“จะยืนอยู่อย่างนั้นเหรอครับ”
หมายความว่ารีบไสหัวไปได้แล้ว
“กินข้าวกันมาหรือยัง”
อินซอบถามแบบนั้น และรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเองทันทีก่อนจะหันมามองอีอูยอน อีอูยอนยังคงยิ้มราวกับภาพวาดอยู่เหมือนเดิม
“นั่นสิครับ ถ้ายังไม่ได้กินข้าวก็มากินด้วยกันนะครับ”
“ได้เหรอ”
คราวนี้นาธานก็เดินเข้ามาในบ้านเป็นคนแรกเหมือนเดิม โลแกนก้มหัวให้ก่อนจะเดินเข้ามา และสุดท้ายแอรอนก็เข้ามาอยู่ข้างๆ อินซอบ
“มาเมื่อไรล่ะ ทำไมถึงไม่ยอมติดต่อมา เรียนเป็นยังไงบ้าง”
พออินซอบเอ่ยถามเบาๆ แอรอลก็ยิ้มโดยไม่พูดอะไร และขยี้ผมของพี่ชายจนยุ่ง
อินซอบรีบจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้เป็นทรง และมองอีอูยอน แต่อีอูยอนก็เดินเข้าไปด้านในแล้ว
“พวกนายนั่งกันให้เรียบร้อยนะ ฉันจะไปเตรียมอาหาร”
แม้อินซอบจะพูดอย่างนั้น แต่ฝาแฝดก็วิ่งไปทางระเบียงที่มีสระว่ายน้ำแล้วเรียบร้อย แถมนาธานก็กำลังถอดเสื้อเผื่อที่จะกระโดดลงสระด้วย
“นาธาน! โลแกน!”
อินซอบเรียกฝาแฝดเอาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วแอรอนก็สะกิดไหล่เขาพลางเอ่ย
[เดี๋ยวผมพูดเอง ไม่ต้องห่วง]
อินซอบเงยหน้ามองน้องชายคนรองที่ไว้ใจได้ และยิ้มออกมาทางตา จากนั้นเขาก็นึกถึงอีอูยอน และเดินไปทางทิศที่อีกฝ่ายหายไป
“ผมทำเองครับ”
พอเจออีอูยอนที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ อินซอบก็รีบไปจับแขนเขาไว้
“การดูแลแขกก็ต้องให้ผมทำสิครับ เรื่องแบบนี้เป็นหน้าที่ของเจ้านายอยู่แล้วนี่ครับ”
“…โกรธใช่ไหมครับ”
อินซอบรีบเอ่ยขอโทษก่อนที่อีอูยอนจะตอบ
“ดูเหมือนแม่จะสั่งให้จัดวันเกิดให้แทนน่ะครับ ปกติพวกเขาไม่ใช่เด็กที่ไม่มีมารยาทแบบนั้นหรอกครับ…”
“เหมือนจะเป็นเด็กดีกันทุกคนเลยนะครับ”
คำตอบของอีอูยอนทำให้ตาของอินซอบเป็นประกาย และแก้มแดง
“ทุกคนเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แล้วก็เป็นคนดีจริงๆ ครับ ทั้งสามคนเรียนก็เก่ง เล่นกีฬาก็ดี แล้วก็มีเพื่อนเยอะด้วย เป็นเด็กดีมากๆ เลยล่ะครับ”
ท่าทางนั้นเหมือนกับอวดลูกของตัวเอง
“พวกน้องๆ ก็ถูกรับมาเลี้ยงเหมือนกันเหรอครับ”
“…เปล่าครับ พวกเขาเป็นพี่น้องกันจริงๆ”
อีอูยอนคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนั้น นอกจากอินซอบ ทั้งสามคนนั้นเหมือนกันมากจนสามารถมองออกในปราดเดียวว่าเป็นพี่น้องกัน
“ต่างกับผมมากใช่ไหมครับ”
อินซอบหัวเราะแหะๆ อย่างไม่จริงใจพร้อมกับเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบเอาวัตถุดิบทำพาสต้าออกมา เขาโดนแกล้งตั้งแต่เด็กๆ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่ต่างกันคนอื่นอย่างสิ้นเชิง และทุกครั้งที่เขาโดนแกล้ง น้องๆ ก็จะก้าวออกมาและแสดงความโกรธราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง
“ตอนเด็กๆ ผมเศร้าเพราะเรื่องนั้นมากเลยครับ แต่ตอนนี้ผมไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะไม่ว่าใครจะว่ายังไง พวกเขาก็เป็นครอบครัวของผม”
พอประตูตู้เย็นถูกปิด อินซอบก็เจออีอูยอนที่ยืนอยู่หลังบานประตูจึงสะดุ้งตกใจ
“ต่างกันมากเลยนะครับ”
“…”
สายตาของอีอูยอนไล่มองใบหน้าของอินซอบอย่างเชื่องช้า
“มีแค่คุณคนเดียวที่สวย”
คำพูดที่ไม่คาดคิดนั้นทำให้ใบหน้าของอินซอบร้อนผ่าว อีอูยอนฉวยหัวหอมจากมือของอินซอบ
“ไปเล่นเถอะครับ ผมจะเตรียมเอง”
“ไม่ครับ ผมจะช่วย”
“บอกว่าไม่ได้เจอกันนานนี่ครับ คงมีเรื่องที่จะพูดด้วยเยอะไม่ใช่เหรอ”
เรื่องที่อยากจะคุยด้วยกองเยอะเป็นภูเขา และต่อให้คุยกันหลังกินข้าวเสร็จ เขาก็ต้องบ่นว่าเสียดายอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวผมคุยเรื่องที่อยากจะคุยด้วยเสร็จแล้วจะกลับมานะครับ”
นี่เป็นการปฏิเสธด้วยความเกรงใจ เพราะต่อให้กินข้าวเสร็จแล้ว เรื่องที่อยากจะคุยด้วยก็ยังเหลืออยู่
อีอูยอนยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับดันหลังของอินซอบ อินซอบปฏิเสธด้วยความเกรงใจอยู่หลายครั้ง แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเอาชนะได้ และไปรวมตัวอยู่กับพวกน้องๆ
***
[ฮ่าๆๆๆ จำหน้าลุงโอเวนตอนนั้นได้ไหม สุดยอดอะ]
[สุดยอดจริง!]
ฝาแฝดหัวเราะพร้อมกับตบไหล่อินซอบ
[อื้อ สนุกจริงๆ]
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ผู้ชายห้าคนก็นั่งล้อมวงกันและเริ่มดื่มเบียร์ และผลเสียที่ตามมาของละครครอบครัวก็คือบทของนักแสดงเยอะเกินไปมากๆ
อีอูยอนนั่งอยู่ตรงมุมที่ห่างจากอินซอบ และดื่มเหล้า ตอนที่เขาถือเบียร์เข้ามา น้องชายทั้งสามคนก็จัดแจงที่นั่งราวกับล้อมรอบอินซอบไว้เรียบร้อยแล้ว
[แล้วงานที่ทำที่นี่จะเสร็จตอนไหนเหรอ เรื่องมหา’ลัยล่ะ]
[ยังไม่รู้เลย แต่มาที่นี่ก็ดีนะ เพราะได้เจอหน้าพวกนาย]
อินซอบที่หน้าแดงทั้งๆ ที่ยังดื่มเบียร์ไปได้ไม่ถึงครึ่งกระป๋องพูดงึมงำ พอดื่มเหล้าเข้าไปนิดเดียว เขาก็จะทำตัวน่ารักไม่หยุด แล้วก็หัวเราะเยอะขึ้น และก็เหมือนจะไม่สามารถแยกได้แล้วว่าตัวเองพูดภาษาอังกฤษ หรือภาษาเกาหลี
“เลิกดื่มได้แล้วครับ”
อีอูยอนฉวยเบียร์ที่อินซอบถืออยู่ในมือมา อินซอบกะพริบตาก่อนจะพยักหน้า
[สองคนสนิทกันได้ยังไงเหรอ]
นาธานชี้อีอูยอนสลับกับพี่ชายของตัวเองพลางเอ่ยถาม
“คุณอีอูยอนกับฉันเหรอ สนิทกันได้ยังไงน่ะเหรอ”
อีอูยอนฉวยโอกาสที่อินซอบจมอยู่ในความคิดเอ่ยตอบ
“ตอนที่เผชิญหน้ากับความลำบากที่บริษัท ผมได้รับความช่วยเหลือจากคุณอินซอบหลายครั้งเลยล่ะครับ”
“พี่ของเราใจดีใช่ไหมล่ะครับ เป็นนางฟ้าแท้ๆ เลย”
นาธานที่หน้าเริ่มแดงจากฤทธิ์ของเหล้าตะโกนว่านางฟ้าพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างกุมหน้าอินซอบไว้และจับโยกไปมา นี่เป็นท่าทางที่เหมือนกับปฏิบัติต่อน้องเล็กมากกว่าจะเป็นพี่ชาย และโลแกนเองก็ทำด้วย
“พอได้แล้ว ทำแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นไม่ได้นะ”
แอรอนดุน้องของตัวเองด้วยท่าทีเข้มงวด น้องชายคนรองนั้นสุขุมและใจเย็นต่างกับน้องชายที่ขี้เล่นมาก และนั่นก็ทำให้เขาดูเหมือนกับเป็นพี่คนโต นาธานที่โดนตำหนิขอโทษทันที
[ขอโทษนะปีเตอร์ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อารมณ์เสียนะ]
[ไม่เป็นไร ฉันไม่เคยอารมณ์เสียเลยสักครั้ง]
นาธานยิ้มพร้อมกับโอบไหล่ของอินซอบไว้ อีอูยอนบีบกระป๋องเบียร์เปล่าจนเสียรูปทรงก่อนจะโยนลงถังขยะ จากนั้นก็ลุกขึ้น
“จะดื่มอีกไหมครับ”
“ครับ!”
พอเห็นโลแกนตอบอย่างร่าเริง อีอูยอนก็เก็บคำด่าว่า “ไอ้เด็กความรู้สึกช้าเอ๊ย” เอาไว้และยิ้มให้
เขาเปิดประตูตู้เย็นที่เก็บเหล้าหลายชนิด และรู้สึกว่ามีคนอยู่ข้างหลัง พอหันกลับไปมองก็พบว่าแอรอนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น
“ต้องการอะไรเหรอครับ”
[คุยกันสักครู่ได้ไหมครับ]
อีอูยอนครางรับในลำคอก่อนจะยกมุมปากขึ้นยิ้ม
ฝาแฝดพูดด้วยภาษาเกาหลีที่ไม่ถนัดในครั้งแรก แล้วหลังจากนั้นก็พูดด้วยภาษาอังกฤษ แต่แอรอนกลับพูดด้วยภาษาเกาหลีอย่างเดียวตามที่อินซอบสั่งมาตลอด และตอนนี้เขากำลังพูดด้วยภาษาอังกฤษ
[พูดมาเลยครับ]
อีอูยอนกอดอกพร้อมกับเอ่ยตอบ แม้จะดูเหมือนแอรอนทำตัวมีมารยาท แต่เขาก็รู้ถึงท่าทีเป็นศัตรูที่อีกฝ่ายมีต่อตนตลอดการกินข้าว
[รู้จักเจมส์ กอร์ดอนไหมครับ]
อีอูยอนส่ายหน้า
[เขาเป็นนักกีฬาฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม แต่กระจกตาข้างหนึ่งกลับถูกลอก เพราะเข้าไปเกี่ยวกับการทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันน่ะครับ ได้ยินว่าลาออกไปเลยในตอนนั้น เขาเป็นญาติของเพื่อนผมเองครับ วันนั้นเหมือนผมกับเพื่อนจะไปเล่นที่สนามแข่งขันด้วย]
อีอูยอนตอบว่า “อย่างนั้นเหรอครับ” ด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ ที่นี่เป็นที่ที่เหมือนจะกว้างแต่ก็แคบ ดังนั้นการที่คนที่รู้จักเขาจะโผล่มาสักคนจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ก็แค่โชคไม่ดีนิดหน่อยเท่านั้นที่คนคนนั้นดันเป็นน้องชายของอินซอบ ไม่สิ อันที่จริงเขาไม่สนใจด้วยซ้ำ อีอูยอนไม่คิดที่จะดูดีในสายตาของน้องชายของอินซอบเลยแม้แต่นิดเดียว
[ปีเตอร์รู้เรื่องนั้นไหมครับ]
[ก็ไม่รู้สิครับ เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน จำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องพวกนั้นด้วยเหรอ]
[ทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันแน่เหรอครับ]
[อยากให้ไม่ใช่เหรอครับ]
พออีอูยอนตอบโต้ด้วยคำถาม แอรอนก็ทำหน้านิ่งราวกับสับสน เขาไม่อยากจะพูดคำพูดที่จะสร้างบาดแผลให้กับพี่ชายเลยสักนิด
เขาเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับจิตใจที่ดี ไม่ใช่แค่แอรอนเท่านั้น แต่น้องชายฝาแฝดก็เหมือนกัน ถึงจะได้ลองคุยกันแค่ไม่กี่ประโยค แต่ก็เหมือนกันจนรู้ได้เลยว่าเป็นน้องชายของอินซอบ
ความต้องการที่บิดเบี้ยวอย่างน่าเวทนาที่ลืมไปแล้วผุดขึ้นมาใหม่
ถ้ารู้ว่าพี่ชายที่พวกนายรักอย่างหาที่สุดไม่ได้นอนอ้าขาอยู่ใต้ร่างของฉันพร้อมกับร้องขอให้สอดใส่เข้าไปอีกทุกคืน พวกนายจะทำหน้ายังไงนะ ตอนนั้นจะยังเรียกว่านางฟ้าได้อยู่หรือเปล่า
อีอูยอนยิ้มพร้อมกับหลุบตามองด้านล่างอย่างช้าๆ และในตอนที่กำลังจะเปิดปากพูด อินซอบก็เข้ามาในห้องครัวพอดี
“บอกว่าจะไปห้องน้ำนี่ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ ห้องน้ำอยู่ทางโน้นต่างหาก”
อินซอบช่วยบอกทางให้กับน้องชายอย่างใจดี แอรอนยิ้มโดยไม่พูดอะไร และเดินออกไปหลังจากขยี้ผมของพี่ชายตัวเอง
“ผมมาตามหาเพราะคุณไม่ยอมกลับไปน่ะครับ”
เบียร์ที่อีอูยอนยกขึ้นไปวางบนโต๊ะถูกอินซอบโอบกอดเอาไว้
“แค่นี้พอไหมครับ ถ้ามีของที่ต้องการอีกก็บอกมาตอนนี้เลยนะครับ ผมจะได้หยิบออกมาให้”
“…จะไปแล้วเหรอครับ”
“ครับ ดื่มกันพอประมาณนะครับ ส่วนคุณอินซอบห้ามดื่มแล้วนะครับ เพราะคุณเมานิดหน่อยแล้ว”
อีอูยอนใช้หลังมือลูบแก้มของอินซอบ และก้มหน้าลงเพื่อจะจูบ แต่เนื่องจากอินซอบถอยหลังไปด้วยความตกใจ จึงไม่โดนปาก
“…”
อีอูยอนมองอินซอบทั้งๆ ที่ยังก้มตัวอยู่
“ขะ ขอโทษครับ เพราะน้องๆ อยู่…”
อีอูยอนหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ผมน่ะจับคุณนอนลงบนโต๊ะแล้วมีอะไรกันต่อหน้าเด็กพวกนั้นยังได้เลย”
“…!”
ใบหน้าของอินซอบซีดเผือด
“ล้อเล่นครับ”
อีอูยอนตบไหล่ของอินซอบเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
แล้วอีอูยอนก็ออกไปก่อนที่อินซอบจะทันได้พูดอะไร
***
[คิดอะไรขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว]
คำถามของโลแกนเรียกให้อินซอบเงยหน้าขึ้นทันที
“หืม ว่าไงนะ”
[ถามว่าคิดอะไรอยู่]
“ไม่ได้คิดอะไร”
อินซอบยิ้มพลางส่ายหน้า เขาลูบแก้วเบียร์เปล่าก่อนจะลุกขึ้น
“ฉันไปห้องน้ำเดี๋ยวนะ”
อินซอบขออนุญาตพวกน้องๆ และลุกออกไปจากที่ เขาหาอีอูยอนที่ลุกออกไปก่อนที่ชั้นหนึ่งไม่เจอ พอขึ้นไปที่ชั้นสอง แม้จะเคาะประตูห้องของเขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงว่ามีคนอยู่เลย
อยู่ที่ไหนนะ
อินซอบหันไปมองรอบๆ และได้กลิ่นควันที่ลอยมาจากระเบียงชั้นสอง อีอูยอนกำลังสูบบุหรี่พร้อมกับดื่มเหล้าอยู่อย่างที่คิด
“มาแล้วเหรอครับ”
อีอูยอนเห็นอินซอบจึงยิ้มให้
“…ไม่นอนเหรอครับ”
“อืม นอนไม่หลับน่ะ”
อินซอบเดินไปหาอีอูยอน
“ขอโทษครับ”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ที่หลบเมื่อกี้น่ะ…ผมไม่ได้ทำไปเพราะอายในตัวคุณอีอูยอนนะครับ”
อีอูยอนคาบบุหรี่ไว้ในปากพลางหรี่ตา
“ผมทำเพราะกลัวว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้คุณอีอูยอนน่ะครับ”
“ตอนนี้ผมไม่ใช่ดาราแล้วหรือเปล่า?”
อีอูยอนบี้บุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่
“ผมไม่ได้โกรธเพราะเรื่องนั้นหรอกครับ”
“…”
แต่เขาก็ไม่ได้พูดว่าไม่โกรธ อินซอบคิดอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยปากพูด
“ผมรู้ครับว่าการมาหาโดยไม่ขออนุญาตล่วงหน้าเป็นเรื่องที่เสียมารยาท ผมขอโทษแทนน้องชายด้วยนะครับ ผมจะลงไปบอกให้เขากลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยครับ”
ต่อให้แม่ขอร้อง แต่การมาหาโดยไม่โทรศัพท์มาบอกเลยสักสายก็เป็นการกระทำที่ล้ำเส้นอย่างแน่นอน แม้จะเป็นน้องที่ตัวเขายินดีที่ได้เจอ แต่ก็เป็นแค่คนอื่นสำหรับอีอูยอน
“ทำไมคุณอินซอบต้องขอโทษแทนด้วยล่ะครับ”
“ครับ? ก็เพราะเป็นน้องชายของผม…”
“เพราะอย่างนั้นก็เลยขอโทษแทน แม้ว่าเด็กพวกนั้นจะเกาะแกะคุณอินซอบตามใจชอบเหรอครับ”
อินซอบกะพริบตาอยู่ประมาณสองครั้ง จากนั้นเขาก็เข้าใจคำพูดของอีอูยอนและยิ้มเล็กน้อย
“ถึงตัวจะโต แต่ก็เป็นเด็กนี่ครับ พวกเขาเป็นแบบนั้นตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ซนแล้วก็…”
“เพราะอย่างนั้นก็เลยปล่อยให้ทำตามอำเภอใจอยู่เรื่อยเหรอครับ”
“…พวกเขาเป็นน้องของผมนะครับ”
รอยยิ้มบิดเบี้ยวติดอยู่ที่ริมฝีปากของอีอูยอน
“ไม่ใช่น้องซะหน่อย”
“ครับ?”
“เป็นคนอื่นนี่ครับ กับคุณน่ะ”
TW : เนื้อหาตอนต่อไปจะมีการกล่าวถึงจินตนาการ incest นะคะ ( อยู่ช่วงท้ายบท เป็นการพูด Dirty Talk ของอีอูยอนที่สมมติเหตุการณ์ว่าตัวเองเป็นน้องชายของอินซอบ)