ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 4 ตอนที่ 8-9

ภาค 2 เล่ม 4 ตอนที่ 8-9

เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าต่าง แต่แล้วก็รับรู้ถึงสายตาที่มองมาจึงหันหน้าไป พอสบตากัน เด็กหนุ่มก็ตกใจราวกับถูกไฟลน และก้มหน้าลง ท่าทีเหมือนกับสัตว์ตัวเล็กๆ ที่เจอศัตรูตามธรรมชาติ และซ่อนตัวเองในโพรง

ชื่ออะไรนะ ต้องมีชื่ออย่างนั้นแน่ๆ…

[อ่านหนังสืออะไรอยู่เหรอ]

เขายิ้มให้แทนคำตอบ และโชว์ชื่อของหนังสือที่ตัวเองอ่านอยู่ให้ดู

[อ่านแต่หนังสือยากๆ ตลอดเลยนะ นายนี่พิเศษมากเลย ญาติของฉันก็เป็นหัวหน้าทีมฟุตบอล[1] เหมือนกัน แต่ฉันไม่เคยเห็นเขาอ่านหนังสือเลย]

เขามองอีกฝ่ายที่พึมพำเรื่องที่ตนไม่สนใจก่อนจะถามกลับไปว่า “งั้นเหรอ” การพบปะกับผู้คนนั้นน่าเบื่อเสมอ

[รู้หรือเปล่าว่าวันนี้มีปาร์ตี้ที่บ้านของอเล็กซ์]

[รู้สิ]

[ตัดสินใจหรือยังว่าจะไปกับใคร]

ผู้หญิงที่รู้อยู่แล้วว่าเขาคบอยู่กับใครจับแขนเขาไว้อย่างหน้าไม่อาย และแอบเอาหน้าอกมาชน

[โทษที วันนี้ฉันมีนัดแล้วน่ะ]

[ฉันก็มีคนที่จะไปด้วยเหมือนกัน]

เสียงที่ตะคอกใส่อย่างมึนตึงทำให้เขาหัวเราะ

แม่งเอ๊ย จะมีหรือไม่มีมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ

[ถ้าไม่มีนัดอยู่ก่อนแล้ว ฉันก็คงจะชวนเธอไปด้วย เสียดายจัง]

คำพูดที่ไม่ได้รู้สึกจริงๆ นั้นทำให้ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมาทันที

[ถ้านายโอเค ฉัน…]

คำพูดที่เขาไม่ได้สนใจดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดจาเอะอะโวยวายอะไร เขาก็ไม่ได้สนใจ เพราะถ้าเขากอดอกและฉีกยิ้มเหมือนกับสนใจก็จบแล้ว

อ่า เมนูของมื้อเย็นวันนี้คืออะไรนะ

[…นายคิดว่าไงล่ะ]

[ฉันจะลองคิดดู]

เขายิ้มอีกครั้ง แม้เขาจะเกลียดการยิ้ม แต่ก็เป็นพวกที่ชอบยิ้มบ่อยๆ เพราะประโยชน์ที่ได้จากมันนั้นดีที่สุด

[ได้ ลองคิดแล้วติดต่อมานะ]

เขาพยักหน้า และพับมุมหนังสือที่อ่านก่อนจะปิดหนังสือ และเด็กผู้ชายที่มองมาทางเขาอย่างเหม่อลอยเมื่อสักครู่นี้ก็เข้ามาในสายตา

อ้อ หรือว่าจะเป็นอย่างนั้น

ถ้าเป็นเธอคนนั้นก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่สวยที่สุดในห้องนี้ แต่คนแบบนั้นก็มีความสนใจในตัวผู้หญิงเหมือนกันเหรอ ดูเหมือนว่าไอ้นั่นจะยังตั้งได้ไม่เต็มที่เลยนะ พอจินตนาการถึงคนตัวเล็กๆ นั่นขึ้นคร่อมบนตัวของผู้หญิงและร้องครวญคราง เขาก็หลุดหัวเราะออกมา ความต้องการอย่างรุนแรงที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้เขาเอ่ยเรียกหญิงสาวที่กำลังจะหันหลังกลับไว้

[ฉันเปลี่ยนใจแล้ว]

[อะไรเหรอ]

[ไปปาร์ตี้วันนี้กับฉันเถอะ]

