เฉินตันจูไม่สนใจเขา มองไปรอบๆ อย่างกังวล
จู๋หลินเล่า? เวลานี้จู๋หลินได้รับการโจมตีหรือ น่าหดหู่อย่างมาก
“ท่านอย่าถือว่าคนมากแล้วรังแกเขา”
คำพูดนี้ทำให้โจวเสวียนโกรธมาก “ข้ารังแกคนยังต้องอาศัยคนมาก?”
เฉินตันจูมองเขา ชายหนุ่มบนกำแพงทำท่าหยิ่งยโส แต่คิ้วและตายังคงซ่อนความสง่างามเอาไว้ อย่างไรก็ตาม เขาเป็นบัณฑิตที่ทิ้งพู่กันเข้าร่วมกองทัพ ถึงแม้จะพยายามฝึกฝนจนสามารถนำทัพสังหารผู้คนได้ แต่ก็ไม่อาจเทียบกับจู๋หลินที่เป็นทหารมาตั้งแต่เด็ก หากจู๋หลินอยากสู้กับเขาจริง…
“เอาเถิด” โจวเสวียนเข้าใจสายตาของนาง ชี้นิ้วอย่างขุ่นเคือง “ข้าไม่ได้ทำอะไรกับเด็กคนนั้น เขายืนอยู่บนต้นไม้นั่น”
เฉินตันจูรีบชำเลืองมอง ถึงแม้มองไม่เห็นแต่ก็โล่งใจ “ท่านโหวโจวมามอบของตอบแทนก็พูดมาโดยตรง ข้าไม่ขัดขวางอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องปีนกำแพง”
โจวเสวียนกระโดดลงจากกำแพง “เฉินตันจู หน้าประตูของท่านในเวลานี้ไร้ซึ่งรถม้า นอกจากข้า คงไม่มีผู้ใดเดินทางมาอีก”
เฉินตันจูหัวเราะสองครั้ง พูดอย่างเกียจคร้าน “หน้าประตูของเฉินตันจูเคยคึกคักเมื่อใดกัน”
โจวเสวียนเดินเข้ามา นั่งลงบนพื้นโดยไม่สนใจว่าจะหนาวเพียงใด มองดูนิ้วของเฉินตันจูเขี่ยสมุนไพรในตะกร้าไปมา หยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งนำเข้าปาก
“มีพิษ!” เฉินตันจูร้องเสียงหลง
โจวเสวียนกัดสมุนไพรจนแตก ชำเหลืองมองนาง “ไป๋ซู่[1] ของท่านมีพิษหรือ”
รู้จักสมุนไพรหรือ เฉินตันจูยิ้ม “ยาย่อมมีพิษ” นิ้วของนางพลิกแผ่นไป๋ซู่นำมาเผา “ท่านโหวโจวมามอบของตอบแทน สิ่งของเล่า?”
โจวเสวียนหัวเราะ “เฉินตันจู ท่านด่าฝ่าบาทก็แล้วไป เหตุใดต้องอ้างถึงท่านพ่อของข้า”
เฉินตันจูไม่มองเขา ถอนหายใจออกมา “ข้าแค่พูดความจริง โจวต้าฟูต้องการเห็นความสงบสุขของต้าเซี่ย” พูดพลางมองไปยังโจวเสวียน สายตาคาดหวัง “ท่านโหวโจว เพื่อท่านพ่อของท่าน ท่านเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทร่วมกับข้าเถิด!” ก่อนจะเปล่งเสียงดังออกมา “เหตุใดท่านโหวจึงนั่งบนพื้น อาเถียน หยิบเบาะรองนั่งและชาร้อนมา”
ดวงตาของหญิงสาวดุจดั่งบ่อน้ำ ทั้งสองคนนั่งใกล้ชิดกัน โจวเสวียนสามารถมองเห็นตนเองในบ่อน้ำนั้น เขาอดที่จะเป่าลมออกมา เพื่อให้ภาพนั้นให้หายไปไม่ได้ “ฝันไปเถิด!”
เฉินตันจูร้องเสียงหลง ยกมือขึ้นปิดตา ตะโกนด้วยความโกรธ “อาเถียน ไม่ต้องหยิบเบาะรองนั่งและชาร้อนมาแล้ว”
อาเถียนที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูห้องพร้อมกับเบาะรองนั่งและชาร้อนในมือถอยกลับไปทันที นางนั่งลงมองโจวเสวียนอย่างระแวงต่อไป
โจวเสวียนไม่ได้มีการกระทำอื่น แขนทั้งสองข้างกอดอกเอาไว้ เอนกายพิงเสาใต้ทางเดิน ยกขาขึ้นมาวางไว้ข้างเตาอั้งโล่
เฉินตันจูเผาสมุนไพรต่อ เอ่ยถาม “เหตุใดท่านมาหาข้า อังไฟหรือ ท่านโหวโจวสร้างจวน ยากจนจนไม่มีแม้แต่ถ่านแล้วหรือ”
โจวเสวียนเอนกายพิงเสาใต้ทางเดิน พูดเสียงเย็น “เฉินตันจูนะเฉินตันจู ท่านไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อยเสียจริง?”
“กลัว?” เฉินตันจูถอนหายใจเบาๆ “กลัวมีประโยชน์หรือ หากกลัว ท่านโหวจะไม่มาหาข้าหรือ” พูดถึงตรงนี้ นางหยุดมือลง กะพริบตามองโจวเสวียน “หากเป็นเช่นนั้น ข้ากลัวท่านก็ได้”
โจวเสวียนทำท่ายกเท้าขึ้นมาถีบนาง เฉินตันจูหยิบมีดหั่นสมุนไพรขึ้นมาจากด้านข้าง “ท่านถีบข้าได้ แต่ลองถีบยาของข้าดู! ยานี้เป็นยาช่วยชีวิตขององค์ชายสาม หากท่านถีบมัน ข้าจะสู้กับท่าน!”
มองดูท่าทางดุร้ายของหญิงสาว โจวเสวียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เฉินตันจู ท่านช่างไร้ยางอาย ท่านเกาะขาขององค์ชายสามไม่ปล่อยแล้วจริงๆ แค่เพียงต้องการ ต้นไม้ใบหญ้าในอารามของท่านล้วนเกี่ยวข้องกับชีวิตขององค์ชายสามขึ้นมาได้!”
เฉินตันจูหมุนมีดหั่นสมุนไพรในมือ เลิกคิ้ว “ข้าไม่ได้โกหก ข้าต้องการรักษาองค์ชายสามจริงๆ”
“ท่านตายใจเสียเถิด เวลานี้แม้แต่องค์ชายสามก็ไม่มาเหยียบประตูของท่านแล้ว” โจวเสวียนยิ้มอย่างทับถม ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉย “ข้าไม่ได้ถามว่าท่านกลัวข้าหรือไม่ ข้ารู้ว่าท่านไม่กลัวข้า แต่ท่านทำให้ฝ่าบาทกริ้วโกรธ ทำให้ชนชั้นสูงทั้งหลายโกรธเคือง ท่านไม่กลัวแม้แต่น้อยหรือ”
เฉินตันจูพลิกแผ่นไป๋ซู่เบาๆ ยั่วยุให้ฝ่าบาททรงกริ้วหรือ อันที่จริงดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะขับไล่นางออกจากพระราชวัง ไม่อนุญาตให้นางเข้าพระราชวังและเข้าเมือง แต่นางปลอดภัยดี ฝ่าบาทไม่ได้จับนางมาลงโทษ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำเล่าลือที่แพร่กระจายออกไป…
ได้ยินว่านางทำอย่างไรให้ฝ่าบาทโกรธแล้ว ใจของนางยิ่งสงบ
คำพูดเล่านี้ไม่ได้ตำหนินาง หากแต่พูดให้คนอื่นฟัง โดยเฉพาะชนชั้นสูง
หรือสามารถพูดได้ว่าเป็นการลองเชิงของฮ่องเต้
หากฮ่องเต้ไม่พูดสิ่งใด ไม่กริ้วโกรธ ไม่ยอมให้คำพูดในวันนั้นแพร่งพรายออกมา ทำให้เรื่องนี้เงียบไป นางคงจะต้องกลัว
ส่วนการทำให้ชนชั้นสูงโกรธ…ในแผ่นดินนี้ อย่างไรก็เป็นของฝ่าบาท เพียงแค่ฝ่าบาทคิดจะกระทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ สำหรับความมุ่งมั่นของฝ่าบาท เฉินตันจูเชื่อมั่นอย่างมาก เหล่าชนชั้นสูงแค้นนางจะเป็นอันใดไป
นางมองไปยังโจวเสวียน “ท่านโหวโจว ข้าไม่กลัวแม้แต่น้อย ท่านเชื่อหรือไม่”
ครานี้นางพูดความจริง ไม่เหมือนครั้งก่อน เขาถามว่านางกลัวเขาหรือไม่ เชื่อหรือไม่ว่าเขาจะฆ่านาง นางตอบอย่างปากไม่ตรงกับใจ
โจวเสวียนยิ้ม “ข้ารู้ว่าท่านไม่กลัว แต่ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่ากลัวไม่มีประโยชน์ อันที่จริงไม่กลัวก็ไม่มีประโยน์ เรื่องจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าท่านกลัวหรือไม่จะตัดสินได้”
พูดพลางมองเฉินตันจูด้วยรอยยิ้มจาง
“องค์รัชทายาทเสด็จมาแล้ว”
ได้ยินคำว่าองค์รัชทายาท มือที่พลิกแผ่นสมุนไพรของเฉินตันจูชะงักไป ร่างข้างตัวขยับ โจวเสวียนลุกขึ้นยืน สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
เฉินตันจูมองแผ่นหลังของเขา ดังนั้นเขามาเพื่อ…
นางตะโกนเรียกเขา
โจวเสวียนหันกลับมามอง
“ท่านบอกว่ามามอบของตอบแทน” เฉินตันจูถาม พร้อมยื่นมือออกมา “ของตอบแทนเล่า? คราก่อนข้ามอบผลซานจาให้ท่านตั้งสี่ลูก”
โจวเสวียนหัวเราะเสียงเย็น “ซานจาสี่ลูกยังกล้าพูด!”
เฉินตันจูกลั้นขำ “มันเป็นผลซานจาของวัดถิงอวิ๋น ข้าให้อาจารย์ฮุ้ยจื้อปลุกเสกโดยเฉพาะ กินแล้วอายุยืนยาว รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง คิดสิ่งใดสมปรารถนา คนเห็นคนหลงรัก…อย่างไรก็ตาม มันเป็นสมบัติอันล้ำค่า ไม่เชื่อท่านไปถามอาจารย์ฮุ้ยจื้อ”
โจวเสวียนตอบกลับ “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ มันเป็นของเหลือที่เจ้ากับผู้อื่น นำมาให้ข้า!” พูดพลางเดินออกไป เขายังคงไม่ได้เดินออกทางประตู หากแต่ปีนกำแพง…
เฉินตันจูเบะปาก อันที่จริงกำแพงอารามเตี้ยเช่นนั้น ยังไม่สู้เดินออกทางประตู ความคิดนี้แล่นผ่าน เห็นเพียงแต่โจวเสวียนที่ปีนข้ามกำแพงไปสะบัดมือ ก็มีสิ่งหนึ่งลอยเข้ามาพร้อมลม
จู๋หลินที่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ตรงไหนกระโดดออกมา ยื่นมือรับเอาไว้ เสียงกระทบเบาๆ ดังขึ้น ของสิ่งนั้นหล่นอยู่บนพื้น เฉินตันจูชะโงกหน้าออกมาจากด้านหลังของจู๋หลิน ที่แท้ก็เป็นเมล็ดของผลไม้บางอย่างที่ถูกร้อยเป็นพวง
“ของตอบแทน” เสียงของโจวเสวียนดังขึ้นจากกำแพงด้านนอก “ของที่ข้ากินเหลือเหมือนกัน”
อาเถียนวิ่งเข้ามาหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาดู “เป็นของที่กินเหลือจริงด้วย มันคือเมล็ดแปะก๊วย” บีบจมูกทำท่าจะโยนทิ้งไป “โจวเสวียนนี้น่าขยะแขยงเสียจริง”
เฉินตันจูยื่นมือด้วยรอยยิ้ม “กินเหลือที่ใดกัน เจ้าดู เห็นได้ชัดว่าแกะสลักอย่างประณีต”
อาเถียนยืนพวงเมล็ดแปะก๊วยให้นาง เฉินตันจูถือเอาไว้ในมือ เมล็ดแปะก๊วยขนาดเล็กอบอุ่นดุจหยกภายใต้แสงอาทิตย์
“ของตอบแทนของพวกท่านถือว่าเท่าเทียมกันแล้ว” อาเถียนพึมพำอยู่ด้านข้าง
คุณหนูปีนกำแพงมอบผลซานจาสี่ลูก โจวเสวียนปีนกำแพงข้ามมามอบพวงเมล็ดแปะก๊วย
เฉินตันจูถือพวงเมล็ดแปะก๊วยเอาไว้ มอบของตอบแทนย่อมไม่ใช่สิ่งนี้ นางไปเพื่อแสดงกับโจวเสวียนว่าเข้าใจการช่วยเหลือของเขา ส่วนโจวเสวียนมาเพื่อบอกนางว่าองค์รัชทายาทกำลังเสด็จมา
องค์รัชทายาท ที่พึ่งของเหยาฝู เจ้านายที่แท้จริงของหลี่เหลียง คนที่อยู่เบื้องหลังการตายของท่านพี่
ตั้งแต่นางรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหลี่เหลียง นางก็ไม่ได้พูดถึงหญิงสาวผู้นี้แม้แต่น้อย แต่นางไม่เคยลืมแม้แต่วินาทีเดียว อีกทั้งนางเดาว่า เรื่องที่ประสบในระยะเวลานี้ เบื้องหลังล้วนมีหญิงสาวผู้นั้นอยู่ หรืออาจบอกได้ว่าเป็นฝีมือขององค์รัชทายาท…
แต่เหยาฝูนั้นไม่ปรากฏตัว หลบซ่อนอยู่ในพระราชวัง นางก็ไม่อาจกระทำการสิ่งใดได้
เวลานี้องค์รัชทายาทเสด็จมาถึงแล้ว พวกเขาคงถึงเวลายืนปะทะกับนางโดยตรงแล้ว
โจวเสวียนแกล้งปะทะกับนาง หากองค์รัชทายาทต้องการเป็นศัตรูกับผู้ใด ไม่ต้องแสร้งทำ ลงมือโดยตรงก็พอ
เรื่องนี้คือสิ่งที่โจวเสวียนพูด ไม่ว่านางกลัวหรือไม่ เรื่องไม่อาจเป็นไปดั่งที่นางคาดหวังได้
—————————————————————————–
[1] ไป๋ซู่ หมายถึง สมุนไพรที่มีรูปทรงอวบอ้วนไม่แน่นอน ผิวสีเหลืองอมเทา หรือน้ำตาลอมเทา มีปุ่มนูนสลับกับรอยย่นและร่องตามแนวยาว และรอยของรากฝอย ส่วนยอดมีรอยของลำต้นและหน่อ เนื้อแข็ง หักยาก หน้าตัดไม่เรียบ สีขาวอมเหลืองถึงน้ำตาลอ่อน มีช่องบรรจุน้ำมันเป็นจุดสีเหลืองอมน้ำตาล มีกลิ่นหอม รสหวานและเผ็ดเล็กน้อย เมื่อเคี้ยวจะรู้สึกเหนียวเล็กน้อย