แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 261 แม่สาวยูโดเคอจื่อฉิง

ตอนที่ 261 แม่สาวยูโดเคอจื่อฉิง

ตอนที่ 261 แม่สาวยูโดเคอจื่อฉิง

ในร้านไม่สะดวกที่จะคุยกัน หลินม่ายจึงตามนายช่างจางออกมานอกร้าน และยืนอยู่ใต้เงาต้นไม้ต้นหนึ่ง

นายช่างจางจึงพูดขึ้น “ผมอยากจะต่อเติมห้องใต้หลังคาอีกชั้นหนึ่ง”

หลินม่ายครุ่นคิด หลี่หมิงเฉิงย้ายออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว ในบ้านก็มีแค่เธอ โจวฉายอวิ๋นแล้วก็โต้วโต้วสามคนเท่านั้น

ถึงในวันข้างหน้าจะมีคุณปู่คุณย่าฟางเข้ามาอยู่ด้วย ก็มีแค่ห้าคนเท่านั้น

ชั้นสามมีพื้นที่กว้างขวางขนาดนั้น อยู่กันห้าคนก็เหลือเฟือ ไม่จำเป็นต้องทำห้องใต้หลังคาเลย เธอจึงปฏิเสธไป

นายช่างจางนิ่งเงียบไปสองสามวินาที แล้วพูดขึ้น “ผมคิดว่าทำห้องใต้หลังคานี้ไว้ก็ดีนะครับ”

หลินม่ายถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมเหรอคะ?”

“ฤดูร้อนของเมืองเจียงเฉิงร้อนมากจริงๆ ครับ ถ้าไม่ทำห้องใต้หลังคาไว้กันความร้อน ต่อไปพวกคุณได้มาอยู่ที่ชั้นสามกันจะร้อนจนทนไม่ได้เชียวล่ะ นอกจากห้องใต้หลังคาจะเป็นชั้นกันความร้อนได้แล้ว ภายในห้องช่วงฤดูหนาวก็จะไม่หนาวเกินไปด้วย”

หลินม่ายไม่เคยพิจารณาในจุดนี้มาก่อน

แม้จะเคยพิจารณาถึงเรื่องนี้ แต่ก็ตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ชั้นสอง ซึ่งก็คือชั้นบนสุด

เพราะเป็นชั้นที่แสงแดดส่องถึงโดยตรง ภายในห้องจึงร้อนเป็นพิเศษราวกับอยู่ในซึ้งนึ่งก็ไม่ปาน ต่อให้เปิดพัดลม ลมที่พัดออกมาก็ยังร้อนผ่าว

หลินม่ายถามอย่างกังวลใจ “ถ้าสร้างห้องใต้หลังคาแล้วจะทำให้ฐานตึกรับน้ำหนักมากขึ้นหรือเปล่าคะ?”

นายช่างจางส่ายหน้า “ไม่ครับ การสร้างชั้นสามและห้องใต้หลังคาเพิ่ม นอกจากอิฐแดงที่ใช้สร้างผนังที่ใช้ร่วมกันกับบ้านข้างเคียง อิฐในส่วนอื่นๆ จะใช้อิฐปูนทั้งหมดครับ อิฐปูนแบบนี้น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ก้อนหนึ่งมีน้ำหนักราวๆ กล่องใบใหญ่ที่เด็กหกเจ็ดขวบก็ยังยกไหว ไม่เพิ่มภาระให้กับฐานหรอก ด้านบนห้องใต้หลังคาที่ปูกระเบื้องก็ไม่ได้ทำให้ฐานตึกรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นเช่นกัน”

หลินม่ายพยักหน้า “งั้นคุณจัดการตามสมควรเถอะค่ะ ขอแค่ไม่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยก็พอ”

หากต่อเติมห้องใต้หลังคาอีกชั้นหนึ่ง ต่อไปถ้าต้องย้ายออกเนื้องจากการรื้อถอนก็ยังสามารถขอเงินชดเชยเพิ่มได้อีกหน่อย ไม่มีอะไรแย่

เช้าวันถัดมา หลินม่ายออกไปทำงานที่กว่างโจว

ฟางจั๋วหรานส่งเธอขึ้นรถไฟ เขาบอกเธอว่าเขาจัดการให้น้องสาวของคนรู้จักคนนั้นไปรับเธอที่สถานีรถไฟแล้ว