ใบหน้าของเด็กชายที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือหม่นลงด้วยความผิดหวัง เขารู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยมากๆ

***

ปาร์ตี้น่าเบื่ออย่างที่คิด ถ้าไม่รวมกับการที่แฟนสาวที่โผล่มาทีหลังทะเลาะตบตีกับคู่เดทในคราวนี้ของเขาอย่างชุลมุน

ชอบคนถึงขนาดที่ทะเลาะกันเลยเหรอ เป็นพฤติกรรมบ้าคลั่งที่เปล่าประโยชน์แค่ไหนนะ

เขายิ้มมุมปากก่อนจะเดินไป

เขาเลี้ยวตรงหัวมุม และชนกับใครบางคนที่วิ่งเข้ามา แล้วหนังสือก็หล่นลงบนพื้น อีกฝ่ายพูดว่าขอโทษเหมือนกับพึมพำ และเริ่มเก็บหนังสือ

แม้ใจจะอยากใช้เท้าเหยียบไว้ และถามว่า “เดินไปไหนมาไหนโดยมีตาไว้แค่ประดับเฉยๆ เหรอ” แต่เขาก็ช่วยเก็บหนังสือด้วย

‘ขอบคุณคะ…’

ดวงตาที่กลมโตของอีกฝ่ายแข็งทื่อ

แม้ดวงตาที่โตราวกับหวาดกลัวจะเป็นอย่างนั้น แต่โดยรวมแล้วก็น่าประทับใจในหลายๆ อย่าง เพราะรอยกระที่อยู่บนผิวขาวๆ

‘บาดเจ็บหรือเปล่าครับ’

แม้เขาจะยิ้มพร้อมกับเอ่ยถาม แต่ก็ไม่ได้คำตอบกลับมา

‘ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ’

ถ้าบาดเจ็บก็จะยุ่งยากขึ้น เพราะแม่จะมีปฏิกิริยาที่ใกล้เคียงกับประสาทอ่อนเพลียกับการที่เขาทำให้คนอื่นบาดเจ็บ

อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรและพยักหน้า

เขาสนุกกับท่าทีโง่ๆ ที่หัวเล็กๆ นั่นขยับ

‘หนังสือเล่มนี้สนุกไหมครับ’

เขาถือหนังสือไว้ในมือพลางเอ่ยถาม เพราะคิดว่าถ้าเขาถามแบบนั้น อีกฝ่ายต้องพยักหน้าอีกแน่

แต่เด็กชายกลับไม่แม้แต่จะส่าย หรือพยักหน้า เขาแค่ยืนนิ่งๆ เหมือนแข็งอยู่กับที่

ดวงตากลมโตนั้นมองตน เขารู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับสัตว์ตัวเล็กๆ เขาเกลียดสัตว์ตัวเล็กๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะจะเกิดเรื่องให้เขาต้องรับผิดชอบหากปรับแรงผิดไปเล็กน้อย

‘ถ้าอ่านแล้วสนุก ผมขอยืมหน่อยนะครับ’

เขายื่นหนังสือให้และเดินจากมา

อ๋อ ปีเตอร์

พอเดินมาได้ไม่กี่ก้าว เขาก็นึกชื่อของเด็กหนุ่มออก

ชื่อเหมือนกับกระต่ายที่อยู่ในนิทานที่มีชื่อเสียง

เป็นชื่อที่เหมาะจริงๆ

เขายิ้มมุมปากก่อนจะก้าวเดินอีกครั้ง และลบชื่อของเด็กหนุ่มออกจากความทรงจำทันที เพราะไม่น่าจะมีเรื่องให้เกี่ยวข้องกับคนแบบนั้นอีกแล้ว

มันเป็นช่วงบ่ายที่แสงแดดอุ่นเป็นพิเศษ

***

พอลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ใครบางคนก็ตบหลังเขาเบาๆ

“นอนต่อเถอะครับ คุณยังไม่ได้นอนเลยนะครับ”

“สนุกเหรอครับ”

“ครับ?”

“แต่ผมไม่สนุกครับ…”

คำพูดที่เหมือนกับพึมพำคนเดียวหายไปพร้อมกับสติที่กลับมาครั้ง เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ หลังคำถามที่ว่า “ละเมอเหรอครับ” เป็นเสียงที่เหมือนกับคลื่นกระเพื่อม แค่ได้ยินอย่างเดียวก็รู้สึกดีแล้ว

ใครกันนะ

ชื่ออะไรนะ เหมือนจะจำได้ แต่ก็จำไม่ได้ และความง่วงก็ถาโถมเข้ามา

ต้องมีชื่ออย่างนั้นแน่ๆ…

“…!”

วินาทีที่ลืมตาขึ้นมา ความจริงกับความฝันที่เลือนรางก็แยกกันอย่างชัดเจน ความมืดที่มืดสนิทได้โรยตัวลงมานอกหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว

“คุณอินซอบ”

อีอูยอนเอ่ยเรียกอินซอบ ที่ข้างๆ บนเตียงว่างเปล่า และความเงียบที่ว่างเปล่าก็ถูกส่งกลับมาแทนคำตอบ

เขาก้มมองมือทันที แม้จะแน่ใจแล้วว่ามือสะอาดดี แต่ความกังวลใจก็ไม่หายไป เขารวบผ้าห่มและมองดูด้านล่างเตียง

เขาไม่เห็นเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้เมื่อวานเลย

ในตอนแรกเขากลัวว่าทุกอย่างนี้สามารถเป็นความจริงได้มากกว่าความจริงที่ว่าความทรงจำที่เหลืออยู่ในหัวของเขาทำให้ทุกอย่างเป็นความฝันเสียอีก

เขาเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่คิดจะใส่เสื้อผ้า และสำรวจห้องน้ำ แต่ก็อยู่ในสภาพที่ว่างเปล่าเหมือนกัน

“คุณอินซอบ”

อีอูยอนเอ่ยเรียกอินซอบ แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมาเหมือนเดิม พอแน่ใจว่าไม่ได้อยู่ที่ชั้นสองแล้ว เขาก็เดินลงไปที่ชั้นหนึ่ง และสำรวจทั้งหมด แต่ก็เหมือนกัน เขาไม่เห็นอินซอบที่ไหนเลย

“…”

เขามองไม่เห็นหนทาง

ไปไหน นี่เราทำอะไรผิดอีกแล้วเหรอ ต้องทำยังไงดี…เขาไม่รู้แล้วว่าจะต้องทำยังไงต่อไป

ความคิดที่เหมือนกับว่าตัดตรงนั้นมาต่อตรงนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และความเจ็บปวดที่รุนแรงที่เขาลืมไปแล้วก็กำลังทิ่มแทงบริเวณขมับ เขาไม่สามารถเลียนแบบการกระทำหรือความรู้สึกของใครได้อีกแล้ว และต้องแสดงสิ่งที่ตัวเองมีมาตั้งแต่แรกออกมา

เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขอทานที่จิตใจร้อนรุ่ม เพราะอยากจะได้สมบัติในสภาพที่มีเงินอยู่แค่ไม่กี่สตางค์

อีอูยอนพ่นลมหายใจในสภาพที่กดหน้าผากเอาไว้

ต้องหาให้เจอให้ได้

เขากลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง และหยิบเสื้อผ้าที่ใส่ได้พอดีมาใส่อย่างลวกๆ เขาหยิบกุญแจรถที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา ในขณะที่กำลังจะลงไปที่ชั้นหนึ่ง อีอูยอนก็หยุดฝีเท้าเอาไว้

เขารู้สึกถึงเสียงรบกวนที่เบามากๆ ที่ได้ยินมาจากด้านบน ชั้นสามเป็นระเบียง กรรมการผู้จัดการคิมบอกว่าจะตกแต่งให้เป็นสวนบนชั้นดาดฟ้า และเอาต้นไม้ต่างๆ มาวางไว้ และเป็นที่ที่เขาไม่ได้เข้าไปยุ่งตั้งแต่แรก เพราะไม่สามารถรับมือวันวัชพืชที่แน่นขนัดได้ และด้านหนึ่งของระเบียงก็มีห้องซักรีดและห้องเก็บของ

เขาขึ้นบันไดไป เสียงรบกวนที่ได้ยินเบาๆ ชัดเจนขึ้นทีละนิด แต่ความรู้ว้าวุ่นใจที่กระชากหัวใจของเขาลงมาก็ยังไม่ลดน้อยลง เขามองฝ่ามือของตัวเองไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ในระหว่างที่เดินขึ้นบันไดแค่ไม่กี่ขั้นขึ้นไป จากนั้นก็หยุดยืนอยู่หน้าประตูระเบียง

ตอนที่กำลังจะเปิดประตู ความคิดที่ว่าทุกอย่างเป็นความฝัน และเขาอาจจะต้องตามหาอินซอบอีกครั้งตั้งแต่แรกก็ได้ทำให้สติที่เขาควบคุมเอาไว้อย่างยากลำบากค่อยๆ เลือนรางออกไป

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเกลียดตัวเองที่ไม่ใช่คนปกติ หากเป็นปกติ ก็น่าจะไม่รู้สึกถึงความรู้สึกสูญเสียที่น่าเศร้าแบบนี้ เขารู้สึกเหมือนเดินอยู่ในความมืดมิดในสภาพที่โดนปิดตาเอาไว้

เขาค่อยๆ ยื่นมือออกไปและหมุนลูกบิดประตู

กลิ่นน้ำลอยผ่านช่องประตูที่ถูกเปิดออกทีละนิดออกมา ผ่านไปสักครู่หนึ่งเขาถึงได้รู้ว่าเป็นกลิ่นของหมอกที่ปกคลุมทะเลสาบอยู่

อินซอบที่ใช้ผ้าห่มห่อตัวเอาไว้นั่งอยู่บนม้านั่งหน้าห้องซักรีด และมองริมทะเลสาบอย่างเหม่อลอย เพราะไม่รู้ว่าเขาขึ้นมา

หมอกหนาที่เกิดจากความชื้นบานสะพรั่งไปทั่วทิศทางเหมือนดอกไม้สีขาว ดอกไม้ที่กักเก็บความชื้นเอาไว้ทำให้ความมืดมิดในตอนค่ำนั้นสว่างขึ้นเล็กน้อย อินซอบค่อยๆ มองหมอกที่พัดไปตามลม

เขาไม่เคยมองวิวและคิดว่าสวยเลยสักครั้ง ถึงขนาดที่อินซอบอยากจะให้เขามองสิ่งนั้นแล้วคิดว่าสวย

แต่ตอนนี้

“อ๊ะ ตื่นแล้วเหรอครับ”

ตอนนั้นเองอินซอบถึงเห็นอีอูยอน และหันหน้ามายิ้มให้ รอยยิ้มที่บานอยู่บนใบหน้าขาวๆ สลักอยู่ในดวงตาของเขาอย่างประณีต

สวย

เขารู้สึกว่าโลกที่มีอินซอบ และวิวที่เขาย่ำเท้าเข้าไปยืนอยู่นั้นสวย

“พอดีเสื้อเปียกก็เลยกำลังซักอยู่น่ะครับ ผมออกมาคนเดียวเพราะอยากให้คุณนอนต่อ”

อินซอบขยับผ้าห่มขึ้นมาก่อนจะพูดต่อ

พออีอูยอนยืนมองโดยไม่พูดอะไร รอยยิ้มบนหน้าของอินซอบก็หุบลง

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหนใช่ไหมครับ”

สายตาที่เจือไปด้วยความเป็นห่วงจับเขาเอาไว้ เขาหลงใหลในความธรรมดาและความอ่อนโยนนั้นอย่างไม่มีเหตุผล

แม้คุณจะทำให้ผมอ่อนแอ และกลายเป็นคนโง่อีกสักกี่ครั้งผมก็ยังรักคุณ เขาชอบมากจนไม่สามารถทนได้

“…ไม่เป็นไรครับ”

อีอูยอนเงยหน้าขึ้น

พอเขาเปิดประตูระเบียงออกกว้าง ลมที่เก็บความชื้นเอาไว้ก็โอบกอดตัวเขา

ความมืดมิดได้หายไปแล้ว

อีอูยอนถอนมือออกก่อนจะเดินเข้าไป เขาค่อยๆ เดินเข้าไปในวิวที่มีอินซอบอยู่ทีละก้าว

และนี่เป็นวันแรกในวันธรรมดาที่เหลืออยู่อีกมากมาย

[1] ฟุตบอลในที่นี้หมายถึงอเมริกันฟุตบอล

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท