การเอ่ยตัดบทของน้องสาว ทำให้หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปทันที
แต่เมื่อกินข้าวเสร็จและขึ้นมาชั้นบน หลินเยวียนก็รู้สึกว่าสายตาที่น้องสาวมองตนนั้นแปลกชอบกล
แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก
วันเวลาหลังจากนั้น หลินเยวียนก็อ่านหนังสือ และไปเข้าเรียนตามปกติ
เขายังสั่งซื้ออุปกรณ์สำหรับวาดการ์ตูนชุดใหญ่มาจากอินเทอร์เน็ตด้วย แต่เมื่อคิดว่าหลังจากนี้ต้องหาผู้ช่วย หลินเยวียนก็รู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
หรือว่าต่อไปผู้ช่วยจะต้องมาที่บ้านเขา?
เขาจึงให้กู้ตงช่วยจัดหาสถานที่ เพื่อเป็นออฟฟิศสำหรับวาดการ์ตูนของตนในทันที
มีผู้ช่วยก็สะดวกสบายดีเหมือนกัน อย่างน้อยหลินเยวียนก็ไม่ต้องรบกวนรุ่นพี่ซุนเย่าหั่วไปซะทุกเรื่อง
รบกวนคนเขาตลอด หลินเยวียนเองก็รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกัน
กู้ตงทำงานคล่องแคล่วว่องไว เพิ่งจะย่างเข้าเดือนเมษายน เธอก็หาออฟฟิศแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับบริษัทได้แล้ว
“ที่นี่ก็ได้ครับ”
หลินเยวียนมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ ก่อนจะพยักหน้า
เดิมทีกู้ตงอยากถามว่าหลินเยวียนต้องการเช่าออฟฟิศมาทำอะไร แต่คำพูดมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากก็ต้องยั้งไว้ เพียงแต่เอ่ยเตือนหลินเยวียน “ทางกองถ่ายกำลังจะปิดกล้องแล้วนะคะ”
หลินเยวียนพยักหน้า
กู้ตงพูดต่อ “เพลงของเซวียเหลียงก็ปล่อยออกไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในอันดับที่ห้าของชาร์ตเพลงใหม่เดือนเมษาค่ะ น่าเสียดายที่นักร้องที่ร่วมงานด้วยในครั้งนี้เป็นนักร้องแถวสองธรรมดา ถ้าเป็นนักร้องแถวหน้าละก็ เพลงนี้จะต้องติดท็อปสามแน่นอนค่ะ”
หลินเยวียนพยักหน้าหงึกๆ อีกครั้ง
เพลงที่เซวียเหลียงเขียนไม่เลวเลย ถึงอย่างไรความสามารถของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่ามือทอง อันที่จริงหลินเยวียนก็สังเกตเห็นว่าค่าความโด่งดังด้านดนตรีของตนก็เพิ่มขึ้นแล้ว
เห็นได้ชัดว่ามาจากเพลงผืนป่าของเซวียเหลียง
แต่สิ่งที่หลินเยวียนไม่รู้ก็คือ…
เพราะเซวียเหลียงเป็นลูกศิษย์ของเซี่ยนอวี๋ ดังนั้นในวงการจึงเกิดความสงสัยใคร่รู้ ว่าลูกศิษย์ที่เซี่ยนอวี๋สอนสั่งจะมีฝีมือระดับไหน
ปรากฏว่าทันทีที่เพลงผืนป่าปล่อยออกมา ก็ทำให้หลายคนพากันตื่นตกใจ
เพราะต่อให้มีความรู้เรื่องเพลงเพียงน้อยนิด ก็สามารถฟังออกถึงมาตรฐานในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงนี้!
‘นี่เป็นมาตรฐานของนักแต่งเพลงมือทองใช่ไหม’
‘หลี่อวี๋คนนี้เป็นหน้าใหม่ไม่ใช่เหรอ’
‘เป็นลูกปลาหลานปลาจริงๆ?’
‘เซี่ยนอวี๋สอนลูกศิษย์ออกมาได้ระดับนี้เชียว?’
‘การประพันธ์เพลงสอนกันง่ายๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ?’
‘มีอยู่แค่เพลงเดียว อาจจะฟลุกทำออกมาดีก็ได้ ยังต้องรอดูกันไปอีก’
‘อาจเป็นเพราะเซี่ยนอวี๋มีส่วนร่วมในการผลิตผลงาน’
‘…’
ทัศนะของผู้คนในวงการ ส่วนมากก็รู้สึกกังขา ถ้าหากเซี่ยนอวี๋สามารถสอนลูกศิษย์ระดับมือทองออกมาได้ ก็ถือว่าน่ากลัวมากจริงๆ!
เพราะการประพันธ์เพลงไม่เหมือนแขนงวิชาอื่น นึกอยากสอนลูกศิษย์ ก็ใช่ว่าจะสอนออกมาให้เป็นมือทองได้
ต่อให้เป็นนักประพันธ์เพลงระดับพ่อเพลง ก็คงไม่กล้าบอกว่าตนจะสามารถสอนลูกศิษย์ระดับนักประพันธ์เพลงมือทองออกมาได้ใช่ไหมล่ะ
แต่จุดที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คือ
นักประพันธ์เพลงตระกูลปลาอย่างหลี่อวี๋ ได้เริ่มเป็นที่รู้จักในมณฑลฉินและมณฑลฉีแล้ว
ยังมีคนถึงขั้นไปค้นหาผลงานก่อนหน้านี้ของหลี่อวี๋ด้วย
ถึงอย่างไร เซวียเหลียงซึ่งใช้ชื่อว่าหลี่อวี๋ในการสร้างสรรค์ผลงาน ก็ไม่ได้ปกปิดข้อมูลส่วนตัวไปเสียทั้งหมด
ปรากฏว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานของหลี่อวี๋ก่อนหน้านี้ ผู้คนในวงการก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีก
“นี่เป็นเพลงที่คนคนเดียวกันเขียนเหรอเนี่ย”
“ผลงานเมื่อก่อนของหลี่อวี๋ กับผลงานที่ปล่อยออกมาหลังจากเป็นลูกศิษย์ของเซี่ยนอวี๋แล้ว ต่างกันราวฟ้ากับดิน!”
“เป็นคนที่เซี่ยนอวี๋สอนจริงๆ เหรอ?”
“เมื่อวานหลี่อวี๋ให้สัมภาษณ์ ว่าเขาเรียนกับเซี่ยนอวี๋ไม่ถึงหนึ่งปี”
“ปลาคาร์ปนำโชคดีชัดๆ?”
“…”
และภายในสตาร์ไลท์
เมื่อเห็นผลงานอันโดดเด่นในฤดูกาลนี้ของหลี่อวี๋ นักประพันธ์เพลงหลายคนก็ล้วนตะลึงงัน
ใครไม่รู้บ้างล่ะว่าหลี่อวี๋มาจากบริษัทย่อย
และทุกคนก็รู้ดีว่ามาตรฐานของนักประพันธ์เพลงจากบริษัทย่อยกลุ่มนั้นจัดอยู่ในระดับไหน
ณ วินาทีนั้นไม่มีใครแยกออกแล้วว่าเป็นเพราะความเก่งกาจของเซี่ยนอวี๋ หรือเป็นเพราะพรสวรรค์ของตัวหลี่อวี๋เอง และเซี่ยนอวี๋ก็เพียงแค่ช่วยเติมเชื้อเพลิงเท่านั้น
……
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเซวียเหลียง ที่ประสบความสำเร็จจนมีชื่อเสียงและได้รับคำชื่นชม!
การประสบความสำเร็จครั้งใหญ่หลังจากที่ปล่อยผลงานภายใต้ชื่อหลี่อวี๋เป็นครั้งแรก ก็ทำให้เขากลายเป็นดาวเด่นของแผนกประพันธ์เพลงชั้นเก้าในทันที!
ในตอนนี้ เซวียเหลียงทั้งรู้สึกตื่นเต้นและซาบซึ้งใจ
ถ้าไม่มีอาจารย์ ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร?
เซวียเหลียงไม่กล้าจินตนาการด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงยิ่งรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณอาจารย์มากขึ้น
โลกภายนอกจะคาดเดาอย่างไรไม่สำคัญ ในใจของเซวียเหลียงรู้ดี ว่าเขาประสบความสำเร็จได้ ล้วนเป็นเพราะอาจารย์สอนดี!
รวมไปถึงเวลาที่เพื่อนร่วมงานในแผนกเอ่ยถาม เซวียเหลียงก็ตอบไปเช่นนี้
ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางใช้นามปากกาของตนว่า ‘หลี่อวี๋’ หรอก
เพราะฉะนั้น
ตอนที่หลินเยวียนกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง เซวียเหลียงก็ตั้งใจซื้อใบชาชั้นดีมาให้หลินเยวียน เขาไปสืบมาแล้ว รองหัวหน้าอู๋หย่งบอกว่าตัวแทนหลินชอบใบชา
และในตอนนั้นเอง
แน่นอนว่าหลินเยวียนพึงพอใจกับผลงานของเซวียเหลียงมาก เขาถึงขั้นรู้สึกอยากจะรับลูกศิษย์เพิ่มอีกสักคนเดี๋ยวนั้นเลย!
การ์ดตัวละครของหยางจงหมิง บวกกับเอฟเฟ็กต์อาจารย์แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเยี่ยมยอดมาก
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ลงมือดำเนินการในทันที
ในหน่วยงานมีคนตั้งเยอะแยะ หลินเยวียนวางแผนจะคัดเลือกอีกครั้งว่าลูกศิษย์คนที่สองเป็นใคร
ส่วนเซวียเหลียง…
หลินเยวียนไม่ได้ตัดหางปล่อยวัด เขาตัดสินใจว่าในอนาคตเมื่อเซวียเหลียงมีเพลงใหม่ ตนก็จะใช้การ์ดตัวละครของหยางจงหมิงเพื่อช่วยปรับปรุงผลงานของเขา
หลินเยวียนเคยถามระบบ
ถึงแม้เขาจะไม่สามารถใช้การ์ดตัวละครของหยางจงหมิงสร้างสรรค์ผลงานได้ แต่หลังจากลูกศิษย์ผลิตผลงานออกมา เขาหยิบยืมการ์ดตัวละครของหยางจงหมิงมาช่วยให้คำแนะนำ ก็ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนใบชาของเซวียเหลียง หลินเยวียนก็รับไว้โดยดี
รักษามารยาทไว้ไม่เสียหายอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นของขวัญจากลูกศิษย์
ปรากฏว่าเซวียเหลียงเพิ่งจะเดินออกไปจากห้องทำงาน อู๋หย่งก็เดินเข้ามา “ตัวแทนหลิน ช่วงนี้คุณตัดสินใจลงมือหรือเปล่า”
“อะไรเหรอครับ”
หลินเยวียนชะงักไป
ช่วงนี้เขาไม่มีเพลงใหม่จะปล่อย
อู๋หย่งยิ้มขื่น กล่าวว่า “เซวียเหลียงได้อันดับห้า นี่เป็นเรื่องที่ดีอยู่หรอกครับ แต่ตลาดในตอนนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก คุณไม่ได้ดูชาร์ตเพลงใหม่ของเดือนนี้เหรอครับ”
หลินเยวียนส่ายหน้า
อู๋หย่งเอ่ยอย่างจนใจ “อันดับหนึ่งเป็นเพลงของธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์ อันดับสองเป็นของชีซิงเอนเตอร์เทนเมนต์ เพลงอันดับสามเป็นของหลินเฟิง นี่เป็นบริษัทบันเทิงที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน แต่เบื้องหลังทุนหนามาก…”
“สามยักษ์ใหญ่ของมณฑลฉินไม่เข้าท็อปสาม?”
ในที่สุดหลินเยวียนก็ค้นพบประเด็นสำคัญ
อู๋หย่งพยักหน้าหงึกๆ “ผลงานที่ดีที่สุดของสตาร์ไลท์คืออันดับห้าของเซวียเหลียง อันดับสี่คืออิ๋นกวง แต่ซาไห่หล่นไปอยู่อันดับเก้า ตอนนี้ทุกบริษัทรีเซ็ตระบบใหม่ อิทธิพลของสตาร์ไลท์เรากับคู่แข่งอีกสองบริษัทในวงการเพลงลดลงครับ…”
“เพราะการโยกย้ายบุคลากรเหรอครับ”
หลินเยวียนรู้เรื่องการดึงตัวบุคลากรของแต่ละบริษัทก่อนหน้านี้
อู๋หย่งตอบ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้แต่ละบริษัทมีนักแต่งเพลงมือทอง สตาร์ไลท์เราถึงจะมีพ่อเพลงประจำอยู่หลายคน แต่พ่อเพลงเหล่านี้ก็ไม่ได้ผลิตผลงานเร็วนัก มาตรฐานคุณภาพเพลงของพวกเขาสูงมาก ถ้าไม่มั่นใจว่าจะได้อันดับหนึ่ง พวกเขาไม่ยอมปล่อยเพลงหรอก”
“ช่วงนี้ผมก็ไม่มีแผนจะปล่อยเพลงเหมือนกัน”
หลินเยวียนปฏิเสธความคิดของอู๋หย่ง เพราะเขาไม่มีเงินในบัญชีแล้ว ช่วงนี้ใช้เงินมือเติบเกินไปหน่อย เขายังต้องสำรองเงินไว้เผื่อรับมือกับกรณีฉุกเฉินอีก
“โอเค…”
อู๋หย่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “งั้นคุณจะปล่อยเพลงได้เมื่อไหร่ครับ ถ้าพ่อเพลงไม่ปล่อยเพลง สตาร์ไลท์ก็ยากที่จะยืนขึ้นมาแล้ว ไม่งั้นถ้าผ่านไปอีกสองสามเดือน แล้วพวกเรายังปีนขึ้นอันดับไม่ได้ ก็จะกลายเป็นว่ามณฑลฉีกับบริษัทใหม่ๆ พวกนั้นได้เฉิดฉาย ทีนี้ก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและขวัญกำลังใจของทั้งแผนกประพันธ์เพลงนะครับ”
“ไว้ก่อนแล้วกันครับ นักแต่งเพลงมือทองของเรายังเหลืออยู่อีกเท่าไหร่ครับ”
“ไม่มากแล้วครับ ตอนนี้เหลืออยู่ทั้งหมดสามสิบแปดคน”
“ออกไปเยอะขนาดนั้นเลย?”
ก่อนหน้านี้สตาร์ไลท์ไม่ได้มีนักแต่งเพลงมือทองน้อยนิดขนาดนี้
อู๋หย่งอธิบาย “ถึงพวกเราจะสูญเสียนักแต่งเพลงมือทองไปมาก แต่เราก็ดึงตัวคนเก่งๆ ด้านภาพยนตร์มาได้เยอะเหมือนกัน ถ้ามองจากภาพรวมแล้ว ก็ไม่ได้มีใครได้เปรียบกันสักเท่าไหร่ ตลาดในตอนนี้ก็เลยคาดเดาไม่ได้”
หลินเยวียนกระจ่างขึ้นมา
เขาตัดสินใจรอไปก่อน
รอแนวโน้มเริ่มชัดเจนขึ้นมาแล้วค่อยปล่อยเพลงจะดีกว่า ตนไม่สามารถปล่อยเพลงทุกเดือนได้ ฉะนั้นแล้วต้องพยายามเลือกช่วงเวลาทองในการปล่อยเพลง หนำซ้ำตอนนี้เขาเองก็งานยุ่งมากจริงๆ ยังต้องทำตามที่เขาเคยพูดไว้ สะสางไปทีละงาน
หลังจากนี้ ไปวาดการ์ตูนก่อนดีกว่า
เขาสร้างบัญชีปู้ลั่วไว้แล้ว รอเพียงหาผู้ช่วยได้ก็นับว่าเข้าที่เข้าทางแล้ว
…………………………………………………..