หลินม่ายพูดไม่ออก “ให้เด็กสาวคนหนึ่งมารับ แบบนั้นไม่ต้องให้มาดีกว่าค่ะ”

ฟางจั๋วหรานพูด “น้องสาวของคนรู้จักของผมไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาหรอกนะ เมื่อก่อนเจ้าตัวเป็นนักยูโดทีมชาติ แต่เพราะเส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บ จนไม่สามารถฝึกยูโดต่อไปได้ ก็เลยถอนตัวออกมา หล่อนคนเดียวสามารถจัดการผู้ชายได้ห้าหกคนเลยนะ ให้หล่อนปกป้องคุณต้องไม่มีปัญหาแน่นอน”

ถึงตอนเย็น หลินม่ายก็ลงจากรถไฟที่สถานีกว่างโจว

เมื่อออกมาจากสถานีรถไฟ เธอก็เห็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยที่กำลังชูป้ายแผ่นใหญ่คนหนึ่ง บนป้ายเขียนตัวอักษรตัวโตสามสี่ตัว “ฉันคือเคอจื่อฉิง”

นี่มันชื่อน้องสาวของคนรู้จักคนนั้นที่ฟางจั๋วหรานบอกเธอไม่ใช่เหรอ?

หลินม่ายรู้สึกค่อนข้างเหนือคาด

เธอนึกว่านักกีฬายูโดแต่ละคนจะบึกบึนกันหมดเสียอีก ไม่นึกว่าเคอจื่อฉิงจะบอบบางอ้อนแอ้นขนาดนี้

หลินม่ายเดินเข้าไปหาหล่อน

ในตอนนั้นเองหญิงวัยกลางคนร่างท้วมกำยำสองสามคนก็เดินเข้ามา ลากตัวหลินม่ายไป เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว คงต้องการที่พักสินะ ไปพักที่โรงแรมของเราสักคืนเถอะ”

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน หลินม่ายยังไม่ทันชักมีดผ่าแตงโมออกมา ก็ถูกหญิงวัยกลางคนเหล่านั้นหิ้วตัวไป

ท่ามกลางความตื่นตระหนก เธอตะโกนเรียกชื่อของเคอจื่อฉิงเสียงดัง

เคอจื่อฉิงหูตาว่องไว เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของหลินม่ายก็วิ่งเข้ามาในทันที

หล่อนใช้แผ่นป้ายไม้แผ่นใหญ่ในมือนั้นฟาดหญิงวัยกลางคนเหล่านั้น พลันสบถออกมาด้วยสำเนียงกวางตุ้ง “ยัยหมูเน่าอืดพวกนี้ กล้ามาปล้นคนของฉันเชียวเรอะ อยากตายนักใช่ไหม?”

หญิงวัยกลางคนสองสามคนนั้นถูกหล่อนทุบตีจนหนีเตลิดเปิดเปิง

หนึ่งในนั้นถูกแผ่นป้ายไม้บาดจนเลือดไหลซิบๆ ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ

เคอจื่อฉิงกลัวว่าหลินม่ายจะกลัว จึงปิดตาของเธอเอาไว้ “อย่ามอง!”

หลินม่ายจับมือเธอออก พูดพลางกลั้วหัวเราะ “ฉันไม่ได้กลัวเสียหน่อย!”

เคอจื่อฉิงพาเธอมายังบ้านของตัวเอง

หล่อนเห็นว่าหลินม่ายมองสำรวจไปรอบๆ ก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “รู้สึกว่าบ้านของฉันเล็กเป็นพิเศษเลยใช่ไหม มีห้องเดี่ยวห้องเดียวเท่านั้นเอง? ฉันอยู่คนเดียว ไม่จำเป็นต้องอยู่ห้องใหญ่เกินไป ดังนั้นฉันก็เลยเช่าแค่ห้องเดี่ยวน่ะ”

หลินม่ายหัวเราะ “ฉันไม่ได้รังเกียจที่ว่าบ้านของเธอเล็กเกินไปหรอก แต่แค่รู้สึกว่าเธอตกแต่งบ้านได้มีรสนิยมทีเดียวเลย”

เคอจื่อฉิงพูดกลั้วหัวเราะ “เธอนี่รู้จักยอคนจริงๆ !”

