เหล่าทหารที่เดิมทีมาคุมตัวเฉินตันจูนั้น ภายใต้การนำของหลี่จวิ้นโส่ว กลับกลายเป็นการคุมตัวขบวนของคุณชายหนิวและคนสามสิบคนกลับเมืองหลวงไปยังคุกใหญ่
เหล่าราษฎรที่อยู่รายล้อมมองดูด้วยความเงียบ ไม่กล้าเอ่ยถามแม้แต่คำเดียว
คนทั้งขบวนถูกนำตัวไป ราษฎรที่รายล้อมอยู่หลีกทางออกเป็นสองฝั่ง บนเส้นทางไร้ซึ่งอุปสรรคราวกับดินแดนไร้ผู้คน
เฉินตันจูร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ยังร้องไห้อันใดอีก” แม่ทัพหน้ากากเหล็กถาม
คำพูดนี้ทำให้ราษฎรรอบด้านเกรงกลัวเล็กน้อย โดยเฉพาะคนที่โห่ร้องก่อนหน้านี้ เกรงว่านิ้วของเฉินตันจูจะชี้มาที่เขา ทำให้ทหารที่เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดเหล่านี้ประหารพวกเขา
โชคดีที่เฉินตันจูไม่ได้ยื่นมือออกมาอีก เพียงแค่พูด “เห็นท่านแม่ทัพ ข้าดีใจอย่างมาก” จากนั้นร้องไห้หนักกว่าเดิม
อาเถียนปิดหน้าร้องไห้อยู่ด้านข้างเช่นเดียวกัน
จู๋หลินยืนอยู่ด้านหลัง รู้สึกอยากร้องไห้เช่นเดียวกัน…ท่านแม่ทัพ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว
แม่ทัพหน้ากากเหล็กนั่งอยู่บนรถสูง อยากหัวเราะเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ กลับเมืองหลวงน่าสนุกเสียจริง ดูคนมากมายรายล้อม คึกคักเพียงใด
หากหวังเจียนอยู่ในเหตุการณ์ เวลานี้เขาจะพูดสิ่งใด
ยินดีกับท่านแม่ทัพ ที่มีบุตรหลานรับใช้…
“กลับไปก่อนเถิด” แม่ทัพหน้ากากเหล็กกระแอมไอด้วยเสียงแหบพร่า พูด “ข้าจะเข้าพระราชวังเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
เฉินตันจูรีบตอบรับ พลางเช็ดน้ำตาพลางพูด “ท่านแม่ทัพเหน็ดเหนื่อยแล้ว ท่านแม่ทัพ เหตุใดท่านจึงไอ ไม่สบายตรงไหนหรือไม่ ระยะนี้ข้าทำยาที่รักษาอาการไอจำนวนมาก เพราะคิดว่าท่านแม่ทัพอยู่ในเมืองฉีอันแสนหนาวเหน็บ เผื่อว่าท่านจะได้ใช้”
ความโศกเศร้าของจู๋หลินสลายไปทันตา เขาถลึงตามองเฉินตันจูด้วยความโกรธเคือง คุณหนูตันจู ท่านลองคลำหัวใจของตนเอง ยาของท่านทำให้ท่านแม่ทัพหรือ ยารักษาอาการไอของท่านมอบให้ชายสองคนแล้ว ทั้งจางเหยาทั้งองค์ชายสาม เวลานี้ยังมีท่านแม่ทัพ…
ท่านแม่ทัพดีต่อท่านเช่นนี้ ท่านใช้วาจาเจ้าเล่ห์โกหกท่านแม่ทัพได้อย่างไร!
อีกทั้งยังเมินเฉยต่อองครักษ์อย่างเขามากเกินไปแล้ว เขาเขียนจดหมายรายงานท่านแม่ทัพอย่างละเอียดไปก่อนหน้านี้แล้ว นางลืมตาพูดจาโกหกอย่างหน้าตาย
ท่านแม่ทัพไม่มีทางเชื่อ!
จู๋หลินมองไปยังท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ…
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพยักหน้าตอบรับ “ข้าจะส่งคนมารับ”
เฉินตันจูดีใจอย่างมาก “ข้าจะส่งไปให้ท่านแม่ทัพเอง ท่านแม่ทัพพักที่ใด”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ขึ้นอยู่กับฝ่าบาท”
จู๋หลินทนฟังต่อไม่ไหว อดพูดไม่ได้ “คุณหนูตันจู ท่านแม่ทัพยังต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
ท่านรั้งไว้เช่นนี้ไม่จบไม่สิ้น ท่านสำคัญหรือฝ่าบาทสำคัญ อีกทั้งท่านยังเพิ่งก่อปัญหาให้ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพยังต้องหาวิธีให้ท่านต่อหน้าฮ่องเต้…
“จู๋หลินพูดมากเสียจริง” เฉินตันจูตำหนิ ก่อนจะมองแม่ทัพหน้ากากเหล็ก “ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว จู๋หลินก็ไม่ใช่องครักษ์ของข้าแล้ว ใจที่วางไว้บนตัวข้าครึ่งหนึ่งกลับไปหาท่านแม่ทัพแล้ว อันที่จริงข้าก็เช่นกัน ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว ใจของข้าก็สงบลง ไม่เกรงกลัวสิ่งใด ท่านแม่ทัพบอกว่าสิ่งใดก็คือสิ่งนั้น…ท่านแม่ทัพ ท่านเข้าเฝ้าฝ่าบาท ทูลฝ่าบาทว่าข้าไม่อยากกลับซีจิง อีกทั้งคนที่รังแกข้าพวกนั้นก็อย่าได้ปล่อยพวกเขาไป ท่านแม่ทัพ หรือไม่ ให้ข้าติดตามท่านเข้าพระราชวัง ข้าทูลกับฝ่าบาทเอง…”
จู๋หลินฟังด้วยความโกรธเคือง ยังบอกว่าท่านแม่ทัพบอกว่าสิ่งใดก็คือสิ่งนั้น ท่านแม่ทัพเคยพูดสิ่งใดหรือ ล้วนเป็นท่านที่พูดไม่หยุด! อีกทั้งยังจะตามเข้าวัง นางต้องการเข้าวังไปยั่วยุฝ่าบาท!
ท่านแม่ทัพก็เช่นเดียวกัน ปล่อยให้นางพูดจาเหลวไหลอยู่เช่นนี้ ไม่สนใจ อีกทั้ง…
แม่ทัพหน้ากากเหล็กหัวเราะร่า “ไม่ต้อง เจ้ารอยู่ที่จวน ข้าไปทูลฝ่าบาทก็พอแล้ว”
เฉินตันจูเป็นคนที่รู้จักหยุดในเวลาที่เหมาะสม นางปล่อยมือออก ก่อนจะเช็ดน้ำตาด้วยความดีใจและอาลัยอาวรณ์ “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพเหน็ดเหนื่อยแล้ว เมื่อเห็นท่านแม่ทัพ ตันจูก็ระลึกถึงท่านพ่อ สบายใจราวกับได้พบท่านพ่อ”
“อย่าได้พูดเหลวไหล” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดราวกับจะหัวเราะ สายตาด้านหลังหน้ากากเหล็กมองไปยังเฉินตันจู “เจ้าและข้าต่างกระจ่างดี เจ้าพบหน้าบิดาของเจ้าคงไม่สบายใจนัก”
นางและบิดาของนางเดินไปคนละทิศทาง นางทำลายความเชื่อของบิดาของตนเอง บิดาของนางชักดาบต่อหน้านาง ขับไล่นางออกจากตระกูล
ถึงแม้เขาจะปล่อยให้หญิงสาวผู้นี้แสร้งโง่ พูดจาเหลวไหลต่อหน้าตนเอง แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็อดหยอกล้อนางเสียไม่ได้
ก่อนที่จะเห็นใบหน้าของหญิงสาวแดงๆ แต่ทันใดนั้นนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตากลมโตของนางมองเขา “บนโลกนี้มีเพียงท่านแม่ทัพที่เข้าใจข้าที่สุด ดังนั้นในใจของตันจู ท่านแม่ทำเป็นคนที่ทำให้ข้าวางใจที่สุด”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กหัวเราะร่า ก่อนจะโบกมือให้รองแม่ทัพ รองแม่ทัพสั่งการ ทหารเปิดทาง ขบวนรถเคลื่อนไปด้านหน้า
เฉินตันจูยืนมองอยู่ริมทางอย่างอาลัยอาวรณ์ รอจนขบวนรถของท่านแม่ทัพจากไปไกล นางจึงโบกมืออย่างดีใจ “ไป พวกเรากลับ ยังมีเรื่องมากมายต้องทำ ก่อนอื่นทำยาให้ท่านแม่ทัพก่อน”
จู๋หลินพูดอยู่ด้านข้าง “คุณหนูตันจู หลายวันก่อนท่านไม่กินไม่นอนทำยาออกมาสองกล่อง กล่องที่ให้องค์ชายสามมอบออกไปแล้ว แต่กล่องที่ให้จางเหยายังไม่ได้ส่งออกไป นำไปให้ท่านแม่ทัพใช้ก่อนก็พอ”
เฉินตันจูหันไปมองท่าทางโกรธเคืองของจู๋หลิน หัวเราะออกมา “จู๋หลินรู้สึกไม่เป็นธรรม โกรธแทนท่านแม่ทัพหรือ”
เรื่องที่คุณหนูตันจูทำก่อนหน้านี้ล้วนทำให้คนรู้สึกโกรธมาก แต่เขาไม่ได้รู้สึกมากมาย แต่เวลานี้เห็นคุณหนูตันจูที่อยู่ต่อหน้าท่านแม่ทัพ…ก่อนหน้านี้ทั้งจางเหยา ทั้งองค์ชายสาม หรือแม้แต่ต่อหน้าโจวเสวียน การแสดงออกของนางแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เขารู้สึกโกรธมาก โกรธแทนท่านแม่ทัพ
“ท่านหลอกท่านแม่ทัพ” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ยาที่ท่านทำไม่ได้ทำให้ท่านแม่ทัพ”
เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ยานี้ไม่ว่าจุดประสงค์เดิมข้าทำเพื่อผู้ใด สุดท้ายข้าให้ผู้ใด ย่อมทำให้ผู้นั้น เหตุผลง่ายๆ ไม่ใช่หรือ” พูดพลางเดินขึ้นเขากลับไป
เหตุผลง่ายๆ อันใดกัน จู๋หลินถลึงตา
อาเถียนและคนอื่นต่างเก็บสัมภาระที่กระจัดกระจายขึ้นมา ก่อนจะหันรถกลับอย่างดีใจ
ราษฎรที่รายล้อมมองนายบ่าวขบวนนี้ที่เดินทางจากไปไม่ไกลนักก่อนจะวนกลับมา จากนั้นเดินกลับขึ้นเขาใหม่ ราษฎรต่างเงียบสงบไม่พูดสิ่งใดออกมา เมื่อรอคนทั้งขบวนบริเวณเชิงเขาต่างจากไป ความเงียบสงบกลับคืนมาอีกครั้ง ทุกคนจึงต่างกระจายตัวไป…
“แย่แล้ว เฉินตันจูกลับมาอีกแล้ว!”
“ไม่เพียงเฉินตันจูกลับมาแล้ว ที่พึ่งของนาง แม่ทัพหน้ากากเหล็กก็กลับมาแล้ว!”
“ตอนที่กลับมาก็ตีคนที่ปะทะกับเฉินตันจูจนเกือบตาย เวลานี้เดินทางไปหาฮ่องเต้ที่พระราชวังแล้ว…”
น่ากลัว!
ฮ่องเต้ลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์มังกร ถึงแม้เขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ข่าวที่ได้รับก็ไม่ช้าไปกว่าคนอื่น
“ไม่ได้ว่าบอกยังไม่ถึงหรือ” ฮ่องเต้ถามด้วยความตะลึง “เหตุใดจึงเดินทางมาถึงแล้ว”
“กองทัพใหญ่ยังไม่ถึงพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีจิ้นจงทูล “ท่านแม่ทัพเดินทางมาก่อน บอกว่าฝ่าบาทจะได้ไม่ต้องต้อนรับอย่างเอิกเกริก” พูดพลางเงยหน้าขึ้น “ไม่คิดว่าจะบังเอิญพบกับเฉินตันจู…”
บังเอิญ? ฮ่องเต้ส่งเสียงไม่พอใจ บนโลกนี้มีเรื่องบังเอิญที่ใดกัน แม่ทัพหน้ากากเหล็กนี้ไม่ต้องการให้เขาต้อนรับอย่างเอิกเกริก หรือเพื่อเฉินตันจูกันแน่?
“ท่านแม่ทัพส่งตัวของคุณชายหนิวให้ที่ว่าการแล้ว ให้คุณหนูตันจูกลับภูเขาดอกท้อไป” ขันทีจิ้นจงทูลอย่างระมัดระวัง “เวลานี้ กำลังเดินทางมา ใกล้จะถึงประตูพระราชวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
ฮ่องเต้รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาลังเลครู่เดียว ก่อนจะถามขันทีจิ้นจง “หากข้าไม่พบเขา ถือว่าไม่เหมาะสมหรือไม่”