บทที่ 243 เป็นแค่งูหลาม กล้าเรียกตนว่ามังกรได้อย่างไร?
งูหลามยักษ์เลื้อยมาถึง ก่อนมันจะอ้าปากพ่นลำแสงออกมาเปิดเส้นทางเข้าออก
ทันใดนั้นความว่างเปล่าพลันบิดเบี้ยว ก่อนจะปรากฏถ้ำแสงหนึ่งขึ้นมา มองจากด้านนอกจะเห็นได้ว่ามีมิติเล็ก ๆ อยู่ภายใน
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงสัมผัสได้ถึงค่ายกลสังหารบางอย่างจากภายในถ้ำแสง พวกเขาจึงปล่อยให้งูหลามยักษ์นำทาง
งูหลามยักษ์เลื้อยเข้าไปในถ้ำแสง ตามด้วยประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิง!
ตู้ม!
ทันทีที่พวกเขาเพิ่งจะเข้ามา งูหลามยักษ์ก็ระเบิดหางตัวเองก่อนจะรีบเลื้อยหนี
แต่มันเลื้อยไปได้ไม่ไกลนัก ไม่นานก็หยุดลง
“พวกเจ้าสมควรตาย!”
งูหลามยักษ์กล่าวอย่างปรีดา “เจ้าโง่สองตัวหลอกนิดหลอกหน่อยก็ตามข้าเจ้าเข้ามาเสียแล้ว พวกเจ้าคิดจริงหรือว่าข้าจะพาเจ้าไปแสวงหาโชคลาภ? ช่างน่าขันเป็นบ้า คิดหรือเพียงจับหางของข้าแล้วจะข่มขู่ข้าได้!”
มันหัวเราะเสียงดังครั้งแล้วครั้งเล่าพลางกล่าวว่า “อย่าว่าแต่ระเบิดหางตัวเอง แม้แต่ระเบิดร่างงูหลามทั้งตัวของข้า ข้าก็ไม่กลัว!”
ในมิติเล็กแห่งนี้มีโชคลาภมากมาย เดิมทีมันก็ไม่กลัวเจ็บ ไม่ว่ามันจะได้รับบาดเจ็บเพียงใดมันก็ยังสามารถฉวยโอกาสฟื้นฟูร่างขึ้นมาได้
“เจ้ากำลังคิดอะไรกัน? พวกเราแค่อยากให้เจ้าเปิดทางเข้าเท่านั้น…”
สือเฟิงส่ายหัวเบา ๆ พลางกล่าวว่า “นอกจากนี้ เจ้าคิดจริงหรือว่าสามารถหนีไปได้?”
หลังจากกล่าวคำเหล่านี้ออกไป งูหลามยักษ์ตกตะลึงอย่างยิ่ง
เพียงแค่อยากให้มันเปิดทางเข้าให้?
สือเฟิงมีความมั่นใจมากถึงเพียงนั้นเชียว?
เป็นไปได้หรือแม้แต่ค่ายกลสังหารที่แห่งนี้ไม่สามารถคุกคามสือเฟิงได้?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
นี่คือค่ายกลสังหารเป็นสมาชิกในเผ่าพวกมันที่อยู่ในขอบเขตนักบุญเป็นผู้สร้างขึ้นมา สือเฟิงสามารถทำลายมันได้หรือ?
ไม่เลว!
เผ่าของพวกมันมียอดฝีมือขอบเขตนักบุญดำรงอยู่ เมื่องูหลามแปลงร่างเป็นมังกร ก็จะกลายเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์!
นี่ไม่ใช่ขอบเขตนักบุญในสมัยโบราณแต่เป็นในปัจจุบัน มันเพิ่งจะบรรลุไม่นานนี้เอง!
สภาพแวดล้อมอันโหดร้ายในปัจจุบัน การชำระให้บริสุทธิ์เป็นเรื่องราวกับความฝัน
เพียงแต่พวกมันโชคดีนัก บังเอิญค้นพบมิติเล็ก ๆ แห่งนี้เข้า!
ก่อนเข้ามาในมิติเล็ก ๆ แห่งนี้ เผ่าของพวกมันไม่นับว่าเป็นอะไรเลย ขอบเขตสูงสุดแม้แต่ขอบเขตพรตเต๋าพวกมันยังไม่มี
แต่หลังจากเข้ามาในมิติเล็กแห่งนี้ ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป!
ภายในมิติเล็กแห่งนี้มีผักวิเศษขึ้นอยู่มากมาย ผู้อาวุโสของพวกมันเพียงกินผักกาดขาวเข้าไป ขอบเขตก็เลื่อนขึ้นอย่างพรวดพราดรวดเร็ว บ่มเพาะมาถึงขอบเขตนักบุญ
พวกมันเองก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน ความแข็งแกร่งของพวกมันแต่ละตัวเพิ่มพูนขึ้นมาก ครึ่งเดือนก่อน ขอบเขตของมันอยู่เพียงขอบเขตลิขิตชะตาเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกมันบ่มเพาะมาถึงขอบเขตราชัน!
“เจ้าจะเสแสร้งทำเป็นหมาป่าหางโตไปเพื่ออะไร? รอดูข้าเปิดค่ายกลสังหารก่อนเถิดถึงตอนนั้นพวกเจ้าโง่สองคนอย่างพวกเจ้าจะถูกสังหารสิ้นแล้ว!”
งูหลามยักษ์กล่าวอย่างดุร้าย เปิดค่ายกลสังหารของที่นี่ทันที หมายระเบิดสังหารประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิง
เสียงระเบิดตู้ม!
เมื่อเปิดค่ายกลสังหาร จิตสังหารพวยพุ่งอย่างน่าสะพรึงทั่วสารทิศอลหม่าน ลำแสงสายหนึ่งสอดส่องลงมาจากท้องนภา พุ่งสังหารตรงไปยังประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิง!
“ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลยนี่…”
สีหน้าของสือเฟิงยังคงสงบนิ่ง เดิมทีเขาอยากลองใช้ภาพวาดที่ท่านเซียนประทานมาให้ แต่ดูจากพลังค่ายกลสังหารเขาก็เลิกคิดเช่นนั้น
สิ่งที่เรียกว่าค่ายกลสังหารนั้นถูกสร้างขึ้นมาอย่างลวก ๆ พลังของมันไม่ได้น่าเกรงขามสักเท่าใด เขาไม่จำเป็นต้องหยิบภาพวาดที่ท่านเซียนประทานมาให้ออกมาใช้เปล่าประโยชน์
“ถูกต้อง ผู้สร้างค่ายกลดูเหมือนอยู่ขอบเขตระดับสูงส่งยิ่ง แต่ทว่าค่ายกลแห่งนี้กลับไม่ได้ศึกษาให้ลึกซึ้ง ค่ายกลสังหารแห่งนี้ไร้ประโยชน์แล้ว”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพยักหน้า
ค่ายกลสังหารนั้นถูกสร้างขึ้นมาอย่างลวก ๆ เกินไปจริง ๆ หากไม่ใช่เพราะแท้จริงแล้วขอบเขตผู้สร้างอยู่ขอบเขตระดับสูง พลังความแข็งแกร่งของค่ายกลจึงสูงตามไปด้วย ไม่เช่นนั้นหากปล่อยพลังของค่ายกลไว้เช่นนี้ต่อไปก็ยิ่งอ่อนลง
หลังจากงูหลามยักษ์ได้ยินคำพูดของสือเฟิงกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน หนังหน้าของมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
คำพูดสือเฟิงกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนั้นถูกต้องจริง ๆ
ผู้อาวุโสเผ่าของมันทะลวงผ่านขอบเขตนักบุญในระยะเวลาสั้น ๆ ขอบเขตเดิมไม่ได้อยู่ขอบเขตพรตเต๋า ระดับฝีมือสร้างค่ายกลจึงไม่นับว่าสูงส่งแต่อย่างใด
เพียงแต่มันกล่าวอย่างเดือดดาลขึ้นทันที “แล้วมันจะทำไม เพียงแค่นี้ก็มากพอจะสังหารพวกเจ้าให้ตาย!”
“จริงหรือ?”
สีหน้าของสือเฟิงนั้นสงบนิ่งยิ่งพลังหยินและหยางอาบไปทั่วร่างของเขา ดูทรงพลังและน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง!
ก่อนหน้านี้ตอนจัดการกับงูหลามยักษ์ เขาหยิบยืมพลังจากภาพวาดทั้งสองภาพที่ท่านเซียนประทานมาให้ แต่ทว่าแท้จริงงูหลามยักษ์ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยืมมากมายอะไร
ในเวลานี้เขาหยิบยืมพลังอีกครั้ง!
ครั้งนี้เขาหยิบยืมพลังทั้งหมดที่เขาสามารถยืมได้ พลังปราณของเขาแผ่ซานอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง เทียบกับก่อนหน้านี้น่าสะพรึงกลัวทรงพลังยิ่งกว่านัก!
“มารดามันเถอะ เจ้าเป็นผู้ใดกัน!”
ตอนนี้งูหลามยักษ์ตกใจหวาดกลัวอย่างยิ่ง มันไม่กล้าหยุดอยู่กับเลื้อยหนีอย่างตื่นตระหนก
พลังของสือเฟิงที่แผ่ซานออกมานั้นชวนหวาดหวั่นเกินไป มันรู้สึก…ไม่มั่นใจ กังวลว่าแม้แต่ค่ายกลสังหารจะใช้การไม่ได้
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
พลังงานหยินและหยางของสือเฟิงหมุนวนรุนแรง ทั้งน่าหวาดหวั่น ทั้งน่าเกรงขาม ถูกค่ายกลสังหารโจมตียังทำอะไรเขาไม่ได้ เขายกมือขึ้นเพียงชั่วพริบตาก็หยุดการโจมตีค่ายกลแห่งนี้ได้
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนใช้ร่างทองอมตะไม่จำเป็นต้องเปิดจุดลับทั้งห้าของร่างกายด้วยซ้ำ เขาต้านแรงโจมตีของค่ายกลสังหารได้อย่างง่ายดาย ร่างกายไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย แม้แต่เส้นผมสักเส้นยังไม่ร่วง
หากค่ายกลสังหารสมบูรณ์ มันอาจจะยังพอเป็นภัยคุกคามเขาได้
แต่ค่ายกลสังหารที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างลวก ๆ เช่นนี้ ยากจะเป็นภัยคุกคามเขา
“ข้าบอกแล้วเจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
สีหน้าของสือเฟิงเรียบเฉย เขาเหยียดนิ้วออกพลังหยินและหยางทั้งสองรวมตัวกัน ก่อนจะพุ่งผ่านอากาศและตรงเข้าใส่ร่างงูหลามยักษ์ทันที
เสียงดังตู้ม ร่างของงูหลามยักษ์ระเบิดออก เลือดกับเนื้อกระเซ็นไปทั่วสี่ทิศ แม้แต่วิญญาณของมันก็ยังหนีไปไม่ได้ ถูกพลังหยินและหยางตรึงเอาไว้ก่อนจะสังหารซ้ำ
หลังจากนั้นเขากับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็กวาดล้างค่ายกลสังหาร ก่อนจะเดินออกมา
งูหลามยักษ์คิดว่าพวกเขาสองคนไม่มีสมอง จึงตามมันเข้ามาค่ายกลสังหารอย่างไม่ได้ไตร่ตรองให้ดี
ในความจริงเป็นอย่างตามคำพูดสือเฟิง พวกเขาไม่ได้อยากหลีกเลี่ยงค่ายกลสังหาร พวกเขาแค่อยากให้งูหลามยักษ์ช่วยเปิดทางเข้าเท่านั้น
มีภาพวาดที่ท่านเซียนประทานมาให้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความ ไม่ว่าค่ายกลสังหารจะน่ากลัวเพียงใดก็ไม่สามารถคุกคามพวกเขาได้อย่างแน่นอน
“ผู้ใดบังอาจรุกรานอาณาเขตเผ่ามังกรวารีของข้า!?”
“รนหาที่ตายนัก!”
สือเฟิงกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเพิ่งจะออกมาจากค่ายกลสังหาร ก็ได้ยินเสียงตะโกนเดือดดาลดังก้องทั่วฟ้าดินหลายครั้งติดต่อกันในทันใด
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงมองหน้ากัน
“นี่คือ…นกพิราบครองรังของนกกางเขน*[1]ใช่หรือไม่?”
สือเฟิงยิ่งเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น
ดูเหมือนว่างูหลามยักษ์จะไม่ใช่ตัวเดียวแต่มีเป็นเผ่า เผ่าหนึ่งค้นพบมิติเล็ก ๆ แห่งนี้โดยบังเอิญ จากนั้นจึงยึดมิติเล็ก ๆ แห่งนี้ไว้เป็นของตัวเอง
“เผ่ามังกรวารี?”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนส่ายหัวพลางกล่าวว่า “เป็นแค่งูหลาม กล้าเรียกตัวเองว่ามังกรได้อย่างไร? ถึงจะวิวัฒนาการขึ้นก็เป็นแค่งูหลามวารีเท่านั้น”
มังกรวารีถือได้ว่าเป็นเผ่าของมังกร เพียงแต่เป็นเผ่าที่อ่อนแอที่สุดในเผ่ามังกร
ทว่าต่อให้มังกรวารีจะเป็นเผ่ามังกรที่อ่อนแอ แต่อย่างไรก็มีเชื้อสายของมังกร แม้จะมีเชื้อสายเบาบาง
มังกรวารีสามารถวิวัฒนาการเป็นมังกรแท้จริงได้
การวิวัฒนาการเป็นมังกรแท้จริงเป็นเรื่องสืบต่อกันมาในเผ่ามังกร
แต่งูสายพันธุ์งูหลามนั้นไม่สามารถทำได้
งูกับงูหลามไม่มีเชื้อสายมังกร แม้ว่าพวกมันจะวิวัฒนาการ แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่งูที่ไม่สามารถกลายเป็นมังกรไปได้
แน่นอนว่างูหลามไม่มีทางกลายเป็นมังกรวารีไปได้ ต่อให้มีรูปลักษณ์คล้ายก็คล้ายกับมังกรวารีเท่านั้น อย่างมากสุดอาจเรียกได้แค่เป็นงูวารีหรืองูหลามวารี
เป็นไปไม่ได้ที่เผ่าพันธุ์ไม่มีเชื้อสายมังกรจะกลายเป็นมังกร เกรงว่าแม้แต่มังกรวารีที่อ่อนแอที่สุดก็ทำไม่ได้!
พวกมันสามารถวิวัฒนาการเป็นรูปร่างของมังกรวารีได้ แต่ไม่สามารถวิวัฒนาการเป็นรูปร่างของมังกรที่แท้จริงได้!
พลังแท้จริงของเผ่ามังกรไม่ใช่พลังที่จะดูหมิ่นก็ดูหมิ่นได้ แม้จะเปลี่ยนรูปร่างให้กลายเป็นมังกร แต่ไม่สามารถเป็นมังกรแท้จริงได้ เห็นทีจะต้องสั่งสอนเสียบ้างแล้ว
กล่าวอย่างจริงจัง มังกรวารีไม่ถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของมังกร ดังนั้นงูกับงูสายพันธุ์อื่นจึงสามารถวิวัฒนาการเป็นมังกรวารีได้
งูหลามในที่แห่งนี้กล้าเรียกตัวเองเป็นเผ่ามังกร เพราะอยากจะยกยอปอปั้นให้ตนเอง…
“เจ้ากำลังพูดอะไร!?”
มีงูหลามทมิฬตัวใหญ่ยักษ์มาถึงที่แห่งนี้ก่อน ประจวบทันได้ยินคำพูดของสือเฟิงกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพอดี มันโกรธจัดทันทีและจิตสังหารก็เพิ่มทวีคูณรุนแรง!
นกพิราบครองรังของนกกางเขน…
กล้าดีอย่างไรถึงเรียกตนเองว่ามังกร?
อย่างมากก็เป็นแค่งูหลามวารี!
คำพูดนี้ทำให้มันโกรธอย่างยิ่ง!
มันต้องการให้สือเฟิงและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนใช้เลือดตอบแทนเป็นราคาสำหรับที่ทั้งสองดูหมิ่นเผ่ามังกรวารีของพวกมัน!
[1] นกพิราบครองรังของนกกางเขน หมายถึง บุกรุกครอบครองบ้านหรือที่ดินของผู้อื่น