หล่อนเข้าไปจุดเตาถ่านในห้องครัว เมื่อต้มน้ำเสร็จทั้งสองก็อาบน้ำ

จากนั้นจึงหยิบเตียงสนามตัวใหม่เอี่ยมที่แค่ดูก็รู้ว่าเพิ่งซื้อมาออกมากาง แล้วพูดกับหลินม่าย “เธอนอนที่เตียงนอน ฉันจะนอนที่เตียงสนามเอง”

แม้เคอจื่อฉิงจะไม่ได้อ้วน แต่หล่อนก็ตัวสูงมาก ดูคร่าวๆ แล้วสูงอย่างน้อย 175 เซนติเมตรทีเดียว

หลินม่ายสูง 165 เซนติเมตร เมื่อเทียบกับหล่อนแล้วดูตัวเล็กจิ๋วไปเลย

แถมเตียงสนามดูไปแล้วก็บอบบางขนาดนั้น หลินม่ายจึงกลัวว่าหล่อนจะทับเตียงสนามจนมันพังลงมาแล้วจะหล่นลงมาด้วย ด้วยเหตุนี้เธอจึงอยากนอนที่เตียงสนามเสียเอง

ทั้งสองยื้อยุดกันไปมา จนเคอจื่อฉิงเริ่มหมดความอดทน พลันยกตัวหลินม่ายขึ้นแล้วโยนเธอลงไปบนเตียง

พูดด้วยท่าทางดุดัน “เธอมาเป็นแขกที่บ้านฉัน เธอก็ต้องทำตามกฎของฉัน ฉันให้เธอนอนตรงไหนเธอก็นอนตรงนั้นแหละ”

หลินม่ายสู้หล่อนไม่ไหว จึงได้แต่เชื่อฟังตามที่หล่อนบอก

เมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้า เคอจื่อฉิงก็พาหลินม่ายมากินอาหารดื่มน้ำชาตอนเช้า

หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ทั้งสองคนก็ไปซื้อของกัน

มาถึงตลาดเสื้อผ้าค้าส่ง หลินม่ายก็ตรงไปที่ร้าน Pretty Lady ทันที

เถ้าแก่เนี้ยร้าน Pretty Lady เห็นเธอก็ยิ้มแย้มยินดี “ทำไมหนูไม่มาเสียนานขนาดนี้ล่ะจ๊ะ?”

หลินม่ายแสร้งทำทีเอ่ยระบายทุกข์ “อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ เสื้อผ้ามือสองนำเข้าคราวก่อนที่รับจากที่นี่ขายมาจนถึงตอนนี้เพิ่งจะขายหมด ก็เลยไม่ได้มาเลยน่ะค่ะ”

เถ้าแก่เนี้ยไม่ค่อยเชื่อถือ “คนอื่นเขาขายดิบขายดีกันหมด ทำไมหนูถึงขายได้ไม่ดีขนาดนี้ล่ะ? อย่างนั้นคราวนี้หนูอยากจะเอาสินค้าอะไรสักหน่อยไหม?”

หลินม่ายขมวดคิ้ว พูดอย่างเกรงใจ “ฉันอยากได้เสื้อผ้ามือสองนำเข้าค่ะ”

เถ้าแก่เนี้ยมองอย่างสับสนมึนงง “หนูไม่ได้บอกว่าขายไม่ดีหรอกเหรอ ทำไมยังจะรับอีกล่ะ?”

หลินม่ายพูดพลางหัวเราะแห้งๆ “แต่มันได้กำไรมากนี่คะ”

เถ้าแก่เนี้ยพยักหน้า “ฉันมีเสื้อผ้ามือสองนำเข้าอยู่ล็อตหนึ่งพอดี ถ้ารับไปเยอะ ฉันจะลดราคาให้อีกหน่อย”

หลินม่ายยิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณเถ้าแก่เนี้ยมากเลยนะคะ”

เถ้าแก่เนี้ยโบกมือ “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ถ้าไม่เห็นแก่ที่หนูบอกว่าขายได้ไม่ค่อยดี เดิมทีฉันก็ไม่อยากลดราคาให้หรอกนะ เสื้อผ้าพวกนั้นฉันขายดีมากเลยล่ะ”

เคอจื่อฉิงและหลินม่ายตามเถ้าแก่เนี้ยมาถึงด้านหน้าโกดังที่หลินม่ายเคยมาก่อนหน้านี้

