกมือขึ้น บนฝ่ามือใหญ่ถือผลซานจาสี่ลูกเอาไว้ จ้องมองผลซานจาเหล่านั้น ก่อนจะนึกถึงท่าทางของหญิงสาวที่ยืนอยู่บนกำแพง อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ขอบคุณข้า” เขาพึมพำ “ให้ผลซานจาแค่สี่ลูก ตระหนี่เสียจริง!”
ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมา ปล่อยนิ้วหนึ่งออก ผลซานจาหนึ่งหล่นลงมา เข้าไปในปากของเขา
โจวเสวียนกัดแตก กลืนเข้าไปทั้งเมล็ดและเนื้อ
กินหมดลูกหนึ่ง หล่นลงมาอีกลูกหนึ่ง กินหมดอีกลูกหนึ่ง หล่นลงมาอีกลูกหนึ่ง ผลซานจาสี่ลูกหมดไปอย่างรวดเร็ว เขาสะบัดมือ ยกขาขึ้นแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี