“…ฉันจะไปพรุ่งนี้”
กรรมการผู้จัดการคิมพึมพำขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ครับ? ไปไหนครับ”
“ฉันจะไปเกาหลีพรุ่งนี้ หัวหน้าทีมชาซื้อตั๋วให้ที”
“ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวมาเหรอครับ กรรมการผู้จัดการชอบผมจริงๆ สินะ”
“หุบปาก! แค่ต้องเห็นหน้านายอีกแค่วันเดียวก็…”
อีอูยอนที่ยิ้มอย่างสบายใจไม่ว่าอีกฝ่ายจะด่าหรือไม่ลุกขึ้นอย่างกะทันหัน สายตาของคนทั้งสองคนขยับไปที่ข้างหลังโดยอัตโนมัติ
“สวัสดีครับ”
อินซอบที่กำลังเดินลงบันไดมาหยุดยืนและกล่าวทักทาย
“ลงมาทำไมครับ ไม่นอนแล้วเหรอ”
“ผมลงมากินข้าวเช้าครับ”
“เรียกก็ได้นี่ครับ ผมจะได้เอาไปให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากกินพร้อมกัน”
อินซอบยิ้มร่าอย่างสดใส กรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชาแอบถอนหายใจในใจ พวกเขารู้สึกเหมือนจิตใจที่เคยสกปรกได้รับการชำระขึ้นมานิดหน่อย
อีอยอนไปที่บันไดและยื่นมือให้อินซอบ
“ผะ ผมเดินได้ครับ ไม่ได้บาดเจ็บหนักซะหน่อย”
“ถ้าแย่ลงจะทำยังไงล่ะครับ”
อีอูยอนไม่ฟังคำเถียงของอินซอบ และจับแขนของอีกฝ่ายไว้ทันที
“ลงระวังๆ นะครับ”
หลังจากพาอินซอบมาที่โต๊ะกินข้าว อีอูยอนก็เอาน้ำผลไม้ที่คั้นเองมาให้อินซอบ
“ขอบคุณครับ”
พออินซอบเอ่ยขอบคุณ อีอูยอนก็ยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย
“…ไปวันนี้ไม่ได้เหรอครับ”
พอได้ยินคำที่หัวหน้าทีมชาพึมพำกับกรรมการผู้จัดการคิม อินซอบก็เอ่ยถามว่า “วันนี้เหรอครับ”
“ทั้งสองคนจะกลับวันพรุ่งนี้น่ะครับ”
อีอูยอนอธิบายสถานการณ์สั้นๆ
“เพราะปล่อยให้ตำแหน่งว่างนานๆ ไม่ได้น่ะ”
คำอธิบายของกรรมการผู้จัดการคิมทำให้ความเสียดายเอ่อขึ้นมาในดวงตาของอินซอบอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะเห็นด้วยก็ตาม
“ถ้าอยู่ต่ออีกสองสามวัน จะทำอะไรเหรอครับ”
อีอูยอนเอ่ยถามยิ้มๆ แต่ดวงตากลับไม่ยิ้มเลยสักนิด
“ก็จะแนะนำแถวๆ นี้ให้น่ะครับ เพราะมีสถานที่ดีๆ เยอะเลย ก็เลยอยากจะให้ค่อยๆ เที่ยวชม”
จะว่าไปแล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนั้นอินซอบกำลังจะพูดอะไรคล้ายๆ แบบนี้ หัวหน้าทีมชารีบปลอบอินซอบว่า “งั้นไปวันนี้ก็ได้”
“เอาอย่างนั้นเหรอครับ”
“จะพาไปที่ไหนล่ะ”
“ชายหาดทางโน้นสวย แล้วก็มีร้านอาหารที่ปรุงล็อบเตอร์ได้เยี่ยมมากอยู่ด้วยครับ มีสถานที่ถ่ายหนังที่มีชื่อเสียงด้วยเหมือนกัน และผมก็อยากให้พวกคุณรู้จักจุดชมพระอาทิตย์ตกด้วย เพราะน้ำมะนาวของรถขายฮอตดอกที่นั่นอร่อยมากครับ”
ใบหน้าของอินซอบสดใสอีกครั้ง เขาตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะได้เจอกับคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน
“ทั้งสองคนจะเหนื่อยนะครับ เหมือนจะยังปรับตัวกับความต่างของเวลาไม่ได้เลย”
“…เอ่อ ผมคิดน้อยไปเองครับ ขอโทษนะครับ”
อินซอบยอมรับและพยักหน้า
“ไปกันเถอะ”
“ครับ?”
“ไปที่ที่อินซอบวางแผนไว้กันเถอะ ฉันไม่เป็นไร”
กรรมการผู้จัดการคิมตะโกนอย่างฮึกเหิม และเหลือบมองอีอูยอน
ไอ้คนไม่มีมารยาทเอ๊ย ทำมาเป็นห่วงเรื่องการปรับตัวกับความต่างเวลาของชาวบ้าน
ใบหน้าของอีอูยอนเคร่งเครียดอย่างที่คิด
“ไม่เป็นอุปสรรคกับการเดินมากเท่าไรหรอกครับ เพราะส่วนที่ถูกบาดคือข้อเท้าไม่ใช่ฝ่าทะ…ผมจะอยู่บ้านครับ”
อินซอบสังเกตอีอูยอนก่อนจะเอ่ย แมวที่อยู่บนตักของหัวหน้าทีมชารีบข้ามไปหาอินซอบทันที และเริ่มเลียหลังมืออย่างตั้งใจ เพราะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเจ้าของ
อินซอบลูบเจ้าแมวโดยไม่พูดอะไร อีอูยอนถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า “เข้าใจแล้วครับ”
“แต่คุณต้องทำตามที่ผมสั่งนะครับ”
น้ำเสียงเด็ดขาดของอีอูยอนทำให้อินซอบพยักหน้าอย่างตั้งใจ
***
“หาววว”
กรรมการผู้จัดการคิมอ้าปากหาวจนปากจะฉีก
“เหนื่อยเหรอครับ”
อินซอบทำสีหน้าเป็นห่วง กรรมการผู้จัดการคิมตอบว่า “เปล่า” และยืดแขนไปด้านหลัง พอได้ยินเสียงดังกร๊อบ หัวหน้าทีมชาก็เดาะลิ้น
“แต่ก็ดีมากเลยนะที่เลือกแค่เส้นทางเดียวอย่างที่อีอูยอนบอก ถ้าไปตามที่วางแผนไว้ตอนนี้กรรมการผู้จัดการคงตายไปแล้วล่ะครับ”
อีอูยอนสั่งให้เลือกแค่อย่างเดียวเท่านั้น เพราะการไปตามที่อินซอบวางแผนไว้วันนี้หนักเกินไป กรรมการผู้จัดการคิมกับหัวหน้าทีมชารวมหัวกันแลกเปลี่ยนความคิด และขอร้องให้อินซอบตัดสินใจ
อินซอบเลือกหอชมวิวที่มีจุดชมพระอาทิตย์ตกอย่างไม่ลังเล
“นอนกลางวันแล้วทำยังถึงง่วงขนาดนี้นะ”
กรรมการผู้จัดการคิมหมุนไหล่พลางบ่นพึมพำ
“ก็คิดถึงอายุตอนนี้ดูสิครับ”
“ว่าไงนะ อายุของฉันมันทำไม ไปที่ไหนคนก็ยังเห็นว่าฉันอายุสามสิบปลายๆ อยู่เลยหรือเปล่า”
“นั่นเป็นเพราะกรรมการผู้จัดการจ่ายเงินต่างหากครับ”
แม้จะถูกหัวหน้าทีมชาดูถูกอย่างเผ็ดร้อน แต่กรรมการผู้จัดการคิมก็ยังยืนกรานว่าตัวเองหน้าเด็กอย่างหนักแน่น
“อินซอบ ในสายตาของนายคิดว่าฉันอายุเท่าไรเหรอ”
“สักสามสิบกลางๆ ถึงปลายๆ ครับ”
“ฮ่าๆๆ ดูสิ พอช่วงนี้เปลี่ยนคลินิกเสริมความงามแล้ว ผิวก็ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่”
“ก็ดีอยู่หรอก แต่ทำตัวให้สมกับอายุบ้างเถอะตาเฒ่า”
แม้หัวหน้าทีมชาจะล้อ แต่กรรมการผู้จัดการคิมกลับไม่สนใจ ตอนนั้นเองคู่สามีภรรยาสูงอายุที่เดินผ่านมาก็เข้ามาหา และถามอะไรบางอย่างกับอินซอบ อินซอบใช้มือชี้ทาง และเริ่มอธิบายอย่างละเอียด พอคู่สามีภรรยาสูงอายุกล่าวขอบคุณและจากไป กรรมการผู้จัดการคิมก็มองอินซอบอย่างใจลอยก่อนจะเอ่ยปากพูด
“ละอีอูยอนไว้ในฐานที่เข้าใจนะ บางครั้งฉันก็ลืมไปเลยว่านายเป็นคนต่างชาติ”
อินซอบยิ้มร่าราวกับเขินเล็กน้อย
“จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ ภาษาแม่ของพวกนายทั้งคู่คือภาษาอังกฤษไม่ใช่เหรอ”
“ครับ ใช่ครับ”
“แล้วทำไมถึงไม่ใช้ภาษาอังกฤษคุยกันล่ะ”
คำถามที่ไม่เคยลองคิดเลยสักครั้งทำให้อินซอบกะพริบตาราวกับงุนงง ตอนนั้นเองอีอูยอนที่ถือฮอตดอกกับน้ำมะนาวกลับมาก็เอ่ยถามว่า “มีอะไรเหรอครับ”
“ก็นายสองคนน่ะสิ ทำไมถึงคุยกันเป็นภาษาเกาหลีล่ะ ภาษาอังกฤษน่าจะสะดวกกว่าไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ครับ”
อีอูยอนหยิบน้ำมะนาวจากในถาดยื่นให้อินซอบพลางเอ่ยตอบ
“พวกนายลองคุยกันเป็นภาษาอังกฤษสิ น่าสนุกออก”
“น่าสนุกไปหมดเลยสินะครับ”
อีอูยอนนั่งลงข้างๆ อินซอบก่อนจะยิ้มมุมปาก อินซอบงับหลอดเข้าปาก และดูดน้ำเข้าไปอึกหนึ่งพร้อมกับเหลือบมองอีอูยอน อีอูยอนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาจึงหันหน้าไปพลางเอ่ยถาม
[ทำไมถึงมองอย่างนั้นล่ะครับ ถ้าอยากคุยเป็นภาษาอังกฤษก็คุยได้ครับ ผมไม่สนหรอกว่าจะเป็นภาษาไหน]
“มะ ไม่ครับ ไม่เป็นไร ผมสะดวกกับภาษานี้มากกว่า…ไม่สิ ถึงจะสะดวกกับภาษาอังกฤษมากกว่า แต่ผมสะดวกกับการคุยกับคุณอีอูยอนด้วยภาษาเกาหลีมากกว่าครับ เพราะตั้งแต่แรก…คนอื่นๆ ก็ด้วยครับ”
หน้าของอินซอบที่พึมพำราวกับเอ่ยแก้ตัววกไปวนมาแดงซ่าน ไม่รู้ทำไมหัวหน้าทีมชาถึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเมื่อเห็นว่าแววตาของอินซอบเปลี่ยนเป็นยิ้ม เขาอาจจะเปลี่ยนบทสนทนาที่ได้ยินเมื่อคืนเป็นภาษาอังกฤษก็ได้
หัวหน้าทีมชาตัวสั่นเมื่อนึกถึงตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน
“ว้าว นี่มันอร่อยมากเลย”
กรรมการผู้จัดการคิมที่กัดฮอตดอกเข้าไปหนึ่งคำทำตาโต
“ฮยอนคยู นายเองก็ลองกินดูสิ นะ? เร็วเข้า”
การตื่นเต้นจนเกินเหตุของกรรมการผู้จัดการคิมทำให้หัวหน้าทีมชาต้องกัดฮอตดอกที่มีเนื้อบดกับซอสพริกราดจนชุ่มเข้าไปคำหนึ่ง ตาของเขาก็เป็นประกายเหมือนกัน
“อะไรเนี่ย ทำไมถึงอร่อยขนาดนี้ล่ะ เยี่ยมไปเลย”
“จดสิทธิบัตรและลองขอเอาไปเปิดที่หน้าบริษัทของเราดีไหม ได้ยินมาว่าเดี๋ยวนี้ร้านกาแฟที่เปิดหน้าบริษัทเอเจนซี่ประสบความสำเร็จมากเลย ขายทั้งฮอตดอก ทั้งกาแฟ”
กรรมการผู้จัดการคิมที่คิดแผนธุรกิจเสร็จตรงนั้นยิ้มอย่างมีความสุข
“ช่วยเปิดร้านกาแฟนั้นให้ผมสักสาขานะครับ”
หัวหน้าทีมชาเองก็ขอใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง
พอเห็นว่าคนทั้งสองคนกินฮอตดอกอย่างเอร็ดอร่อย อินซอบก็หัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดีก่อนจะหลุบตามองด้านล่าง
“ไม่กินเหรอครับ”
คำถามของอีอูยอนทำให้อินซอบรีบหยิบฮอตดอกขึ้นมา พอใช้ปากเล็กๆ กัดเข้าไปคำหนึ่งซอสพริกก็ไหลลงมาตามคาง อีอูยอนยื่นมือออกมาเช็ดให้ก่อนที่อินซอบจะทันได้หยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมา
“หกแบบนี้ทุกรอบเลยนะครับ เป็นแบบนั้นเพราะปากเล็กหรือเปล่า”
“ผะ ผมเช็ดเองครับ”
แม้อินซอบตั้งใจที่จะแย่งผ้าเช็ดปากกลับมาด้วยความตื่นตระหนก แต่อีอูยอนก็เช็ดปากของอินซอบจนสะอาดโดยไม่สนใจ
คนทั้งสองคนที่นั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามเคี้ยวฮอตดอกตุ้ยๆ พร้อมกับเบนสายตาไปมองที่อื่น
“คังอูสบายดีไหมครับ”
“เด็กนั่นกำลังแบกเป้เที่ยวอยู่น่ะ ถ้ามาแถวนี้จะบอกให้ลองติดต่อมาดีไหม”
“ไม่ดีครับ”
อีอูยอนยิ้มพร้อมกับปฏิเสธอย่างเด็ดขาด อินซอบคิดว่าเดี๋ยวจะส่งอีเมลไปหาพร้อมกับดูดน้ำมะนาวเข้าไป
พวกเขาคุยเรื่องธรรมดาบ้างเป็นบางครั้ง และในระหว่างที่ทำแบบนั้นดวงอาทิตย์ก็คล้อยต่ำลงทีละนิด และความร้อนที่ขึ้นมาจากถนนก็ถูกลมทะเลที่เย็นสบายทำให้เย็นลง
“พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว”
กรรมการผู้จัดการคิมเหลือบมองทะเลก่อนจะเอ่ย
ทะเลสีครามของมหาสมุทรแปซิฟิกทำให้เสี้ยวแสงสีทองเริ่มพลิ้วไหว
“มองเห็นเสาทรงโค้งที่เห็นตรงนั้นใช่ไหมครับ ถ้าเราอธิษฐานตอนที่พระอาทิตย์เข้าไปในนั้นคำอธิษฐานก็จะเป็นจริงครับ”
“หืม? หมายถึงตรงนั้นน่ะเหรอ”
กรรมการผู้จัดการคิมชี้ไปที่เสาหินที่มองเห็นด้านล่างผา
“ครับ เพราะเสานั้นคนก็เลยมาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่กันเยอะน่ะครับ โชคดีจริงๆ นะครับที่วันนี้อากาศดี มองดีๆ ล่ะครับ”
เขาพูดราวกับเป็นเด็กหนุ่มที่ไร้เดียงสา ดูเหมือนตนจะรู้ถึงเหตุผลในการเลือกที่นี่แทนที่จะเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงหรือร้านเหล้าแล้ว ช่างสมกับเป็นชเวอินซอบจริงๆ
“ดีเลย งั้นฉันก็ต้องอธิษฐานด้วยสินะ อธิษฐานอะไรดีล่ะ”
“ก็ต้องขอให้บ้านเกิดเมืองนอนกลายเป็นหนึ่งเดียวกันสิครับ”
“นั่นเป็นคำอธิษฐานที่ขอตอนเป็นทหารต่างหาก อืม อืม อะไรดีน้า”
ตอนที่กรรมการผู้จัดการคิมจมอยู่กับความคิด อินซอบก็มองหัวหน้าทีมชาและเอ่ยถามว่า “แล้วหัวหน้าทีมล่ะครับ”
“ขอให้ถูกรางวัลที่หนึ่ง”
หัวหน้าทีมชาทำสีหน้าขรึม
“พระอาทิตย์ตกแล้ว ตกแล้ว เอาโทรศัพท์มือถือมา”
กรรมการผู้จัดการคิมใช้โทรศัพท์มือถือของหัวหน้าทีมชาถ่ายวิดีโอก่อนจะคุยโม้ ผู้ชายสองคนยืนข้างกันและเริ่มอธิษฐาน
อินซอบประสานมือเข้าด้วยกันและหลับตาลง
หลังจากอธิษฐานถึงความปรารถนาที่สั้นและชัดเจนว่าขอให้ถูกรางวัลที่หนึ่งเสร็จแล้ว หัวหน้าทีมชาก็เงยหน้าขึ้นมา กรรมการผู้จัดการคิมพึมพำคนเดียวอยู่ข้างๆ และกำลังอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง
โอ๊ย ตาแก่โลภมาก
หัวหน้าทีมชากลั้นหัวเราะและหันหน้าไปมองอีอูยอน เขาเห็นว่าอีอูยอนกำลังมองอินซอบอยู่
อีอูยอนกำลังก้มมองอินซอบในระยะที่ห่างจากอินซอบไปแค่หนึ่งก้าว แสงยามอาทิตย์ตกดินที่สาดส่องกระทบแก้มของเขา ทำให้หน้าของเขาแดง แม้กระทั่งวินาทีที่ลมทะเลทำให้ผมยุ่งเหยิง อีอูยอนก็ไม่ยอมละสายตาไปจากอินซอบ เขามองราวกับกำลังอธิษฐานถึงความปรารถนาเพียงอย่างเดียวที่ต้องการอย่างแรงกล้า
มีสายตาแบบนั้นตั้งแต่ตอนไหนนะ
“…”
หัวหน้าทีมรู้สึกเหมือนเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น เขาจึงรีบหลับตาลงแล้วแกล้งทำเป็นอธิษฐานอีกครั้ง
อันที่จริงตอนที่ได้ยินว่าอีอูยอนจะตามอินซอบมาที่อเมริกา เขากังวลอย่างผิดปกติ แม้จะรู้ว่าอีอูยอนคิดว่าอินซอบเป็นคนพิเศษ แต่เขาก็คิดว่าแค่นั้นยังไม่พอ
อีอูยอนยังขาดความเอาใจใส่หรือความอ่อนโยนทั่วๆ ไปที่มนุษย์ควรจะมีอยู่ ไม่สิ ต่อให้บอกว่าแทบไม่มีเลยก็ยังได้ และเขาเชื่อว่าสิ่งนั้นต้องทำให้อินซอบเหนื่อยอย่างแน่นอน
ภาพของอินซอบที่นั่งอย่างเหม่อลอยคนเดียวในห้องพักผู้ป่วยตอนที่เข้าโรงพยาบาลไม่ยอมออกจากหัวเขาไปง่ายๆ ทุกครั้งที่เขาเปิดประตูเข้าไป ความหวังและความผิดหวังก็จะเกิดขึ้นพร้อมกันในดวงตาของอินซอบ ต่อให้ไม่พูดเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรอใครอยู่ ไม่ว่าใครจะอยู่ข้างอีอูยอนก็จะถูกปล่อยปละละเลยอย่างเปล่าเปลี่ยวแบบนั้นกันทั้งนั้น
แต่ตอนนี้
“ลมเย็นนะครับ”
อีอูยอนเดินไปซ้อนหลังอินซอบที่ยืนอยู่คนเดียว และเอาคาร์ดิแกนที่พกมาด้วยคลุมไหล่ของอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยพร้อมกับเอ่ยถาม
“อธิษฐานอะไรเหรอครับ”
“ผมขอให้คนที่ผมรักสุขภาพแข็งแรง และก็มีความสุขครับ อ้อ รวมหัวหน้าทีมชากับกรรมการผู้จัดการคิมด้วยนะครับ”
อินซอบถูแก้มที่แดงเรื่อก่อนจะรีบพูดต่อ และใบหน้านั้นก็ยิ้มอย่างมีความสุขมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า
อีอูยอนเอ่ยถามทันทีว่า “รวมผมด้วยไหมครับ”
“ครับ ก็ต้อง…มีคุณอีอูยอนอยู่แล้ว…”
อินซอบเบนสายตาหนี วินาทีเห็นอีอูยอนมองแพขนตายาวของอินซอบขยับพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างช้าๆ หัวหน้าทีมชาก็คิด
ว่า แค่นี้จะดีพอหรือเปล่า
“กลับกันไหมครับ”
“เอาสิ เดี๋ยวพระอาทิตย์ก็ตกจริงๆ แล้ว แถมลมก็แรงด้วย”
กรรมการผู้จัดการคิมลูบต้นแขนพร้อมกับพยักหน้า
“อ่ะ”
อีอูยอนยื่นมือออกมา อินซอบนิ่วหน้าอย่างลำบากใจ
“ทำไมล่ะครับ สัญญาไว้แล้วนี่นา”
อีอูยอนตั้งเงื่อนไขในการออกมาข้างนอกวันนี้ไว้สองข้อ ข้อแรกก็คือให้เลือกแค่ที่เดียวจากที่วางแผนไว้ และอีกข้อหนึ่งก็คืออินซอบต้องให้ตนประคองในตอนที่เปลี่ยนที่อย่างไม่มีเงื่อนไข
“ถ้าไม่จับ ผมจะเดินโอบไหล่นะครับ”
อินซอบรีบคว้าแขนอีอูยอนไว้ทันที แล้วทั้งสองคนก็เดินไปพร้อมๆ กัน