อากาศในเดือนพฤษภาคมอบอุ่นขึ้นแล้ว
เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสอัปโหลดอย่างต่อเนื่องมาสักระยะหนึ่ง ความนิยมก็ค่อยๆ มั่นคงขึ้นมา และในยามนี้ยอดผู้ติดตามของอิ่งจือก็ทะลุหลักสิบล้าน กลายเป็นนักวาดดาวรุ่งพุ่งแรงในแวดวงการ์ตูน
ในวันนี้
หลินเยวียนมาถึงบริษัท ก็พบว่ามีคนมาหาตน คนคนนั้นก็คือจ้าวเจวี๋ยซึ่งตนไม่ได้พบหน้ามานาน เธอกำลังรอตนอยู่ในห้องทำงาน
บริษัทมีการเปลี่ยนแปลง
คนที่ได้เลื่อนตำแหน่งไม่ได้มีเพียงเหล่าโจว ยังมีจ้าวเจวี๋ยด้วย
เมื่อก่อนจ้าวเจวี๋ยดูแลนักร้องในแผนกศิลปิน
แต่ตอนนี้ ศิลปินของแผนกภาพยนตร์และโทรทัศน์ก็อยู่ภายใต้ความดูแลของจ้าวเจวี๋ย กล่าวให้ชัดก็คืออยู่ในความดูแลของผู้จัดการภายใต้สังกัดของจ้าวเจวี๋ย
จ้าวเจวี๋ยยังคงเป็นหัวหน้าของผู้จัดการศิลปินในบริษัทอย่างสมเกียรติ
กู้ตงรู้ว่าจ้าวเจวี๋ยกับหลินเยวียนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และรู้ว่าตำแหน่งของจ้าวเจวี๋ยสูงกว่าหลินเยวียน ดังนั้นจ้าวเจวี๋ยมาหาหลินเยวียน กู้ตงย่อมไม่มีทางปล่อยให้เธอรออยู่ด้านนอก
“พี่จ้าว”
หลินเยวียนเอ่ย
“มาแล้วเหรอ”
หลินเยวียนปรากฏตัวในห้องทำงาน ใบหน้าของจ้าวเจวี๋ยก็ผุดรอยยิ้ม “ถ้าเธอไม่มา ฉันว่าจะโทรไปหาแล้วนะ”
หลินเยวียนถาม “มีอะไรเหรอครับ”
รอยยิ้มของจ้าวเจวี๋ยยังคงประดับบนใบหน้า “ช่วงนี้มีเพลงมั้ย”
“…มีครับ”
หลินเยวียนครุ่นคิดชั่วขณะก่อนจะตอบไป
ไม่มีชั่วคราว แต่สั่งให้ระบบทำได้ ถ้าจ้าวเจวี๋ยเอ่ยปากละก็ หลินเยวียนไม่คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว
“คืองี้”
จ้าวเจวี๋ยพูด “ช่วงนี้เซวี่ยนล่านเอนเตอร์เทนเมนต์มีนักร้องแถวหน้าคนหนึ่งหมดสัญญา เขายังไม่ได้ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิม น่าจะกำลังพิจารณาอยู่ ดังนั้นตอนนี้หลายบริษัทก็พยายามแย่งตัวเขามา ฉันเองก็อยากเซ็นสัญญากับเขา…นักร้องคนนี้เธอน่าจะพอรู้จักอยู่นะ”
“ใครครับ”
“ลูกคนรอง…อะแฮ่ม เฉินจื้ออวี่” สีหน้าของจ้าวเจวี๋ยดูแปลกพิกล
หลินเยวียนชะงักไป ทันใดนั้นก็พอจะนึกออกขึ้นมาบ้าง
เฉินจื้ออวี่คนนี้เป็นนักร้องของเซวี่ยนล่านจริงๆ บนชาร์ตเพลงถูกหลินเยวียนข่มเหงอยู่หลายครั้ง
หลังจากนั้นเขาก็ไปที่มณฑลฉี จึงไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่ายอีกเลย
“แล้วพี่จ้าวคิดว่า?”
“เอาเพลงให้เขาสักเพลง”
สายตาของจ้าวเจวี๋ยทอประกายเล็กร้อย “ทุกวันนี้สื่อพูดถึงเฉินจื้ออวี่ ชอบใช้คำว่าลูกคนรองตลอดกาล ถึงคำเรียกนี้แทบจะกลายเป็นคุณสมบัติหนึ่งของเขาไปแล้วก็เถอะ แต่ตัวเขาก็ต้องอยากได้อันดับหนึ่ง…”
หลินเยวียนเข้าใจแล้ว “ให้ผมช่วยเขาคว้าอันดับหนึ่ง?”
จ้าวเจวี๋ยหลุดหัวเราะ “ประมาณนั้นแหละ นอกจากพ่อเพลง ฉันก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะมีใครในบริษัทที่ช่วยเฉินจื้ออวี่คว้าอันดับหนึ่งได้”
หลินเยวียนกระจ่างทันใด
จ้าวเจวี๋ยเอ่ยพลางทอดถอนใจ “สถานการณ์ของบริษัทตอนนี้เธอก็รู้ดี การแข่งขันบนชาร์ตเพลงแต่ละซีซันดุเดือดขึ้นมาก เพราะงั้นเบื้องบนหวังว่าบริษัทจะได้ไปโผล่หน้าบนชาร์ตบ้าง นอกจากให้เฉินจื้ออวี่เข้าบริษัทเรา จากนั้นก็คว้าที่หนึ่งให้ได้สักครั้ง ฉันก็คิดวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว”
“ครับ”
หลินเยวียนบอก “เดี๋ยวผมส่งเพลงให้”
เรื่องนี้สำหรับหลินเยวียนแล้วไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง
จ้าวเจวี๋ยประหลาดใจ “เดี๋ยว? เธอมีเพลงที่เหมาะกับเขาอยู่ในมือ?”
“ครับ”
ปากหลินเยวียนตอบไปแบบนั้น อันที่จริงในใจกลับกำลังคิดว่าจะสั่งผลิตเพลงที่เหมาะกับเฉินจื้ออวี่
เขารวบรวมประสบการณ์การสั่งทำเพลงไว้มากมายตอนที่อยู่มณฑลฉี
สิ่งเดียวที่รู้สึกเสียดายก็คือ เดิมทีหลินเยวียนคิดว่าจะส่งเพลงใหม่ให้รุ่นพี่ซุนเย่าหั่ว รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วช่วยเหลือเขาไว้หลายเรื่อง หลินเยวียนเองก็อยากช่วยเหลือรุ่นพี่ซุนเย่าหั่วบ้าง
ในเมื่อตอนนี้บริษัทอยากเซ็นสัญญากับเฉินจื้ออวี่ งั้นรุ่นพี่ซุนเย่าหั่วรอครั้งหน้าก็แล้วกัน
……
หลังจากจ้าวเจวี๋ยออกไป หลินเยวียนก็เปิดคอมพิวเตอร์ เริ่มฟังเพลงของเฉินจื้ออวี่
สำหรับเฉินจื้ออวี่ หลินเยวียนไม่นับว่าคุ้นเคยมากนัก
แต่ถ้าอยากสั่งทำเพลงที่เข้ากับตัวตนของเฉินจื้ออวี่ ก็ต้องทำความเข้าใจสไตล์ของเฉินจื้ออวี่เสียก่อน
“ริทึมแอนด์บลูส์…”
หรือที่เรียกกันว่าแนว R&B
เป็นรูปแบบของดนตรีซึ่งผสมผสานระหว่างแจ๊ส กอสเปล และบลูส์
ตัวอย่างเช่นเพลงที่ชื่อว่า ‘โชติช่วง’ ของเขา
เพลงนี้ใช้ทำนองสดใสและรุนแรง กับวลีซ้ำๆ ติดต่อกันอัดแก้วหู และใช้ท่วงทำนองและจังหวะที่สะท้อนออกมา ปรับให้ออกมาเป็นจังหวะชวนโยกย้ายส่ายสะโพกในใจของผู้คน
“คอร์ดไปทางเดียวกัน…”
“ท่อนร้องกับดนตรีสอดรับกันและกัน…”
“ตอนที่นักร้องร้องออกมาสามสี่โน้ต พาร์ทดนตรีหรือเสียงประสาน นักร้องต้องใส่จังหวะแล้วก็ร้องซ้ำ โน้ตตรงนั้นเหมือนมีรับมีส่งกัน หรือจะใส่เอคโค หรือไม่ก็ใส่เป็นเอฟเฟ็กต์ให้รับส่งกันไปเลย”
สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเด่นของเฉินจื้ออวี่
“ขั้นคู่เพอร์เฟ็กต์อยู่ที่ประมาณ F4-C5 เสียงต่ำงับคำได้ถึง Eb2 คุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้”
“เพลงในระยะแรกใช้เชสต์วอยซ์ได้ดีในระดับเสียง E5”
“มิกซ์วอยซ์ร้องได้ธรรมดา ตรงนี้มีเสียงหวีด…ไม่ต้องใช้ก็ได้…”
หลังจากที่หลินเยวียนฟังเพลงของเฉินจื้ออวี่ติดต่อกันหลายสิบเพลง ในใจก็เริ่มมีแนวทางขึ้นมาแล้ว
“ระบบ สั่งทำเพลง”
ระบบ “คลังเพลงเปิดแล้ว”
ใช่แล้ว ตอนนี้หลินเยวียนสั่งผลิตเพลง จะต้องตัดสินใจเองว่าจะเลือกเพลงไหน ดังนั้นหลินเยวียนจึงวิเคราะห์สไตล์ของเฉินจื้ออวี่อย่างจริงจัง
‘จะทำตามสไตล์เดิมของเขาดีไหมนะ’
หลินเยวียนขบคิดปัญหานี้ในใจ
เขารู้สึกว่ามีหลายเพลงที่เขาให้เฉินจื้ออวี่ร้องได้ แต่ก็รู้สึกว่าบางทีตนสามารถหาสิ่งที่แตกต่างให้เฉินจื้ออวี่ได้
ผู้ฟังต้องการความเซอร์ไพรส์
เฉินจื้ออวี่เป็นนักร้องที่คร่ำหวอดในวงการมานาน ทั้งผู้ฟังและแฟนคลับของเขาต่างก็เคยชินกับสไตล์ของเขามากแล้ว ถ้าเพลงที่ตนให้เขายังคงไปในแนวทางเดิม จะขาดความตื่นเต้นไปหรือเปล่า
ครั้งก่อนที่มณฑลฉี เพลงที่สุ่ยอวิ๋นสั่งทำก็มีเงื่อนไขว่าให้มีความแตกต่างไม่ใช่หรือ?
บางทีนักร้องดังทุกคนก็ล้วนหวังว่าผลงานของตนจะมีความแตกต่าง แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้สินะ
“สุ่ยอวิ๋นมีเพลงช้าค่อนข้างเยอะ ก็เลยให้เพลงเร็วไป…”
“ถ้าเป็นเฉินจื้ออวี่ ลองอะไรที่มีความร็อกหน่อยดีมั้ย…”
ดนตรีไม่ใช่สิ่งที่ตายตัวและเหมือนกันไปเสียทั้งหมด
สไตล์เพลงเดียวนั้นให้ความรู้สึกดั้งเดิม แต่ฟังบ่อยแล้วก็ชวนให้อยากเปลี่ยนรสชาติอย่างอดไม่ได้ ฉะนั้นในปัจจุบัน จึงมีเพลงที่พยายามผสมผสานหลากหลายสไตล์เข้าด้วยกันมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ทุกคนกำลังทำคือแสวงหาความเปลี่ยนแปลง
ยิ่งไปกว่านั้น จากคำพูดของจ้าวเจวี๋ย เฉินจื้ออวี่ไม่อยากเป็นที่สองอีกแล้ว…
หลินเยวียนก็ไม่อยากเป็นที่สองเหมือนกัน…
ที่หนึ่งได้เงินมากที่สุด ก็ต้องพยายามเต็มที่เพื่อคว้าอันดับหนึ่งมาให้ได้
นอกจากนั้น หลังจากที่ระบบเปิดคลังเพลง มีสารพัดบทเพลงให้เลือกไม่รู้จบ ถ้าคว้าอันดับหนึ่งมาไม่ได้ เขาจะต้องรู้สึกผิดต่อคลังเพลงอันกว้างใหญ่แห่งนี้แน่นอน
“ถ้าแสวงหาความเปลี่ยนแปลงละก็…”
หลินเยวียนฟังเพลงในคลังเพลงไปพลาง ขบคิดปัญหานี้ไปพลาง จนเขาพบแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น “อาร์แอนด์บี แล้วเติมความเป็นร็อกเข้าไปหน่อย รีแล็กซ์เล็กน้อย ทางที่ดีใส่แร็ปเข้าไปด้วยได้… ”
รู้แล้ว!
หลินเยวียนนึกถึงเพลงหนึ่ง เพลงนี้คุณภาพไม่เลว แถมยังเหมาะกับช่องเสียงของเฉินจื้ออวี่ สไตล์ไม่ได้ขัดกัน แล้วก็ยังให้ความรู้สึกแตกต่างแต่ผ่อนคลาย มีความเป็นร็อกปนอยู่
“สั่งทำเพลง ‘เปลี่ยนตัวเอง[1]’”
……………………………………………………
[1] เปลี่ยนตัวเอง (《改变自己》) ขับร้องโดยหวังลี่หง หรือที่รู้จักกันในนามวังลีฮอม (Leehom Wang) นักร้องชาวอเมริกัน เชื้อสายไต้หวัน