บทที่ 242 ลานเต๋ารกร้าง กลับมีโลกอีกใบ!
หลี่จิ่วเต้ากลับมาถึงในลาน มองที่ดินที่พรวนไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วหยิบจอบขึ้นมาอีกครั้ง พรวนดินที่เหลือจนเสร็จ
ตอนนี้เขาไม่ต้องพิรี้พิไรอีกแล้ว หลังจากทุบลานเล็กทั้งสองให้ทะลุถึงกัน เขาก็ปลูกผักในลานเล็กอีกแห่ง
ที่นี่ไม่เหลือความจำเป็นอีก
ทว่าเขาพรวนดินไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว จึงพรวนอีกครึ่งที่เหลือให้เสร็จสิ้นไป
ยอดเยี่ยม!
สบาย!
สะใจ!
ญาณแห่งจอบเซียนตะโกนในใจด้วยความเคลิบเคลิ้ม
“ต้องตามคนมาช่วยทุบลานเล็กสองแห่งให้ทะลุถึงกัน”
หลี่จิ่วเต้าออกจากลานเล็ก เตรียมทุบลานเล็กสองแห่ง
…
ณ เหยียนโจว แดนประจิมทิศ
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์และสือเฟิงเบิกเนตรที่สามชั่วคราว ออกเดินทางตามแสงแห่งความลับสวรรค์จนมาถึงสถานที่ตั้งไร่มวลผัก
ภูเขาสูงใหญ่ตั้งตระหง่านเรียงราย ที่แห่งนี้รกร้างอย่างยิ่ง ไม่มีวี่แววมนุษย์ใกล้ ๆ เหมือนอยู่ในยุคแรกเริ่ม
ยุคโบราณผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ปฐพีเปลี่ยนผัน สถานที่แห่งนี้แตกต่างจากภาพที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีวาดอยู่มาก ไม่เหมือนกันเลยสักนิด
หากมิใช่ว่าแสงแห่งความลับสวรรค์ปรากฏที่นี่ พวกเขาไม่มีทางหาเจอ และไม่มีวันคาดการณ์ถึง
พวกเขาเดินเข้าไปในส่วนลึกของขุนเขา ได้เห็นซากปรักหักพังมากมายกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ซากตำหนักล้มระเนระนาด บนซากเหล่านั้นมีฝุ่นดินปกคลุมชั้นหนา
ที่นี่คือลานเต๋าของจักรพรรดิอ้วนในยุคโบราณ
“มหาจักรพรรดิท่านหนึ่งเชียวนะ…”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถอนหายใจ สะท้อนใจขึ้นมาอย่างยิ่งยวด
จักรพรรดิอ้วนเป็นถึงมหาจักรพรรดิ ซ้ำยังมิใช่มหาจักรพรรดิธรรมดา
แม้ว่าในคัมภีร์โบราณมิได้จารึกถึงความสามารถของจักรพรรดิอ้วนนัก ทว่ามีการจารึกถึงพันธุ์ผักที่จักรพรรดิอ้วนเพาะพันธุ์ว่ามีอานุภาพทัดเทียมโอสถจักรพรรดิ หรืออาจทรงพลังยิ่งกว่าโอสถจักรพรรดิเสียอีก!
มหาจักรพรรดิระดับนี้ ไฉนเลยจะเป็นเพียงมหาจักรพรรดิธรรมดา ๆ ได้?
เป็นไปไม่ได้เลย
ทว่ามหาจักรพรรดิทรงพลังสูงส่งเยี่ยงนี้ ลานเต๋าของเขากลับอยู่ในจุดจบเช่นนี้ กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง จะมิให้สะท้อนใจได้อย่างไร?
ตอนนี้ที่นี่ยังมีร่องรอยของมหาสงครามหลงเหลืออยู่ แค่คิดก็รู้แล้วว่าในอดีต สถานที่แห่งนี้ต้องเผชิญมหาสงครามที่น่าสยดสยองน่าหวาดหวั่นปานใด!
กาลเวลาแสนยาวนานยังไม่อาจชะล้างร่องรอยมหาสงครามในที่แห่งนี้ได้ ในอดีต ที่นี่ต้องเคยเกิดสงครามสะท้านโลกันตร์ขึ้นอย่างแน่นอน มิฉะนั้น ร่องรอยมหาสงครามในที่แห่งนี้ไม่มีทางดำรงมาจวบจนบัดนี้
“เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมล็ดผักยังอยู่หรือไม่…”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนวิตกกังวล
เหตุใดที่นี่ถึงเกิดมหาสงครามขึ้น เขามิสู้จะรู้ดีนัก
ทว่าเขาพอเดาได้คร่าว ๆ
พันธุ์ผักที่จักรพรรดิอ้วนเพาะขึ้นน่าทึ่งสูงส่งถึงเพียงนั้น ย่อมต้องมียอดฝีมือมากมายหมายตา สาเหตุที่ก่อให้เกิดมหาสงครามที่นี่คงเพราะมียอดฝีมือเข้ามาทำศึกแย่งชิงในที่แห่งนี้
เขาเองก็กังวลเพราะสาเหตุนี้
หากที่นี่โดนยอดฝีมือเหล่านั้นกวาดล้างทุกสิ่งไปหมดแล้ว หนนี้พวกเขาคงมาเสียเที่ยว
“ไปเถิด”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว เดินเข้าไปในซากปรักหักพังพร้อมสือเฟิง
ทว่าทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในซากปรักหักพัง งูเหลือมยักษ์ตัวหนึ่งพลันปรากฏตัว หวดหางใส่พวกเขาอย่างแรง!
พวกเขาตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว เคลื่อนย้ายร่างออกไปในทันที จึงไม่โดนหางของงูเหลือมยักษ์ฟาด
ตู้ม!
หางของงูเหลือมยักษ์ฟาดลงมา แผ่นดินสั่นสะเทือนในฉับพลันราวกับเกิดระเบิดครั้งใหญ่ พลังของงูเหลือมยักษ์ตัวนี้แกร่งกล้ายิ่ง!
“ขอบเขตราชัน!”
สีหน้าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสัมผัสถึงลมปราณขอบเขตราชันซึ่งสูงส่งกว่าเก้าวิถีจากตัวงูเหลือมยักษ์ได้
ในยุคนี้ ลำพังขอบเขตพรตเต๋ายังยากจะก้าวไปถึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขอบเขตราชันซึ่งอยู่เหนือเก้าวิถีเลย!
ความสามารถของงูเหลือมยักษ์ตัวนี้เกินความคาดหมายของเขามาก!
ทว่าหลังจากนั้น ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มประดับ
เขารู้ว่าหนนี้พวกเขามาไม่เสียเที่ยวแน่
สิ่งแวดล้อมในยุคนี้เลวร้ายถึงเพียงนี้ ขอบเขตพรตเต๋ายังยากจะก้าวถึง ต่อให้เป็นกลุ่มอิทธิพลลับจากยุคโบราณที่มีการสืบสานค่อนข้างสมบูรณ์ ก็ยังไม่มีราชันผู้อยู่เหนือเก้าวิถีปรากฏเลย
แล้วงูเหลือมยักษ์ตัวนี้เหตุไฉนถึงบรรลุขอบเขตราชันได้
ไม่ต้องคิดเท่าใดก็รู้ งูเหลือมยักษ์ตัวนี้ต้องได้รับโอกาสการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน!
งูเหลือมยักษ์ปรากฏตัวในที่แห่งนี้ เป็นไปได้ว่าได้รับโอกาสการเปลี่ยนแปลงจากที่แห่งนี้ ซึ่งบ่งบอกว่าที่แห่งนี้มิได้ถูกกวาดล้างทุกอย่างจนสิ้น ยังเหลือโอกาสการเปลี่ยนแปลงอยู่
“ที่นั่นหรือ?”
เขายกยิ้มมุมปาก
ในมุมหนึ่งของซากปรักหักพัง มีแสงสวรรค์เรืองรองเปล่งประกาย ทว่าที่แห่งนั้นเห็นได้ชัดว่ามิใช่ไร่มวลผัก หากแต่เป็นซากของห้องห้องหนึ่ง
สิ่งที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีพยากรณ์ของไร่มวลผัก แสงแห่งความลับสวรรค์ย่อมจุติลงในสถานที่ตั้งของไร่มวลผัก
เขาเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว บางทีไร่มวลผักอาจอยู่ในมิติพิเศษบางแห่ง
“ยิ้มกระไร!”
งูเหลือมยักษ์พูดภาษามนุษย์ ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง คนตรงหน้าผู้นี้ยิ้มกระไร?
ยิ้มเยาะมันหรือ?
“ข้าจะกินพวกเจ้าให้หมด!”
มันแค่นเสียงเย็น อ้าปากกว้าง ทันใดนั้น แรงดูดมหาศาลปรากฏ หมายจะดูดดึงประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์และสือเฟิงเข้าปาก
“เกรงว่าเจ้าจะไม่ย่อย!”
สือเฟิงมีสีหน้าราบเรียบ ไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอีกด้านก็เช่นกัน
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีร่างทองอมตะบวกกับจุดลับทั้งห้าของมนุษย์ ต่อให้โดนกลืนเข้าท้องงูเหลือมยักษ์ก็ไม่เป็นอะไร
งูเหลือมยักษ์ไม่สามารถละลายกายเนื้อของเขาได้
ส่วนสือเฟิง ยิ่งไม่จำเป็นต้องกังวล
เขามีภาพวาดสองภาพที่ท่านเซียนประทานให้ อย่าว่าแต่งูเหลือมยักษ์ขอบเขตราชันเลย ต่อให้เป็นมันเป็นขอบเขตนักบุญเขาก็ไม่กลัว
“เจ้าพูดเหลวไหลอันใด!”
งูเหลือมยักษ์หัวเราะ
มนุษย์ตัวเล็กขอบเขตพรตเต๋าสองคนเอาความมั่นใจจากไหนมาเอ่ยวาจาเยี่ยงนี้
ทว่าทันทีที่สือเฟิงกำลังจะถูกดูดดึงเข้าไปในปาก สีหน้าของมันเปลี่ยนไปในบัดดล ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยความหวาดผวา
“แม่เจ้า อะไรกันนี่!?”
มันหันหลังหนีไปทันทีโดยไม่ลังเล
ให้ตายสิ ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ ๆ ลมปราณของสือเฟิงก็ทวีคูณ!
มันเห็นพลังหยินและพลังหยางไหลเวียนอยู่ในตัวสือเฟิง หลังจากนั้น ลมปราณที่ทวีคูณขึ้นของสือเฟิงชวนให้มันอกสั่นขวัญแขวน!
มันไม่คลางแคลงแม้แต่น้อย สือเฟิงในตอนนี้สามารถอัดมันระเบิดในหนึ่งหมัด!
ใช่แล้ว
สือเฟิงในตอนนี้น่ากลัวปานนั้นแหละ หมัดธรรมดาสบาย ๆ สามารถอัดงูเหลือมยักษ์จนระเบิด
คล้อยตามการยกระดับขอบเขตของเขา ความสำเร็จวิชาเต๋าแห่งหยินหยางสูงส่งขึ้นเรื่อย ๆ เขาสามารถยืมพลังหยินและพลังหยางจากภาพวาดสองภาพที่ท่านเซียนประทานแก่เขาได้แล้ว!
ภาพวาดสองภาพนี้แฝงไว้ซึ่งพลังหยินและพลังหยางแสนน่ากลัว แม้ว่าพลังที่เขายืมได้มีจำกัดมาก กระนั้นก็สามารถอัดงูเหลือมยักษ์ระเบิดได้สบาย!
ฟึ่บ!
สือเฟิงยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง คว้าหางของงูเหลือมยักษ์ได้ไวปานสายฟ้า จากนั้น เขาออกแรงเหวี่ยงงูเหลือมยักษ์และจับทุ่มลงพื้นอย่างแรง
“คุณชายไว้ชีวิตด้วย!”
งูเหลือมยักษ์ตะโกนขอความเมตตา รู้ว่าตัวมันมิใช่คู่ต่อสู้ของสือเฟิง
“ข้ามอบโอกาสการเปลี่ยนแปลงให้ทั้งสองท่านได้!”
งูเหลือมยักษ์รีบบอก “สถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา มีมิติพิเศษแห่งหนึ่งดำรงอยู่ ในนั้นมีโอกาสการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง ที่ข้ามีพลังถึงปานนี้ก็เพราะเข้าไปในมิติพิเศษแห่งนั้น ที่นั่นเสมือนโลกอีกใบ อาจเป็นโลกอีกใบที่มหาจักรพรรดิสร้างขึ้น!”
มันกล่าวต่อ “ขอเพียงทั้งสองท่านยอมปล่อยข้าไป ไว้ชีวิตข้าสักครั้ง ข้าจักพาทั้งสองท่านเข้าไปในโลกแห่งนั้น!”
“ที่นั่นหรือ”
สือเฟิงชี้ไปยังจุดที่มีแสงแห่งความลับสวรรค์ส่องประกาย เขาเองก็สังเกตเห็นที่นั่นได้แต่แรก
มีเพียงผู้ที่เบิกเนตรที่สามเท่านั้นถึงสามารถมองเห็นแสงแห่งความลับสวรรค์
งูเหลือมยักษ์มองไม่เห็น
สือเฟิงทราบเช่นกันว่าจุดที่แสงแห่งความลับสวรรค์จุติคือสถานที่ตั้งของไร้มวลผัก และเห็นได้ชัดว่าที่นั่นมิใช่ไร่มวลผัก เขาเองก็คิดได้ว่าบางทีที่นี่อาจมีมิติบางอย่างดำรงอยู่
หลังได้ยินคำบอกว่างูเหลือมยักษ์ เขาก็นึกได้ทันที!
“หา?”
งูเหลือมยักษ์ตะลึง
ทางเข้าโลกอีกใบลับตาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ภายหลังพวกของมันได้จัดแต่งอย่างตั้งใจ คนนอกไม่มีทางค้นพบได้เลย!
สือเฟิงรู้ได้อย่างไร?
เมื่อครู่ข้าเผลอเปิดเผยไปหรือ
งูเหลือมยักษ์ทบทวนโดยละเอียด มันมิได้เปิดเผยเสียหน่อย!
“อย่า อย่าฆ่าข้า! ถึงแม้ท่านทั้งสองรู้ว่าทางเข้าโลกอีกใบอยู่ที่ใด ทว่าทั้งสองท่านคงไม่รู้วิธีเปิดทางเข้าใช่หรือไม่ อีกอย่าง ทั้งสองท่านคงไม่รู้ด้วยว่าภายในทางเข้ามีค่ายกลสังหารตั้งอยู่ด้วยใช่หรือไม่! ขืนก้าวเดินผิด จักกระตุ้นค่ายกลสังหาร ถึงคราวนั้น ต่อให้ทั้งสองท่านแข็งแกร่งปานใดก็ต้องถูกฆ่าโดยค่ายกลสังหาร”
งูเหลือมยักษ์รีบตะโกนบอกอีกครั้ง
ดูแล้วเพื่อรักษาชีวิตไว้ งูเหลือมยักษ์ยอมบอกทุกอย่าง
สือเฟิงยังไม่ทันได้ถามเลย งูเหลือมยักษ์ตัวนี้ก็สารภาพหมดแล้ว
สือเฟิงหันมองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ส่วนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพยักหน้าให้เขา
พวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องเปิดสู่ทางเข้าโลกอีกใบอย่างไร
“ทำตัวดี ๆ อย่าเล่นตุกติก มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย!”
สือเฟิงเอ่ย ใช้มือดึงหางของงูเหลือมยักษ์ไว้ และให้นำทางอยู่ด้านหน้า
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตามมาด้านหลัง