ทันทีประตูโกดังเปิดออก หลินม่ายก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

กลิ่นเหม็นลอยมาเตะจมูก ฉุนเสียจนเธอและเคอจื่อสิงแสบจมูกอยู่พักใหญ่

หลินม่ายขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

เธอจำได้ว่าตอนเข้ามาในโกดังครั้งที่แล้ว ข้างในไม่ได้มีกลิ่นฉุนรุนแรงเช่นนี้

เถ้าแก่เนี้ยเห็นเธอทำสีหน้าเหยเก จึงเอ่ยด้วยยิ้ม “ได้ยินมาว่าสินค้าล็อตนี้มีปัญหาที่ด่านศุลกากรนิดหน่อย ทำให้โดนกักอยู่หลายเดือน ก็เลยมีกลิ่นอับค่อนข้างแรงน่ะ แต่เสื้อผ้าก็ยังเป็นเสื้อผ้าคุณภาพดี เอากลับไปฆ่าเชื้อสักหน่อย จัดให้เป็นระเบียบสักนิดก็เหมือนของใหม่แล้ว เถ้าแก่ในเมืองที่ไม่ติดทะเลหลายเจ้าต่างก็ต้องการสินค้าแบบนี้ทั้งนั้นนะ”

ไม่ว่าเถ้าแก่เนี้ยจะชักแม่น้ำทั้งห้ายังไง หลินม่ายก็เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น

ตอนที่ขนเสื้อผ้ามือสองเหล่านั้นมากองดูตรงหน้า เธอก็หมุนตัวเดินออกไปทันที

เสื้อผ้ามือสองพวกนั้นทั้งหมดไม่ใช่เสื้อผ้ามือสองที่เธอเคยเห็นในครั้งแรก บนนั้นไม่เพียงมีคราบสกปรก บางตัวยังมีแม้กระทั่งคราบเลือดด้วย แค่มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่สินค้าที่มาจากช่องทางธรรมดาทั่วไป

แต่เถ้าแก่เนี้ยกลับโกหกเธอได้หน้าตาเฉย บอกว่าด่านศุลกากรกักไว้หลายเดือน สินค้าแบบนี้ศุลกากรไม่มีทางปล่อยให้ผ่านมาได้อยู่แล้ว!

เถ้าแก่เนี้ยลนลานขึ้นมา หล่อนขวางหลินม่ายเอาไว้แล้วพูด “ไม่ชอบเพราะเสื้อผ้าล็อตนี้ไม่สวยเหมือนคราวก่อนเหรอ? เฮ้อ! พูดกันตามตรงเลยนะ พวกเราได้สินค้าพวกนี้มาจากด่านศุลกากรก็ขึ้นอยู่กับโชคล้วนๆ เขาให้สินค้าอะไรมา เราก็รับมาแบบนั้น เดิมทีไม่สามารถที่จะเลือกมากได้หรอก ครั้งนี้โชคไม่ดี สินค้าที่ได้ก็เลยไม่โอเคนัก~”

พูดถึงตรงนี้ เถ้าแก่เนี้ยก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนกัดฟันพูด “เอาอย่างนี้แล้วกัน สินค้าหนึ่งกองฉันลดราคาให้ 500 หยวน เก็บแค่ 1,000 หยวนก็เท่านั้น หนูว่ายังไงจ๊ะ?”

อย่าว่าแต่ลดให้ 500 หยวนเลย ให้ฟรีๆ เธอก็ไม่เอา

หลินม่ายออกแรงสลัดเถ้าแก่เนี้ยแล้วเดินจากไป

เถ้าแก่เนี้ยรีบวิ่งตามออกมา

ผู้รักษาความปลอดภัยสองสามคนที่อยู่ไม่ไกลออกไปต่างจับจ้องไปที่หล่อน รอเพียงหล่อนให้สัญญาณ พวกเขาก็จะดำเนินการจับตัวหลินม่ายและเคอจื่อฉิงทันที

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

โห้ อย่าดูถูกสาวน้อยที่ดูบอบบางบางคนเชียว ฝีมือการต่อสู้คือสุดยอด ม่ายจื่ออย่าขัดเลย เธอสู้อีกฝ่ายไม่ได้หรอก

เอ่อ เล่นเอาเสื้อผ้าแบบนี้มาย้อมแมวให้ ยกให้ฟรีก็ไม่เอาค่ะ สยอง

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท