เหตุใดฮ่องเต้จึงตัดสินใจเช่นนี้
องค์หญิงจินเหยาไม่อยากจะเชื่อเมื่อได้ยินข่าวนี้ แต่นางออกจากพระราชวังไม่ได้
นับตั้งแต่องค์รัชทายาทเสด็จมา ฮองเฮาที่ในหัวใจมีแต่บุตรชายนั้นไม่เพียงไม่เบี่ยงเบนความสนใจ หากแต่หันมาจับตาอยู่บนตัวนางอย่างเต็มที่ นางกำนัลหลายคนของนางถูกส่งไปที่อื่น การแอบหนีออกไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ องค์หญิงจินเหยาทำได้เพียงวิ่งมาหาองค์ชายสาม
“พี่สาม ท่านรู้แล้วหรือไม่” นางถามอย่างรีบร้อน “อย่างไรก็ต้องไปบอกตันจู ท่านออกจากพระราชวังได้ใช่หรือไม่?”
หากไม่ได้ก็ต้องหาทางออกไป อย่างน้อยองค์ชายสามก็เป็นองค์ชาย ฮองเฮาไม่มีเหตุผลมาควบคุมการเดินทางของเขา
องค์ชายสามพยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้า “ข้ารู้แล้ว แต่ข้าออกไปไม่ได้”
องค์หญิงจินเหยาผิดหวังอยู่ภายในใจ แต่นางไม่โกรธพี่สามนี้ นางถามเสียงเบาอย่างเห็นใจและระอา “เพราะพระสนมสวีไม่ให้ท่านไปหรือ”
นางได้ยินฮองเฮาหัวเราะเยาะนางสนมในพระราชวัง พระสนมสวีแสร้งทำเป็นน่าสงสารมาหลายปี แต่ไม่สนใจแม้แต่บุตรชายของตนที่ไปเกลือกกลั้วกับหญิงสาวอย่างเฉินตันจู ทำลายชื่อเสียงของราชวงศ์
องค์ชายสามและพระสนมสวีใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวังอย่างระมัดระวังและยากลำบาก องค์ชายสามไม่รังเกียจเฉินตันจู อีกทั้งยังชื่นชอบเฉินตันจูมาก องค์หญิงจินเหยาก็รู้สึกว่าเขาดีมากแล้ว เวลานี้เพราะความกังวลของพระสนมสวี ทำให้ไม่อาจไปพบเฉินตันจูได้อีก นางก็รู้สึกเห็นใจ
องค์ชายสามพูดกับนาง “เสด็จแม่เคยพูดกับข้าเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่สาเหตุที่ข้าไม่สามารถออกไปได้ เจ้ารู้หรือไม่ เหตุใดเสด็จพ่อจึงตัดสินใจเช่นนี้”
องค์หญิงจินเหยาส่ายหัว แม้ว่านางจะอยู่ในพระตำหนักของฮองเฮา แต่นางไม่รู้เรื่องใดแม้แต่น้อย แต่ก่อนก็ไม่เคยสนใจ แต่ละวันนางสนใจเพียงแค่ว่าทรงผมของนางงดงามที่สุดในพระราชวังหรือไม่ แต่เวลานี้แม้จะงดงามที่สุดจะทำสิ่งใดได้
“องค์รัชทายาทได้นำลำดับวงศ์ตระกูลทั้งหลายมาให้เสด็จพ่อทอดพระเนตร” องค์ชายสามพูด “เล่าเรื่องความยากลำบากระหว่างการย้ายเมืองหลวง รวมไปถึงความเสียสละและการช่วยเหลือของเหล่าชนชั้นสูงนี้”
องค์หญิงจินเหยาเพียงแค่ไม่รู้ข่าว แต่นางเป็นคนที่ฉลาดมาก เมื่อได้ยินจึงกระจ่างใจในทันที หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นสูงในเมืองซีจิง การย้ายเมืองหลวงคงจะไม่ราบรื่นนัก ดังนั้นชนชั้นสูงเหล่านี้จึงเป็นกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฮ่องเต้
“มีคนออกเงินช่วยเหลือราชสำนักด้านตั้งถิ่นฐานใหม่ของราษฎรที่เดินทาง” องค์ชายสามกล่าว “บางคนออกแรง ใช้ชื่อเสียงของตระกูลเกลี้ยกล่อมให้คนอื่นย้ายมา บางคนยอมละทิ้งจวนใหญ่แปลงนา บางคนกราบลาสุสานบรรพบุรุษที่มีอายุหลายร้อยปี”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ องค์หญิงจินเหยาจึงก้มหน้าด้วยความท้อแท้ แม้แต่นางที่ได้ฟังยังเกิดความเศร้าโศก ยิ่งไปกว่านั้นคนฟังยังเป็นฮ่องเต้
“องค์รัชทายาทนั่งเผชิญหน้ากับเสด็จพ่อ พลิกดูลำดับวงศ์ตระกูล เล่าเหตุการณ์ของตระกูลชนชั้นสูงเหล่านี้” องค์ชายสามยื่นชาร้อนให้องค์หญิงจินเหยา พลางกล่าว “ฮ่องเต้ระลึกถึงตอนที่ถูกเหล่าท่านอ๋องบีบบังคับ โดยเฉพาะเสด็จปู่ที่สวรรคตอย่างกะทันหัน ยั่วยุเสด็จลุงทั้งสองให้เข่นฆ่ากันเอง เสด็จพ่อหนีออกจากพระราชวังเมื่อยังเล็ก ถูกตระกูลชนชั้นสูงซ่อนตัวเอาไว้ จึงรอดมาได้…เมื่อระลึกถึงอดีต เสด็จพ่อและองค์รัชทายาทต่างหลั่งน้ำตา ตอนที่องค์รัชทายาทยังเล็ก เสด็จพ่อเผชิญกับอันตราย ยังคิดส่งเขาไปให้ตระกูลชนชั้นสูงเหล่านั้นคุ้มครองเอาไว้”
องค์หญิงจินเหยาถือถ้วยชาร้อน ไอร้อนพัดผ่านใบหน้าของนาง แต่ภายในใจเย็นยะเยือก
“องค์รัชทายาทตรัสว่า เขารู้ว่าเฉินตันจูมีคุณงามความดีในการทวงคืนแผ่นดินเมืองอู๋ ป้องกันมิให้ราษฎรนับหมื่นต้องลำบากต่อสงคราม ทำให้บารมีของพระองค์มีอำนาจยิ่งขึ้น แต่ไม่อาจตามใจนางเพียงเพราะเหตุนี้ ชื่อเสียงเสื่อมเสียนี้สุดท้ายจะตกอยู่กับพระองค์ ทำให้หัวใจของเหล่าชนชั้นสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังฝ่าบาท สนับสนุนความมั่นคงของต้าเซี่ยเจ็บปวด” องค์ชายชายสามกล่าวอย่างแผ่วเบา “ดังนั้นเสด็จพ่อจึงทรงตัดสินลงโทษเฉินตันจูอย่างรุนแรง”
คงไม่มีทางแล้วจริงๆ
ถึงแม้ว่านางจะเป็นบุตรสาวที่เสด็จพ่อโปรดปรานที่สุด แต่เรื่องนี้ไม่อาจจัดการด้วยการร้องไห้และเอะอะโวยวาย
หมอกในดวงตาขององค์หญิงจินเหยาพลันสลาย “ขับไล่นางไปอยู่ที่ใด เดิมทีนางก็ถูกตระกูลทอดทิ้ง เมืองอู๋อย่างน้อยก็เป็นสถานที่ที่นางเติบโตขึ้นมา ถือได้ว่าเป็นการปลอบใจ บัดนี้ขับไล่นางไป นางคงไร้บ้านอย่างสิ้นเชิงแล้ว…”
องค์ชายสามกล่าว “ดังนั้น ข้าจึงไม่ออกไปพบนางในเวลานี้ เพราะว่าการไปพบนางนั้นเปล่าประโยชน์ ข้าควรไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ”
องค์หญิงจินเหยาเงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน ส่ายหัว สะบัดหมอกในดวงตาให้สลายไป ราวกับการกระทำเช่นนี้จะทำให้ได้ยินสิ่งที่องค์ชายสามพูดได้ชัดเจนขึ้น “พี่สาม ท่านพูดว่าอย่างไร ท่านจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ?”
องค์ชายสามพยักหน้า “ใช่ ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ”
เพื่อเฉินตันจู พี่สามจะกระทำเรื่องที่ขัดขืนพระราชโองการของเสด็จพ่อ? เหตุการณ์นี้นางไม่เคยคิดมาก่อน ทั้งกังวลทั้งตื่นเต้นทั้งเป็นห่วงทั้งเศร้าโศก “พี่สาม ท่านไปจะทำสิ่งใดได้ องค์รัชทายาทพูดไปหมดแล้ว”
องค์รัชทายาทนอกจากพูดด้วยเหตุผลแล้ว เขายังเป็นบุตรชายคนโตที่เสด็จพ่อให้ความสำคัญที่สุด คนอื่นมิอาจเทียบองค์รัชทายาทได้
องค์ชายสามยิ้ม “ไม่ต้องพูดด้วยเหตุผล อีกทั้งข้าก็ไม่เทียบความสำคัญกับองค์รัชทายาท” เขาพูดพลางยืนขึ้น
องค์หญิงจินเหยานั่งนิ่ง เงยหน้าขึ้นมองเขา “เราจะพูดสิ่งใด”
องค์ชายสามยกมือขึ้นทาบที่หัวใจ กระแอมไอสองครั้ง “พูดถึงความน่าสงสาร”
น่าสงสาร?
องค์หญิงจินเหยาลุกขึ้นยืน ยังไม่เข้าใจนัก ผู้ใดน่าสงสาร
องค์ชายสามไม่พูดสิ่งใดอีก เขายิ้ม ก่อนจะให้ขันทีสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกไปช้าๆ
ขันทีทำท่าทางเหมือนกำลังจะตาย เขาพยายามต่อสู้ดิ้นรนครั้งสุดท้าย “ให้กระหม่อมไปดูก่อนเถิด ระยะนี้ฝ่าบาทยุ่งมาก”
องค์ชายสามกล่าว “ไม่ต้อง หากยุ่ง ข้าจะไปรอข้างนอก”
องค์หญิงจินเหยาตะลึงไปครู่หนึ่ง มององค์ชายสามที่เดินออกไป ในที่สุดนางก็ดึงสติกลับมาก่อนจะตามออกไป “พี่สาม ข้าไปด้วย…”
…
ตำหนักองค์รัชทายาทอยู่ทางขวาสุดของพระราชวังอู๋ ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ค่อนข้างห่างไกล แต่ถึงแม้จะอยู่ห่างไกล พระชายาที่นั่งอยู่ในพระตำหนักยังคงได้ยินเสียงโหวกเหวกจากด้านนอก
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” นางถามด้วยความโกรธ
เหล่านางกำนัลที่ยืนอยู่รอบด้านตกใจเล็กน้อย แต่เหยาฝูที่ยืนอยู่นอกประตูยังดี สองวันนี้อารมณ์ของพระชายารุนแรงนัก อาจเป็นเพราะองค์รัชทายาทไม่ได้ขับไล่นางออกไป เหยาฝูแอบหัวเราะในใจ เดินออกมากล่าว “ท่านพี่ ข้าไปดูเองเพคะ”
พระชายาถลึงตาใส่นาง พูดอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ต้องขยับ”
เหยาฝูที่ถูกตำหนิถอยกลับไปด้วยความพึงพอใจ ถึงแม้ว่านางจะถูกตำหนิ แต่คนที่ตำหนินางกลับโกรธมากยิ่งขึ้น
นางก้มหน้าแสร้งทำท่าทางเกรงกลัว จากนั้นมีนางกำนัลคนอื่นเดินออกไป ไม่นานนักก็วิ่งกลับมาอย่างรีบร้อน
“แย่แล้วเพคะ องค์ชายสามคุกเข่าอยู่ด้านนอกตำหนักของฝ่าบาท” นางกำนัลพูดด้วยความตกตะลึง “ขอให้ฝ่าบาทเรียกคืนพระราชโองการที่จะขับไล่เฉินตันจู”
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับนางและองค์รัชทายาท พระชายาจึงไม่ตกใจ เพียงแค่ยิ้ม “องค์ชายสามช่างมีใจที่ลุ่มหลงเสียจริง”
นางกำนัลพยักหน้า “ฝ่าบาททรงกริ้วอย่างมากเพคะ เมินเฉยต่อองค์ชายสาม พระสนมสวีถูกฮองเฮาตำหนิจนเป็นลมไป เวลานี้หมอหลวงกำลังรักษา…ดังนั้นจึงวุ่นวายอย่างมากเพคะ”
พระชายายกชาขึ้นมาดื่ม ส่ายหน้า “องค์ชายสามดูมีเหตุมีผลและประพฤติตัวดี ฝ่าบาทก็ดีต่อเขาอย่างมาก เวลานี้กลับเสียสติเพราะเฉินตันจู ฝ่าบาทต้องทรงต้องผิดหวังสักเพียงใด”
เหยาฝูเงี่ยหูฟังอยู่ด้านนอก องค์ชายสามออกหน้าขอร้องก็ยังไม่ได้? ครานี้เฉินตันจูไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน!
นางอดหัวเราะในใจไม่ได้ องค์รัชทายาทลงมือได้อย่างร้ายกาจ อืม เรื่องนี้ถือว่าองค์รัชทายาทแก้แค้นแทนนางได้หรือไม่
ถึงแม้องค์รัชทายาทจะกลับมาแล้ว แต่ยังคงมีราชกิจจำนวนมาก เวลาส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในพระตำหนัก ฝูชิงเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เห็นองค์รัชทายาทที่กำลังยุ่ง จึงชะลอฝีเท้าลง
“องค์รัชทายาท” เขาพูดเสียเบา “องค์ชายสามทูลขอให้ฝ่าบาทเรียกคืนพระราชโองการลงโทษเฉินตันจู มิฉะนั้นเขาจะตามเฉินตันจูไปพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทไม่ละสายตาจากพู่กันและกระดาษในมือ เขายกยิ้ม “ครานี้เสด็จพ่อคงเห็นธาตุแท้ของน้องสามคนนี้เสียที”
วิธีที่ดีที่สุดในการทำลายชื่อเสียงของผู้อื่น มิใช่ให้ผู้อื่นไปพูด หากแต่ให้คนผู้นั้นกระทำเอง
องค์ชายสามไม่ออกหน้าขอร้อง ความสัมพันธ์ของเขาและเฉินตันจูก่อนหน้านี้จะกลายเป็นคนไร้เยื่อใย หากออกหน้าขอร้อง ย่อมเป็นเรื่องที่เหลวไหลน่าขัน อีกทั้งยังทำให้จิตใจของบิดาเศร้าหมอง
เฉินตันจูเป็นมีดที่มีประโยชน์อย่างมาก