รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 249 หวนคืนเพื่อแก้แค้น!

บทที่ 249 หวนคืนเพื่อแก้แค้น!

บทที่ 249 หวนคืนเพื่อแก้แค้น!

“ไปไหนก่อนดี?”

นัยน์ตาเด็กหนุ่มเย็นยะเยียบ ยืนตระหง่านอยู่บนหมู่เมฆ กายาส่องแสงเจิดจ้าดั่งเทพเจ้า

เขากลับมาแล้ว กลับมาหลังจากประสบความลำบากยากเข็ญในแดนต้องห้ามนวปรภพ เขาในตอนนี้ก้าวสู่ขอบเขตพรตเต๋า ระดับพลังเปลี่ยนไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง!

ใช่แล้ว!

เขามิใช่ใครอื่น เขาคือองค์ชายแห่งอาณาจักรหนิง ศิษย์สายหลักแห่งนิกายเจ็ดดาราในภาคกลาง หนิงเจี๋ย!

นิกายเจ็ดดาราเป็นกลุ่มอำนาจชั้นนำแห่งภาคกลาง กองกำลังทรงพลังที่เป็นรองเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ และเขาซึ่งอยู่ในตำแหน่งศิษย์สายหลักยิ่งมีฐานะสูงส่ง

เขามีใจให้เซี่ยเหยียนมานาน อนิจจา ครานั้น เขาไร้ซึ่งความสำเร็จใด ๆ เซี่ยเหยียนถือเป็นผู้ที่เขาเอื้อมไม่ถึง

ทว่าในภายหลัง เขาได้รับบุญวาสนาใหญ่หลวง ถูกวิญญาณนักบุญตนหนึ่งสิงร่างภายในถ้ำแห่งหนึ่ง

ด้วยวิญญาณนักบุญตนนี้ เขามีพลังเพิ่มพูน บดขยี้โอรสสวรรค์ได้ทั้งหมด ซ้ำยังได้เป็นศิษย์สายหลักของนิกายเจ็ดดารา

เดิมเขาคิดว่าด้วยฐานะศิษย์สายหลักนิกายเจ็ดดาราจักสามารถเกี่ยวดองกับเซี่ยเหยียนได้ง่ายดาย

ถึงอย่างไรนิกายเจ็ดดาราก็สามารถบดขยี้กลุ่มอำนาจใดก็ตามในแดนบูรพาทิศ

หารู้ไม่ แดนบูรพาทิศกลับมียอดฝีมือผู้หนึ่งถือกำเนิด ซ้ำยังใกล้ชิดกับเซี่ยเหยียนอย่างยิ่ง

นอกจากเขาจะไม่สมปรารถนาแล้ว ชีวิตยังเกือบหาไม่อีกด้วย!

แค่คิดเขาก็โมโหจนตัวสั่น

ไม่ต้องพูดถึงฐานะศิษย์สายหลักนิกายเจ็ดดารา เขายังมีวิญญาณนักบุญในตัวอีกด้วย!

ผลสุดท้าย เมื่อครั้งอยู่ที่อาณาจักรเซี่ย เขากลับถูกบีบบังคับให้ตบหน้าตนเองต่อหน้าธารกำนัลถึงหนี่งร้อยที ซ้ำยังสัตย์สาบานต่อวิถีสวรรค์ว่าจักไม่เปิดเผยข้อมูลของยอดฝีมือผู้นั้นแม้แต่น้อย!

นี่นับเป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่หลวง!

และเขาสาบานว่าจะแก้แค้นให้จงได้!

หลังจากอาณาจักรเซี่ยมา เขาก็เดินทางไปยังแดนต้องห้ามนวปรภพเพื่อตามหาหญ้านวปรภพที่ใช้ในการซ่อมแซมวิญญาณนักบุญ

เมื่อครั้งยังอยู่ในแดนนวปรภพ เขาต้องพบเจอความทุกข์ทนมากมาย ต้องกินซากศพอสูรน่าสะอิดสะเอียนทุกวันยังไม่เท่าไร หลายครั้งที่เขาเกือบจบชีวิตลงในแดนต้องห้ามนวปรภพ

ทว่าความลำบากเหล่านั้นไม่เสียเปล่า

สุดท้ายเขาก็เด็ดหญ้านวปรภพมาได้สำเร็จ ช่วยสร้างวิญญาณนักบุญขึ้นใหม่ ตัวเขาเองก็ค้นพบวัตถุล้ำค่ามากมายจากที่นั่น จนขอบเขตพลังยกระดับอย่างก้าวกระโดด และบรรลุถึงขอบเขตพรตเต๋า!

ขอบเขตพรตเต๋า เป็นขอบเขตยิ่งใหญ่ที่ถูกยกให้เป็นระดับคู่สวรรค์ในยุคนี้ ยากจะก้าวข้ามอย่างยิ่ง บรรดาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายยังมิเคยก้าวถึงขอบเขตพรตเต่ามาก่อน

อย่าว่าแต่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเลย ทั้งเหยียนโจวมิได้มียอดฝีมือขอบเขตพรตเต๋าถือกำเนิดมานานเท่าใดแล้ว!

บัดนี้เขาก้าวสู่ขอบเขตพรตเต๋า เขาสามารถเดินในเหยียนโจว เป็นใหญ่ในใต้หล้าได้เลย!

นอกจากนี้ วิญญาณนักบุญของหลิงเซิ่งหล่อหลอมขึ้นใหม่แล้ว เขาในตอนนี้แข็งแกร่งทรงพลัง มีหลิงเซิ่งอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสิ่งใด!

คราวนี้เขาจักชำระหนี้แค้นทั้งหมดในอดีต!

“แน่นอนว่าต้องไปหา ‘ปุถุชน’ ผู้นั้นในเมืองชิงซานก่อน เขาคือบ่อกำเนิดของทุกสิ่ง หลังจัดการเขาได้แล้ว ก็จะหมดสิ้นปัญหาทุกอย่าง!”

เสียงอีกสายดังอยู่ภายในตัวหนิงเจี๋ย เป็นเสียงของหลิงเซิ่งนั่นเอง

‘ปุถุชน’ ในเมืองชิงซานที่ว่าแน่นอนว่าหมายถึงหลี่จิ่วเต้า หลี่จิ่วเต้าคือยอดฝีมือที่สนิทสนมกับเซี่ยเหยียน แล้วยังมอบสุดยอดคันศรแก่เซี่ยเหยียนอีกด้วย

หนิงเจี๋ยเคยไปหาหลี่จิ่วเต้าด้วย

เขาไปตามหาเซี่ยเหยียนที่สำนักไท่หัว ปรากฏว่าเซี่ยเหยียนไม่อยู่

หลิงเซิ่งช่วยสืบเสาะแทนเขาจนรู้ว่าเซี่ยเหยียนใกล้ชิดกับ ‘ปุถุชน’ คนหนึ่งในเมืองชิงซาน หรือก็คือหลี่จิ่วเต้ามาก

เขาโมโหโทโส บุกไปที่เมืองชิงซานทันที

ทว่าเขายังไม่ทันได้เข้าเมืองก็ได้ยินจากนายพรานว่าหลี่จิ่วเต้าอยู่บนเขาชิงซาน

หลังจากนั้น เขาจึงไปที่เขาชิงซาน

เมื่อไปถึงที่นั่น เขาก็ได้เห็นเซี่ยเหยียนอยู่กับหลี่จิ่วเต้าจริง ๆ ซ้ำยังดูมีความสัมพันธ์สนิทสนมมากอีกด้วย!

เขาบันดาลโทสะ หมายจะฆ่าหลี่จิ่วเต้าทิ้งเสียตอนนั้น

หารู้ไม่ว่าหลี่จิ่วเต้าไม่ใช่ปุถุชน มิหนำซ้ำเขายังซ่อนพลังที่แท้จริงไว้ แม้แต่สัตว์เลี้ยงอย่างแมวน้อยสีขาวข้างกายก็ยังมีระดับพลังสูงส่ง เหนือกว่าเขาไปมาก!

ครานั้น หลิงเซิ่งสัมผัสได้ว่าบนเขาชิงซานมีตัวตนแสนสยดสยองดำรงอยู่ จึงกลัวจนมิกล้าโผล่หัว

เมื่อปราศจากความช่วยเหลือของหลิงเซิ่ง พลังของเขาสู้ไม่ได้เลย สุดท้ายเขาเองต้องกลัวจนหนีอุตลุด

“เช่นนี้ก็ได้ ทว่าข้าอยากไปหาเซี่ยเหยียนก่อน จับตัวนางไว้ แล้วพาเซี่ยเหยียนไปหาหลี่จิ่วเต้า ให้นางได้เห็นข้าสับหลี่จิ่วเต้ากับตา!”

หนิงเจี๋ยหัวเราะเสียงเย็น นัยน์ตาทอประกายดุดัน

“ใช้ได้ โหดเหี้ยมพอ อำมหิตพอ สมเป็นเจ้า!”

หลิงเซิ่งหัวเราะร่วน “วางใจได้ วิญญาณนักบุญของข้าฟื้นตัวสมบูรณ์แล้ว ต่อให้หลี่จิ่วเต้าผู้นั้นแกร่งกล้าปานใดก็เท่านั้น หนนี้เจ้าต้องชะล้างความอัปยศในอดีตได้แน่!”

นักบุญในยุคนี้มิกล้าทะเล่อทะล่าโผล่ออกมา เขาคาดการณ์ว่าหลี่จิ่วเต้ายังไม่บรรลุขอบเขตนักบุญ และตราบใดที่หลี่จิ่วเต้ายังไม่เป็นนักบุญ เขาก็ไม่ต้องกลัว สามารถฆ่าได้!

หากหลี่จิ่วเต้าเป็นนักบุญแล้ว หลี่จิ่วเต้าย่อมมิกล้าโผล่หัวออกมา ไม่กล้าแสดงพลังวิถีแม้แต่น้อย นอกเสียจากว่าหลี่จิ่วเต้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้ว!

สิ่งแวดล้อมฟ้าดินในยุคนี้เลวร้ายถึงปานนี้ การจะเป็นนักบุญนั้นยากลำบากยิ่ง ต่อให้พบโอกาสการเปลี่ยนแปลง ได้รับการเสริมพลังจากวัตถุล้ำค่าจากธรรมชาติ ก็ต้องใช้เวลาตกผลึกพลังอย่างยาวนานจึงจะบรรลุได้

ภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่อุบัติในยุคโบราณครานั้น ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตมากมายในยุคนี้ไม่รู้ว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่ในครานั้นเป็นเหตุการณ์เช่นไร

ทว่าในจำนวนคนเหล่านั้นไม่รวมสิ่งมีชีวิตที่บรรลุเป็นนักบุญแล้ว

การบรรลุเป็นนักบุญต้องใช้เวลาตกผลึกพลังอยู่นาน ไม่มีทางเลยที่จะไม่ทราบถึงภัยพิบัติใหญ๋ในครานั้น

ถึงอย่างไร ยุคโบราณก็มิได้สิ้นสมัยไปนานเท่าใดนัก

ตอนนี้ยุคสมัยนี้ยังนับเป็น ‘ยุคใหม่’ อยู่เลย

หากรับรู้มาบ้าง สิ่งมีชีวิตนักบุญในยุคนี้ย่อมมิกล้าโผล่ออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า

เนื่องจากภัยพิบัติใหญ่ครานั้นเกิดจากต่างอาณาจักรอย่างอาณาจักรเทียนหยวนมาเยือนอาณาจักรของพวกเขา หมายตาพลังรบที่อยู่เหนือขอบเขตนักบุญขึ้นไป จึงเที่ยวช่วงชิงพลังรบของนักบุญไปเรื่อย จนก่อให้เกิดมหาสงครามที่อุบัติในภายหลัง

อาณาจักรเทียนหยวนเพียงแต่ยอมล่าถอยไปชั่วคราวเท่านั้น พวกเขาต้องหวนคืนกลับมาใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน

โดยไม่ต้องสงสัย สิ่งมีชีวิตนักบุญย่อมกลายเป็นเป้าหมายแรกของอาณาจักรเทียนหยวนตามเดิม!

เพราะอย่างนั้นในยุคนี้ นักบุญจึงกลายเป็นตำนานเรื่องเล่าขาน ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนในใต้หล้า เพราะนักบุญเหล่านี้ซ่อนตัวไว้หมดแล้ว

รอให้เขาช่วยหนิงเจี๋ยสังหารหลี่จิ่วเต้าจนเสร็จสิ้นเมื่อใด เขาเองก็ต้องซ่อนตัว สถานการณ์อย่างในยุคนี้ พลังรบเหนือขอบเขตนักบุญคนใดโผล่ออกมาได้ต้องตายเป็นแน่!

“มีประโยคนี้จากท่านข้าก็สบายใจ!”

หนิงเจี๋ยหัวเราะร่วน

“อืม รอจนฆ่าเขาได้เมื่อไร เจ้าอย่าลืมเรื่องที่รับปากข้าไว้ เจ้าต้องไปตะลุยแดนต้องห้ามอื่น ข้าต้องสร้างกายาศักดิ์สิทธิ์เพื่อถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง!”

หลิงเซิ่งกล่าว

ได้ยินวาจานี้แล้ว หนิงเจี๋ยสั่นสะท้านไปทั้งตัว ตอนนี้เขาได้ยินคำว่าแดนต้องห้ามแล้วผวาจนปวดหัว ความทรมานที่ได้รับในแดนต้องห้ามนวปรภพเมื่อก่อนหน้า เขายังจดจำแม่นจนบัดนี้!

“วางใจได้ ข้าต้องตกรางวัลให้เจ้าอย่างงาม ถึงตอนนั้น ข้าย่อมช่วยให้เจ้าได้เป็นนักบุญเช่นกัน”

หลิงเซิ่งบอก

ทว่าในใจเขามิได้คิดเช่นนั้น

หนิงเจี๋ยมีนิสัยต่ำช้าสามานย์ เก็บไว้รังแต่จะเป็นภัย ไว้เขาสร้างกายาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นใหม่ได้เมื่อไร เขาจักปลิดชีพหนิงเจี๋ยในทันที

ที่เขาไม่ฆ่าหนิงเจี๋ยตอนนี้ เพียงเพราะเขาเพิ่งฟื้นพลัง ยังไม่สะดวกไปจากร่างกายของหนิงเจี๋ยเท่านั้น

มิฉะนั้น เขาไม่มีทางช่วยเหลือหนิงเจี๋ยแน่

นับแต่นาทีแรกที่เขาเลือกหนิงเจี๋ย ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เขายอมรับหนิงเจี๋ย เพียงแต่หลอกใช้หนิงเจี๋ยเท่านั้น

หนิงเจี๋ยคือตัวหมากที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะถูกเขาทอดทิ้ง

“ได้!”

หนิงเจี๋ยกัดฟันตอบ

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องไปแก้แค้น ต่อให้เขาต้องไปเยือนแดนต้องห้ามอีกกี่แห่ง เขาก็ต้องแก้แค้นให้ได้เสียก่อน!

จากนั้นเขาก็เหาะเหินไปทางที่ตั้งของสำนักไท่หัว

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท